The four variables that make up a f

The four variables that make up a firm’s credit policy are (1) discount amount and period, (2) credit period, (3) credit standards, and (4) collection policy. Cash discounts generally produce two benefits: (1) they attract new customers who view discounts as a price reduction, thus sales would increase, and (2) they cause a reduction in the days sales outstanding (DSO) since some established customers will pay more promptly to take advantage of the discount, thus the level of receivables held would decline. Discounts might encourage customers now paying late to pay more promptly. Of course, these benefits are offset to some degree by the dollar cost of the discounts. The effect on bad debt expense is indeterminate. If the firm tightened its credit policy it is unclear what the firm would do with its cash discount policy. The firm could decrease the discount period and keep discounts unchanged.
Credit period is the length of time allowed all “qualified” customers to pay for their purchases. The shorter a firm’s credit period, the shorter the firm’s days sales outstanding, and the lower the level of receivables held. A shorter credit period might also tend to decrease sales, especially when a competitor’s credit period is longer than the firm’s own credit period. The effect of the credit period on bad debt expense is indeterminate.
In order to qualify for credit in the first place, customers must meet the firm’s credit standards. These dictate the minimum acceptable financial position required of customers to receive credit. Also, a firm may impose differing credit limits depending on the customer’s financial strength. Tight credit standards would tend to decrease sales (fewer customers would qualify for credit), decrease the level of receivables held, and would cause a decrease in the amount of bad debt expenses. The level of receivables held would be decreased due to the lower level of sales and also the probability that customers now qualifying for credit would take less time to pay. Bad debt expenses should decrease due to raising customers’ minimum acceptable financial positions.
Finally, collection policy refers to the procedures that the firm follows to collect past-due accounts. These can range from a simple letter or phone call to turning the account over to a collection agency. A tight collection policy would decrease the level of receivables held, as customers would decrease the length of time they took to pay their bills. A tight collection policy would also cause a decrease in the amount of bad debt losses the firm incurred.
A tightening of credit policy would tend to decrease sales, decrease the level of receivables held, and decrease the amount of bad debt expenses.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัวแปรสี่ที่สร้างนโยบายสินเชื่อของบริษัทคือ (1) ยอดเงินส่วนลด และระยะเวลา ระยะเวลา (2) สินเชื่อ มาตรฐาน (3) สินเชื่อ และนโยบาย (4) รวบรวม ส่วนลดเงินสดโดยทั่วไปผลิตประโยชน์สอง: (1) จะดึงดูดลูกค้าใหม่ดูส่วนลดเป็นลดราคา ทำ ขายจะ เพิ่ม และ (2) จะทำให้ลดจำนวนวันถัว (DSO) เนื่องจากลูกค้าบางรายที่จัดตั้งขึ้นจะจ่ายมากขึ้นทันทีเพื่อใช้ประโยชน์จากส่วนลด ดังนั้น ระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นจะปฏิเสธ ส่วนลดอาจส่งเสริมให้ลูกค้าตอนนี้ จ่ายช้าจ่ายขึ้นทันที แน่นอน ผลประโยชน์เหล่านี้ถูกออฟเซ็ตกับ โดยต้นทุนดอลลาร์ของส่วนลด ผลค่าใช้จ่ายหนี้สูญคือไม่ทราบแน่ชัด ถ้าบริษัททำให้รัดกุมนโยบายสินเชื่อเป็นที่ชัดเจนของบริษัทจะทำอะไรมีนโยบายส่วนลดเงินสด บริษัทสามารถลดรอบระยะเวลาส่วนลด และให้ส่วนลดเท่าเดิมเครดิตรอบระยะเวลาเป็นระยะเวลาที่อนุญาตให้ลูกค้าทั้งหมด "เหมาะสม" ที่จะจ่ายสำหรับการซื้อของพวกเขา สั้นที่ระยะเวลาสินเชื่อของบริษัท ที่สั้นของบริษัทวันถัวเฉลี่ย ระดับต่ำลงของลูกหนี้ขึ้น สินเชื่อระยะสั้นอาจมีแนวโน้มลดลงขาย โดยเฉพาะเมื่อรอบระยะเวลาของสินเชื่อของคู่แข่งมีความยาวมากกว่าระยะเวลาสินเชื่อของบริษัท ผลของระยะเวลาสินเชื่อค่าใช้จ่ายหนี้สูญคือไม่ทราบแน่ชัดเพื่อรับเครดิตแรก ลูกค้าต้องตรงตามมาตรฐานของบริษัทสินเชื่อ เหล่านี้บอกขั้นต่ำยอมรับเงินตำแหน่งที่จำเป็นของลูกค้าจะได้รับเครดิต ยัง บริษัทอาจกำหนดวงเงินสินเชื่อที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางการเงินของลูกค้า มาตรฐานจะมีแนวโน้มลดลงการขาย (ลูกค้าจะรับเครดิต), เครดิตแน่นลดระดับลูกหนี้จัด และจะทำให้เกิดการลดจำนวนหนี้เสียค่าใช้จ่าย ระดับของบัญชีลูกหนี้ที่จัดขึ้นจะลดลงเนื่องจากระดับล่างของการขาย และความน่าเป็นที่ตอนนี้ โปรสำหรับเครดิตลูกค้าจะใช้เวลาน้อยจ่าย ค่าใช้จ่ายหนี้สูญจะลดลงเนื่องจากการเพิ่มของลูกค้าต่ำสุดยอมรับเงินตำแหน่งสุดท้าย นโยบายการเรียกเก็บเงินหมายถึงกระบวนการที่บริษัทเก็บบัญชีพ้น เหล่านี้สามารถช่วงจากเรื่องจดหมายหรือโทรศัพท์ไปเปิดบัญชีผ่านการเป็นตัวแทนเก็บเงิน นโยบายการเรียกเก็บเงินงวดจะลดระดับของลูกหนี้จัด เป็นลูกค้าจะลดระยะเวลา ที่พวกเขาเอาไปชำระค่าใช้จ่ายของพวกเขา นโยบายชุดแน่นจะทำให้เกิดการลดจำนวนหนี้สูญขาดทุนที่เกิดขึ้นบริษัทการขันของนโยบายสินเชื่อจะมีแนวโน้มลดขาย ลดระดับลูกหนี้จัดขึ้น และลดค่าใช้จ่ายหนี้สูญ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สี่ตัวแปรที่ทำขึ้นนโยบายการให้สินเชื่อของ บริษัท เป็น (1) จำนวนส่วนลดและระยะเวลาการ (2) ระยะเวลาเครดิต (3) มาตรฐานการให้สินเชื่อและ (4) นโยบายการเก็บรวบรวม ส่วนลดเงินสดโดยทั่วไปสองประโยชน์ (1) พวกเขาดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ดูส่วนลดเป็นการลดราคาจึงขายจะเพิ่มขึ้นและ (2) จะก่อให้เกิดการลดลงในวันที่ยอดขายที่โดดเด่น (DSO) ตั้งแต่ลูกค้าที่จัดตั้งขึ้นบางส่วนจะต้องจ่ายมากขึ้น ทันทีเพื่อใช้ประโยชน์จากส่วนลดที่ทำให้ระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นจะลดลง ส่วนลดอาจกระตุ้นให้ลูกค้าจ่ายเงินช่วงปลายปีที่จะจ่ายมากขึ้นทันที แน่นอนว่าผลประโยชน์เหล่านี้จะถูกชดเชยได้ในระดับหนึ่งโดยค่าเงินดอลลาร์จากส่วนลดที่ ผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายหนี้สูญคือไม่แน่นอน หาก บริษัท ที่รัดกุมนโยบายการให้สินเชื่อของมันไม่มีความชัดเจนว่า บริษัท จะทำอย่างไรกับนโยบายเงินสดส่วนลด บริษัท สามารถลดระยะเวลาการลดและให้ส่วนลดไม่เปลี่ยนแปลง.
ระยะเวลาการให้สินเชื่อคือระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ทุกคน "คุณภาพ" ให้ลูกค้าที่จะจ่ายสำหรับการซื้อของพวกเขา ที่สั้นกว่าระยะเวลาเครดิตของ บริษัท ที่สั้นกว่าวันของ บริษัท ขายที่โดดเด่นและต่ำกว่าระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้น ระยะเวลาเครดิตที่สั้นลงนอกจากนี้ยังอาจมีแนวโน้มที่จะลดลงการขายโดยเฉพาะเมื่อระยะเวลาเครดิตคู่แข่งมีความยาวมากกว่าระยะเวลาเครดิตของตัวเองของ บริษัท ผลของระยะเวลาเครดิตค่าใช้จ่ายหนี้สูญเป็นไม่แน่นอน.
เพื่อที่จะมีสิทธิ์ได้รับเครดิตในครั้งแรกที่ลูกค้าต้องเป็นไปตามมาตรฐานของ บริษัท บัตรเครดิต เหล่านี้กำหนดฐานะทางการเงินที่ต่ำสุดที่ยอมรับได้ต้องของลูกค้าที่จะได้รับเครดิต นอกจากนี้ บริษัท อาจกำหนดวงเงินสินเชื่อที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางการเงินของลูกค้า มาตรฐานการให้สินเชื่อแน่นจะมีแนวโน้มที่จะลดลงการขาย (ลูกค้าน้อยลงจะมีสิทธิ์ได้รับเครดิต), ลดระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นและจะทำให้เกิดการลดลงของจำนวนเงินค่าใช้จ่ายหนี้ที่ไม่ดี ระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นจะได้รับการลดลงเนื่องจากระดับที่ต่ำกว่าของยอดขายและเป็นไปได้ว่าลูกค้าที่มีคุณสมบัติสำหรับเครดิตจะใช้เวลาน้อยที่จะต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายหนี้สูญจะลดลงเนื่องจากการเพิ่มของลูกค้าขั้นต่ำฐานะการเงินที่ยอมรับ.
สุดท้ายนโยบายการเก็บหมายถึงขั้นตอนที่ บริษัท ดังต่อไปนี้ในการเก็บรวบรวมบัญชีที่ผ่านมาเนื่องจาก เหล่านี้สามารถช่วงจากจดหมายง่ายหรือโทรศัพท์ไปเปลี่ยนบัญชีไปยังหน่วยงานจัดเก็บ นโยบายการเก็บรวบรวมแน่นจะลดระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นเป็นลูกค้าจะลดลงตามความยาวของเวลาที่พวกเขาเอาไปชำระค่าใช้จ่ายของพวกเขา นโยบายการเก็บรวบรวมแน่นนอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการลดลงของจำนวนเงินของการสูญเสียหนี้สูญของ บริษัท ที่เกิดขึ้น.
คุมเข้มนโยบายเครดิตจะมีแนวโน้มที่จะลดลงการขาย, การลดระดับของลูกหนี้ที่จัดขึ้นและลดปริมาณของหนี้ค่าใช้จ่ายที่ไม่ดี