In prior studies of hip rotation an

In prior studies of hip rotation and LBP, the measurement of interest has been either active or passive end range hip rotation. The patients studied have been those with and without LBP who participate in a variety of activities. The findings from reports of active hip rotation motion and LBP have been mixed. Fairbank et al. (1984) reported that adolescents with LBP tended to have less left hip rotation than adolescents without LBP (3° difference). There were, however, no group differences in right hip rotation. In a study of young adults, Mellin (1990) found that women with LBP had less active hip lateral rotation than women without LBP, but there were no differences in active hip medial rotation between women with and without LBP. Mellin (1990) also reported no differences between men with and without LBP for active hip medial or lateral rotation. Chesworth et al. (1994), on the other hand, reported significantly less active medial, lateral and total hip rotation in people with LBP compared to people without LBP. Findings from studies of passive hip rotation motion and LBP have also been equivocal. Ellison et al. (1990) reported no differences in passive range of hip rotation motion between people with and people without LBP. Different patterns of end-range hip rotation motion, however, were identified in people with and without LBP. Cibulka et al. (1998) identified a specific pattern of passive hip rotation motion in people with LBP in which hip lateral rotation was significantly greater than medial rotation on the side associated with the LBP symptoms. The identified pattern, though, was specific only to a subset of people with LBP who presented with signs associated with sacroiliac joint dysfunction (Cibulka et al., 1998; Cibulka, 1999). Thus, the findings across these studies suggest that there may be a relationship between hip rotation mobility and LBP, but the specific nature of the relationship remains unclear.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษาก่อนหมุนสะโพกและแอลบีพี วัดน่าสนใจได้รับทั้งสิ้นสุดแอคที ฟหรือช่วงสะโพกหมุน ผู้ป่วยที่ศึกษาได้ที่มี และไม่ มีแอลบีพีที่เข้าร่วมในกิจกรรมที่หลากหลาย มีการผสมที่พบจากรายงานความเคลื่อนไหวหมุนสะโพกใช้แอลบีพี Fairbank et al. (1984) รายงานว่า วัยรุ่นกับแอลบีพีมีแนวโน้มจะ มีน้อยซ้ายหมุนสะโพกมากกว่าวัยรุ่นที่ไม่มีแอลบีพี (ส่วนต่าง 3°) มีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีความแตกต่างของกลุ่มหมุนสะโพกขวา ในการศึกษาผู้ใหญ่ Mellin (1990) พบว่า ผู้หญิงที่ มีแอลบีพีมีงานน้อยหมุนด้านข้างสะโพกมากกว่าผู้หญิงโดยแอลบีพี แต่มีความแตกต่างไม่ใช้สะโพกหมุนด้านใกล้กลางระหว่างผู้หญิงที่มี และไม่ มีแอลบีพี Mellin (1990) รายงานไม่มีความแตกต่างระหว่างคนมี และไม่ มีแอลบีพีสำหรับใช้งานสะโพกด้านข้าง หรือด้านใกล้กลางหมุน Chesworth et al. (1994), บนมืออื่น ๆ รายงานมากใช้งานน้อยด้านใกล้กลาง ด้านข้าง และรวมสะโพกหมุนคน โดยเปรียบเทียบกับคนไม่มีแอลบีพีแอลบีพี ผลการวิจัยจากการศึกษาของการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกแฝงและแอลบีพียังมี equivocal เอลลิสันและ al. (1990) รายงานไม่ความแตกต่างในช่วงของการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกแฝงระหว่างคนกับคนโดยไม่มีแอลบีพี รูปแบบของการเคลื่อนไหวช่วงสิ้นสุดการหมุนสะโพก อย่างไร ตามระบุในคนมี และไม่ มีแอลบีพี Cibulka et al. (1998) ระบุรูปแบบเฉพาะของการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกแฝงในคน ด้วยการหมุนสะโพกด้านข้างได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าด้านใกล้กลางหมุนทางด้านที่เกี่ยวข้องกับอาการแอลบีพีแอลบีพี รูปแบบการระบุ แม้ว่า มีเฉพาะสัมพันธ์ของคนกับแอลบีพีที่แสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับชวนร่วม sacroiliac (Cibulka et al., 1998 Cibulka, 1999) ดังนั้น ที่พบในการศึกษานี้แนะนำว่า อาจจะมีความสัมพันธ์ระหว่างการหมุนสะโพกเคลื่อนและแอลบีพี แต่ลักษณะเฉพาะของความสัมพันธ์ยังคงไม่ชัดเจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษาก่อนการหมุนสะโพกและ LBP วัดที่น่าสนใจที่ได้รับไม่ว่าจะเป็นงานหรือ passive ปลายหมุนสะโพกช่วง ผู้ป่วยที่ได้รับการศึกษาที่มีและไม่มีอาการปวดหลังที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่หลากหลาย การค้นพบจากรายงานของการใช้งานการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกและ LBP ได้รับการผสม แฟร์แบงก์และคณะ (1984) รายงานว่าวัยรุ่นที่มีอาการปวดหลังมีแนวโน้มที่จะมีการหมุนสะโพกซ้ายน้อยกว่าวัยรุ่นโดยไม่ต้อง LBP (3 °ความแตกต่าง) มี แต่กลุ่มไม่มีความแตกต่างในการหมุนสะโพกขวา ในการศึกษาของเด็กผู้ใหญ่, Mellin (1990) พบว่าผู้หญิงที่มีอาการปวดหลังมีการหมุนด้านข้างสะโพกใช้งานน้อยกว่าผู้หญิงโดยไม่ต้อง LBP แต่มีความแตกต่างในการหมุนอยู่ตรงกลางที่ใช้งานสะโพกระหว่างผู้หญิงที่มีและไม่มีอาการปวดหลังไม่มี Mellin (1990) นอกจากนี้ยังมีรายงานความแตกต่างระหว่างคนที่ไม่มีที่มีและไม่มีอาการปวดหลังสำหรับตรงกลางสะโพกใช้งานหรือการหมุนด้านข้าง Chesworth และคณะ (1994) ในขณะที่รายงานอยู่ตรงกลางใช้งานน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญการหมุนสะโพกด้านข้างและรวมในผู้ที่มีอาการปวดหลังเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีอาการปวดหลัง ผลการวิจัยจากการศึกษาเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวหมุนสะโพกและ LBP ก็ยังคงคลุมเครือ เอลลิสันและคณะ (1990) รายงานความแตกต่างในช่วงเรื่อย ๆ ของการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกระหว่างคนที่มีและคนที่ไม่มี LBP ไม่มี รูปแบบที่แตกต่างจากช่วงปลายการเคลื่อนไหวหมุนสะโพก แต่ถูกระบุในผู้ที่มีและไม่มีอาการปวดหลัง Cibulka และคณะ (1998) ระบุรูปแบบเฉพาะของสะโพกเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวหมุนในผู้ที่มีอาการปวดหลังที่หมุนด้านข้างสะโพกอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการหมุนอยู่ตรงกลางในด้านที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหลัง รูปแบบการระบุว่าเป็นที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้นที่จะย่อยของคนที่มีอาการปวดหลังที่จะมีอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติ sacroiliac ร่วมค้า (Cibulka et al, 1998. Cibulka, 1999) ดังนั้นการค้นพบในการศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าอาจจะมีความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกและ LBP แต่ลักษณะเฉพาะของความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในศึกษาก่อนหมุนสะโพกและปวดหลัง การวัดความสนใจได้ทั้ง active หรือ passive สิ้นสุดช่วงสะโพกหมุน ผู้ป่วยที่ศึกษามีผู้ที่มีและไม่มีอาการปวดหลังที่เข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ จากผลรายงานของ Active สะโพกหมุนการเคลื่อนไหวและท่าได้รับการผสม แฟร์แบงก์ et al .( 1984 ) รายงานว่า วัยรุ่นกับ LBP มีแนวโน้มน้อยลงเหลือสะโพกหมุนกว่าวัยรุ่นโดยไม่ปวดหลัง ( 3 องศาที่แตกต่าง ) มี แต่ไม่มีความแตกต่างในกลุ่มสะโพกหมุน ในการศึกษาของคนหนุ่มสาว , การแปลงก ( 1990 ) พบว่า ผู้หญิงที่มี LBP ได้น้อยกว่าการใช้งานสะโพกด้านข้างหมุนโดยไม่ปวดหลังมากกว่าผู้หญิง ,แต่ไม่มีความแตกต่างในการใช้งานสะโพกหมุนระหว่างผู้หญิงที่มีและไม่มีแนว LBP . การแปลงก ( 1990 ) รายงานยังไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ชายและไม่ปวดหลังสะโพกอยู่ตรงกลางหรือด้านข้างงานหมุน chesworth et al . ( 1994 ) , บนมืออื่น ๆที่รายงานน้อยมาก ใช้งานอยู่ตรงกลางด้านข้างและรวมสะโพกหมุนในผู้ที่มีท่าเทียบกับคนที่ไม่มีท่า .ผลจากการศึกษาของเรื่อยๆ สะโพกหมุนเคลื่อนไหวและปวดหลังยังน่าสงสัย . เอลลิสัน et al . ( 1990 ) รายงานว่าไม่มีความแตกต่างในเรื่อยๆช่วงของการเคลื่อนไหวหมุนสะโพกและระหว่างประชาชนกับประชาชน โดยไม่ปวดหลัง . รูปแบบที่แตกต่างกันของปลายช่วงสะโพก การเคลื่อนที่แบบหมุน แต่ถูกระบุในผู้ที่มีและไม่มีอาการปวดหลัง . cibulka et al .( 1998 ) ระบุรูปแบบเฉพาะของเรื่อยๆ สะโพกหมุนเคลื่อนไหวในคนด้วยท่าที่สะโพกด้านข้างหมุนได้สูงกว่าหมุนอยู่ตรงกลางในด้านที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหลัง . ระบุรูปแบบ แต่เป็นเฉพาะบางส่วนของผู้ที่มีท่าที่แสดงเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อ sacroiliac ความผิดปกติ ( cibulka et al . , 1998 ; cibulka ,1999 ) ดังนั้น ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าข้ามอาจจะมีความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่หมุนสะโพกและปวดหลัง แต่ลักษณะเฉพาะของความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน