ลองนึกกันดูนะว่า เราได้พบเจอเจ้าสัตว์ชนิดนี้มากน้อยหรือบ่อยแค่ไหน และเคยได้ยินเรื่องของมันตั้งแต่ตอนเราอายุเท่าไหร่ หลายๆคนคงจะบอกว่า จำกันไม่ได้หรอก ก็คงได้ยินมาตั้งแต่เล็กๆ ที่จำความได้ก็แล้วกันหรือเกิดมาไม่เคยได้ยินเลยก็อาจจะเป็นไปได้ หรือเคยเห็นมันตัวเป็นๆบ้างหรือป้าว หรือเคยเห็นรูปในหนังสือ โทรทัศน์ แล้วเรารู้จักมันดีแค่ไหน และหนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ คือ โลมา
โลมา เป็นสัตว์เลือดอุ่น ที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่เคยอาศัยอยู่บนบก ได้มีวิวัฒนาการไปอาศัยอยู่ในน้ำ เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว และได้มีการปรับตัวหลายอย่าง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในน้ำ ร่างกายของโลมาจะมีความเรียบลื่น ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชั้น ชั้นที่อยู่นอกสุด คือ Epidermis จะมีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อชั้นบางๆ สามารถที่จะลอกออกได้ โลมาจะมีลักษณะที่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยทั่วไปคือ มีต่อมน้ำนมและขน ซึ่งหัวนมนั้นจะอยู่ข้างๆของช่องอวัยวะเพศ สายตาของโลมารับภาพได้ดีทั้งในน้ำและบนบก ส่วนหูของโลมาจะเป็นช่องเปิดแบบรู ขนาดเล็ก หรือเป็นเนื้อเยื่อบางหุ้มด้วยหนัง และไม่ได้ยื่นออกมาจากร่างกายเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ในส่วนของแพนหางและครีบบนหลังจะเป็นส่วนหนึ่งที่เจริญจากส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จะมีความสำคัญและจำเป็นในการช่วยบังคับทิศทางในการว่ายน้ำ อีกทั้งยังทำหน้าที่รักษาสมดุลของร่างกายอีกด้วย ส่วนครีบอกมีหน้าในการทรงตัวและบังคับทิศทางในการเลี้ยวซ้ายขวา ซึ่งจะอาศัยข้อต่อของหัวไหล่ ในการบังคับครีบที่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งได้ ในส่วนของกระดูกสันหลังของโลมาในแต่ละชิ้น จะมีหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งจะส่งผลให้กระดูกสันหลัง มีความยืดหยุ่นและมีความอ่อนตัว ส่วนปอดจะอยู่ด้านหลังของช่องว่างภายในลำตัวอยู่ชิดกับแนวกระดูกสันหลังจะมีลักษณะยาวและค่อนข้างแบน ปอดนอกจากทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซแล้วยังจะช่วยทำหน้าที่ในการรักษาสมดุลและพยุงตัวให้ลอยน้ำได้อีกด้วย โลมาจะมีกระบังลมขนาดใหญ่และแข็งแรง จึงมีความสามารถในการไล่อากาศออกจากปอด ส่วนประสาทการรับรู้ของโลมานั้นจะมีความสลับซับซ้อนมาก ในขณะที่การรับความรู้สึกอีกด้านก็ยังไม่พัฒนา หรืออาจจะเป็นไปได้ว่ามีการพัฒนาค่อนข้างน้อย เช่น การรับความรู้สึกทางผิวหนัง โลมาไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงที่ผ่านในอากาศ แต่การได้ยินของโลมาเมื่ออยู่ในน้ำจะมีการพัฒนาและมีประสิทธิภาพสูง โดยเป็นบริเวณที่รับความรู้สึกที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสื่อสาร การนำทาง และการหาอาหาร โดยใช้ระบบส่งและรับสัญญาณเสียงที่สะท้อนกลับมา (Echo)
