What is Le Chatelier's principle?In

What is Le Chatelier's principle?
In chemistry, Le Chatelier's principle, also called Chatelier's principle or "The Equilibrium Law", can be used to predict the effect of a change in conditions on a chemical equilibrium.
The principle is named after Henry Louis Le Chatelier and sometimes Karl Ferdinand Braun who discovered it independently. It can be stated as:
If a chemical system at equilibrium experiences a change in concentration, temperature, volume, or pressure, then the equilibrium shifts to counteract the imposed change and a new equilibrium is established.
Why is Le Chatelier's principle important?
Le Chatelier's Principle is important, because it allows us to shift an equilibrium to the side that we would like to favor. For example the Haber Process produces ammonia reversibly.
N2(g)+3H2(g)→2NH3(g)
http://www.chemguide.co.uk
The reaction is run at high pressures, because there are 2 moles of ammonia on the product side, but 4 moles of gas on the reactant side (3 mol of hydrogen and 1 mol of nitrogen). Since 2 mol of gas occupies a smaller volume than 4, increasing the pressure will increase the amount of ammonia at equilibrium.
Interestingly, high temperatures favors the reactant side, but the reaction will reach equilibrium faster at higher temperatures, which is why the reaction is carried out at a moderately high temperature.
How does concentration effect Le Chatelier's principle?
According to Le Chatelier's principle, a disturbance in a system will cause a shift to counter the effect of this disturbance
Changes in concentration of reactants or products will cause a shift to reestablish the equilibrium.
If the concentration of a substance is increased, the reaction shifts to consume the excess substance.
Conversely, if the concentration of a substance is decreased the reaction produces more of that substance until equilibrium is reestablished.
Let us use the classic Haber reaction as an example
Nitrogen and hydrogen gases are reacted to produce ammonia
N2 + 3H2 ----> 2 NH3
If the concentration of nitrogen or hydrogen gas is increased, will cause both reactants to be consumed and thus shift the reaction to favor the product which is an increased concentration of ammonia.
Similarly, you can also raise the concentration of ammonia by removing ammonia from the reaction mixture and thus shifting toward the product side.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักการของ Le Chatelier คืออะไรหลักการของ Le Chatelier เรียกว่าหลักของ Chatelier หรือ "สมดุลกฎหมาย" สามารถใช้เพื่อทำนายผลของการเปลี่ยนแปลงในสภาวะสมดุลเคมีเคมีหลักการตั้งชื่อ Henry Louis Le Chatelier และบางครั้งคาร์ลเฟอร์ดินานด์ Braun ที่ค้นพบอย่างอิสระ มันสามารถระบุเป็น:ถ้าระบบที่สมดุลเคมีประสบการณ์การเปลี่ยนแปลง ในความเข้มข้น อุณหภูมิ ปริมาตร แรงดัน แล้วสมดุลเลื่อนไปถอนเปลี่ยนตาม และสร้างสมดุลใหม่เหตุการของ Le Chatelier หลักสำคัญไหมหลักการของ le Chatelier เป็นสำคัญ เนื่องจากมันช่วยให้เราสามารถเลื่อนการสมดุลไปทางด้านที่เราอยากจะชอบ ตัวอย่าง กระบวนการฮาเบอร์สร้างแอมโมเนีย reversiblyN2(g)+3H2(g)→2NH3(g)http://www.chemguide.co.ukคุณสามารถรันปฏิกิริยาที่ความดันสูง เนื่องจากมี 2 โมลของแอมโมเนียในด้านผลิตภัณฑ์ แต่ 4 โมลของแก๊สด้านตัวทำปฏิกิริยา (3 โมลของไฮโดรเจน) และ 1 โมลของไนโตรเจน ตั้งแต่ 2 โมลของแก๊สใช้ไดรฟ์ข้อมูลมีขนาดเล็กกว่า 4 เพิ่มความดันจะเพิ่มแอมโมเนียที่สมดุลเป็นเรื่องน่าสนใจ อุณหภูมิสูงให้ความสำคัญในด้านตัวทำปฏิกิริยา แต่ปฏิกิริยาจะเป้นการเข้าถึงได้เร็วที่อุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นเหตุผลปฏิกิริยาจะดำเนินที่อุณหภูมิค่อนข้างสูงวิธีไม่เข้มข้นมีผลหลักของ Le Chatelierตามหลักการของ Le Chatelier ไฟฟ้าในระบบจะทำให้กะเพื่อผลของการรบกวนนี้เปลี่ยนแปลงในความเข้มข้นของ reactants หรือผลิตภัณฑ์จะทำให้กะกลับมาสมดุลถ้าเพิ่มความเข้มข้นของสาร ปฏิกิริยาเลื่อนไปใช้สารส่วนเกินในทางกลับกัน ถ้าความเข้มข้นของสารจะลดลง ปฏิกิริยาผลิตของสารนั้นจนเพลิดสมดุลให้เราใช้ปฏิกิริยาฮาเบอร์คลาสสิกเป็นตัวอย่างก๊าซไนโตรเจนและไฮโดรเจนโดยมีปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในการผลิตแอมโมเนียN2 + 3H 2---> 2 NH3ถ้าเพิ่มความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนหรือไฮโดรเจน จะทำให้ทั้ง reactants การใช้กะดังนั้น ปฏิกิริยาจะชอบสินค้าที่มีความเข้มข้นการเพิ่มของแอมโมเนียในทำนองเดียวกัน คุณสามารถยังเพิ่มความเข้มข้นของแอมโมเนียโดยเอาแอมโมเนียจากส่วนผสมของปฏิกิริยาจึง ขยับไปทางด้านผลิตภัณฑ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักการ Le Chatelier คืออะไร
ในเคมีหลักการ Le Chatelier ของที่เรียกว่าหลักการ Chatelier หรือ "กฎหมายสมดุล" สามารถนำมาใช้ในการทำนายผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขในการสมดุลเคมี.
หลักการตั้งชื่อตามเฮนรี่หลุยส์ Le Chatelier และบางครั้งคาร์ลเฟอร์ดินานด์ Braun ผู้ค้นพบว่ามันเป็นอิสระ มันสามารถที่ระบุไว้ดังนี้
. ถ้าระบบสารเคมีที่มีประสบการณ์สมดุลการเปลี่ยนแปลงในความเข้มข้นอุณหภูมิปริมาตรหรือความดันแล้วสมดุลกะที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำหนดและสมดุลใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น
ทำไม Le Chatelier ของหลักการที่สำคัญ?
Le Chatelier ของ หลักการเป็นสิ่งสำคัญเพราะมันช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนความสมดุลไปทางด้านที่เราต้องการที่จะสนับสนุน ตัวอย่างเช่นกระบวนการผลิตแอมโมเนียฮาเบอร์พลิกกลับ.
N2 (ช) + 3H2 (ช) → 2NH3 (ช)
http://www.chemguide.co.uk
ปฏิกิริยาจะทำงานที่ความดันสูงเพราะมี 2 โมลของแอมโมเนีย ๆ ด้านผลิตภัณฑ์ แต่ 4 โมลของก๊าซในด้านสารตั้งต้น (3 โมลของไฮโดรเจนและ 1 mol ไนโตรเจน) ตั้งแต่ 2 โมลของก๊าซหมกมุ่นอยู่กับปริมาณที่มีขนาดเล็กกว่า 4 เพิ่มขึ้นความดันจะเพิ่มปริมาณของแอมโมเนียที่สมดุล.
ที่น่าสนใจที่มีอุณหภูมิสูงโปรดปรานด้านสารตั้งต้น แต่ปฏิกิริยาจะถึงสมดุลได้เร็วขึ้นที่อุณหภูมิสูงซึ่งเป็นเหตุผลที่เป็นปฏิกิริยา ดำเนินการที่อุณหภูมิสูงปานกลาง.
อย่างไรหลักการผลกระทบเข้มข้น Le Chatelier หรือไม่
ตามหลักการ Le Chatelier ของความวุ่นวายในระบบจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะตอบโต้ผลกระทบจากความวุ่นวายนี้
การเปลี่ยนแปลงในความเข้มข้นของสารตั้งต้นหรือผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนไป กอบกู้สมดุล.
ถ้ามีความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้นปฏิกิริยากะจะกินสารส่วนเกิน.
ตรงกันข้ามถ้าความเข้มข้นของสารลดปฏิกิริยาการผลิตมากขึ้นของสารที่จนสมดุลสถาปนา.