การอยู่รวมฝูง การหยอกล้อ
โลมาจะมีการผสมพันธุ์เป็นช่วงฤดูกาล จะใช้เวลาในการตั้งท้องนาน 9-16 เดือน และให้ลูกครั้งละตัว ลูกโลมาจะคลอดลูกโดยส่วนของหางออกมาก่อน เพื่อให้ส่วนของช่องหายใจเป็นส่วนสุดท้ายที่ออกมาสัมผัสกับน้ำทะเล เมื่อลูกโลมาเกิดออกมาแล้วสามารถว่ายน้ำได้ทันที โดยโผล่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจครั้งแรกในทันทีที่คลอดออก โลมาจะดูดนมแม่อยู่ประมาณ 1 ปี โดยหัวนมจะมีกล้ามเนื้อยึดรอบสำหรับบีบตัวให้หัวนมโผล่ออกมาขณะให้นมลูกและดึงหัวนมกลับซ่อนในลำตัวเมื่อเสร็จการให้นม ในการระบุเพศของโลมานั้น ทำได้โดยการวัดระยะห่างระหว่างช่องเพศกับรูก้น ในเพศผู้ช่องเพศจะอยู่ห่างจากรูก้น ในขณะที่เพศเมียช่องเพศจะอยู่ติดกับรูก้นเลย ส่วนในการศึกษาอายุของโลมา ในปัจจุบันนั้นนิยมใช้การนับชั้นการเจริญเติบโตในฟันของโลมา ซึ่งทำได้โดยนำชิ้นส่วนของฟัน นำมาสกัดด้วยกรดและย้อมสี นำไปส่องได้กล้องจุลทรรศน์ แล้วนับจำนวนของวงปี ในการหาความสัมพันธ์ ระหว่างการเจริญเติบโต กับอายุของโลมาได้อีกด้วย ส่วนในการว่ายน้ำหนังของโลมามีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนหรือคลื่นของกระแสน้ำที่มากระทบบริเวณผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้ลดแรงเสียดทานระหว่างน้ำกับผิวหนังด้วย ลักษณะดังกล่าวประกอบกับรูปร่างที่เพรียว ลู่น้ำ บวกกับพละกำลังในการโบกหาง ทำให้โลมาสามารถเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างรวดเร็ว ในบางครั้งเราอาจจะเห็นโลมาเล่นน้ำที่บริเวณท้ายหรือบริเวณหัวเรือที่กำลังแล่นอยู่ มันจะใช้แรงพยุงของคลื่นในการพยุงตัวให้ลอย ทำให้ตัวมันเองสามารถร่อนในน้ำได้ นี้อาจจะเป็นการว่ายน้ำ โดยสูญเสียพลังงานในการว่ายน้ำน้อยมาก ฉะนั้นเรามักจะพบเห็นโลมาเล่นน้ำที่บริเวณใกล้ๆ ตัวเรือ ในลักษณะแหลมหรือป้านเท่านั้น เนื่องจากเรือจะทำให้เกิดคลื่นที่แรงพอที่จะดึงดูดโลมาเข้ามาว่ายน้ำได้และเราก็สามารถที่จะชมโลมาได้อย่างใกล้ชิดได้ด้วยเช่นกัน
ในวันนี้ ในบ้านเรายังมีโลมา อีกหลายชนิดและอีกหลายตัว ที่ยังคอยให้ท่านทั้งหลายช่วยกันอนุรักษ์คุ้มครอง ให้กับสัตว์ที่มีชื่อว่า โลมา ได้มีชีวิตโลดแล่นอยู่ในท้องทะเลอันกว้างไกล ได้อย่างปลอดภัยและเป็นสุข ถ้าหากท่านทั้งหลายตระหนัก ให้ความสำคัญต่อเพื่อนร่วมโลกแล้ว เราคงจะมีเจ้าโลมาอยู่ควบคู่กับทะเลในบ้านเราตราบนานเท่านาน