ขอให้เราใช้ฮาเบอร์คลาสสิก ปฏิกิริยาเป็นตัวอย่าง
ก๊าซไนโตรเจนและไฮโดรเจนจะมีปฏิกิริยาในการผลิตแอมโมเนีย
N2 + 3H2 ----> 2 NH3
ถ้าความเข้มข้นของไนโตรเจนหรือก๊าซไฮโดรเจนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เกิดสารตั้งต้นทั้งสองที่จะบริโภคจึงเปลี่ยนปฏิกิริยาที่จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเพิ่มความเข้มข้นของแอมโมเนีย.
ในทำนองเดียวกันคุณยังสามารถเพิ่มความเข้มข้นของแอมโมเนียโดยการเอาแอมโมเนียจากส่วนผสมปฏิกิริยาจึงขยับไปทางด้านข้างผลิตภัณฑ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อะไรคือหลักของเลอชาเตอลิเอ ?
ในเคมี หลักของเลอชาเตอลิเอ ที่เรียกว่าชาเตอลิเอหลักการหรือ " กฎหมาย " สมดุล สามารถใช้ทำนายผลของการเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขในสมดุลเคมี .
หลักการตั้งชื่อตามเฮนรีหลุยส์เลอชาเตอลิเอ และบางครั้ง คาร์ล เฟอร์ดินานด์บราวน์ที่พบมันได้อย่างอิสระ มันสามารถระบุเป็น :
ถ้าเป็นระบบที่สมดุลเคมีประสบการณ์การเปลี่ยนความเข้มข้น อุณหภูมิ หรือความดัน ปริมาตร แล้วสมดุลกะแก้บังคับเปลี่ยนสมดุลใหม่ก่อตั้ง .
ทำไมของเลอชาเตอลิเอ หลักการสำคัญ
ของเลอชาเตอลิเอ หลักการสำคัญ เพราะมันช่วยให้เราเพื่อปรับสมดุลในด้านที่เราต้องการความช่วยเหลือตัวอย่างกระบวนการผลิตแอมโมเนียซึ่งพลิกกลับได้ฮาเบอร์ .
N2 ( g ) 3h2 ( G ) → keyboard - key - name 2nh3 ( G )
http : / / www.chemguide . โดยเว็บไซต์ดังกล่าว
ปฏิกิริยาจะทำงานที่ความดันสูง เพราะมี 2 โมลของแอมโมเนีย ในด้านผลิตภัณฑ์ แต่ 4 โมลของก๊าซในด้านสารตั้งต้น ( 3 โมล 1 โมลของไฮโดรเจนและไนโตรเจน ) ตั้งแต่ 2 โมลของก๊าซมีปริมาณน้อยกว่า 4เพิ่มความดันจะเพิ่มปริมาณของแอมโมเนียที่สมดุล .
แต่อุณหภูมิสูงบุญข้างน้ำ แต่ปฏิกิริยาจะเข้าสู่สมดุลเร็วขึ้นที่อุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของปฏิกิริยาจะดำเนินการที่อุณหภูมิสูงปานกลาง .
แล้วสมาธิผลหลักของเลอชาเตอลิเอ ?
ตามหลักของเลอชาเตอลิเอ ,การรบกวนในระบบจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อต้านผลกระทบของการรบกวน
นี้การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของก๊าซหรือผลิตภัณฑ์จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสมดุล .
ถ้าความเข้มข้นของสารที่เพิ่มขึ้น ปฏิกิริยาการใช้สารส่วนเกิน
ในทางกลับกันถ้าความเข้มข้นของสารที่ลดลง ปฏิกิริยาของสารที่ผลิตมากขึ้นจนสมดุลคือ reestablished .
ให้เราใช้ปฏิกิริยาฮาเบอร์คลาสสิกเป็นไนโตรเจนและไฮโดรเจนจากปฏิกิริยาตัวอย่าง

เพื่อผลิตแอมโมเนียไนโตรเจน 3h2 ---- > 2 nh3
ถ้าความเข้มข้นของไนโตรเจนหรือไฮโดรเจนเป็นก๊าซที่เพิ่มขึ้นจะก่อให้เกิดทั้งสารตั้งต้นที่จะบริโภคจึงเปลี่ยนปฏิกิริยาชอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเพิ่มความเข้มข้นของแอมโมเนีย
นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มความเข้มข้นของแอมโมเนีย โดยการกำจัดแอมโมเนียจากปฏิกิริยาผสมจึงขยับไปทางด้านผลิตภัณฑ์