Data integration focuses mainly on

Data integration focuses mainly on databases. A database is an organized collection of data. It's similar to a file system, which is an organizational structure for files so they're easy to find, access and manipulate.
There are different ways to categorize databases. Some people prefer to classify them according to the kind of data the databases store. For example, you might classify a database as a media database if all the information stored there is contained in video or sound files.
Another classification method looks at how the databases organize data. A database's organizational arrangement is called a schema. A common organizational technique is to use tables to show the relationship between different data points. Tables are like spreadsheets. Columns define categories of data, while rows are records. A database using this approach is a relational database.
Object-oriented programming (OOP) databases take a different approach to organizing data. The OOP language is a departure from traditional approaches to programming, which follow the pattern of inserting data into a set of instructions and then producing output. The OOP language focuses instead on defining data as objects and then determining how different objects relate and interact with one another.
To create an OOP database, first you'd define all the objects you plan on storing in the database. Then, you'd define the way each object relates to every other object within the database. After you identify an object, you put it into a class, or set of objects. To define a class you have to determine what data each object within that class must have and which logic sequences, called methods, will affect those objects. The objects within a system can communicate with you or other objects using interfaces called messages.
It's easier to understand with an example. Let's say you're building a database containing information about American sports. You decide to start by defining baseball teams. Once you've created the definition of a baseball team, you can generalize it as a class within the database. The Atlanta Braves would be a specific instance of that class, also known as an object. The class of baseball teams belongs to a superclass of American sports teams, which would also include other classes like football and soccer teams.
To access information within a database (no matter how it organizes data), you use a query. A query is just a request for information. People and applications can submit queries to databases. A database responds to queries by sending data that meets the original request's parameters. Queries rely on special computer languages such as Structured Query Language (SQL). If you've ever used an Internet search engine, you've submitted a query -- your search terms.

This view shows only the data relevant to the query "customers who purchased more than $100 in products."
HowStuffWorks.com
The database responds to queries by creating a view of data. A view is a specific way of displaying data. In a data integration system, the returned view shows only the data directly related to the original query. In our table example, if you submitted a query asking for all the customers who bought more than $100 worth of products, you'd get this result:­
This view shows only the data relevant to the query "customers who purchased more than $100 in products." Notice that it doesn't show what kind of products were purchased, nor does it display customers who purchased less than $100 of products.
What are the different approaches to data integration? Find out in the next section.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บูรณาการข้อมูลส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปในฐานข้อมูล ฐานข้อมูลเป็นคอลเลกชันของการจัดระเบียบข้อมูล มันคล้ายกับระบบแฟ้มซึ่งเป็นโครงสร้างองค์กรสำหรับไฟล์เพื่อให้พวกเขากำลังหาง่ายเข้าถึงและจัดการ.
มีวิธีการที่แตกต่างกันเพื่อจัดหมวดหมู่ฐานข้อมูล บางคนชอบที่จะจัดให้ตามชนิดของข้อมูลที่จัดเก็บฐานข้อมูล ตัวอย่างเช่นคุณอาจจัดฐานข้อมูลเป็นฐานข้อมูลสื่อว่าข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้มีมีอยู่ในวิดีโอหรือไฟล์เสียง.
วิธีการจัดหมวดหมู่อื่นมีลักษณะที่ว่าฐานข้อมูลที่จัดระเบียบข้อมูล การจัดองค์กรของฐานข้อมูลที่เรียกว่าคี เทคนิคขององค์กรร่วมกันคือการใช้ตารางเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดข้อมูลที่แตกต่างกัน ตารางเหมือนสเปรดชีตคอลัมน์กำหนดประเภทของข้อมูลในขณะที่แถวที่มีการบันทึก ฐานข้อมูลโดยใช้วิธีการนี​​้เป็นฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์.
เขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP) ฐานข้อมูลใช้วิธีการที่แตกต่างกันในการจัดระเบียบข้อมูล ภาษา oop ดูจะออกเดินทางจากวิธีการดั้งเดิมในการเขียนโปรแกรมซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของการใส่ข้อมูลลงในชุดคำสั่งและการผลิตแล้วส่งออกภาษา oop ดูแทนมุ่งเน้นเกี่ยวกับการกำหนดข้อมูลที่เป็นวัตถุและการกำหนดวิธีการที่แตกต่างกันวัตถุที่เกี่ยวข้องและมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น.
เพื่อสร้างฐานข้อมูล oop ดูครั้งแรกที่คุณจะกำหนดวัตถุทั้งหมดที่คุณวางแผนที่จะจัดเก็บในฐานข้อมูล แล้วคุณจะกำหนดวิธีการแต่ละวัตถุที่เกี่ยวข้องกับทุกวัตถ​​ุอื่น ๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูล หลังจากที่คุณระบุวัตถุที่คุณใส่ลงในชั้นเรียนหรือชุดของวัตถุ การกำหนดระดับที่คุณต้องตรวจสอบว่าข้อมูลแต่ละวัตถุภายในชั้นเรียนที่ต้องมีและที่ลำดับตรรกะที่เรียกว่าวิธีการจะมีผลต่อวัตถุเหล่านั้น วัตถุภายในระบบสามารถสื่อสารกับคุณหรือวัตถุอื่น ๆ ที่ใช้อินเตอร์เฟซที่เรียกว่าข้อความ.
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจกับตัวอย่างสมมติว่าคุณกำลังสร้างฐานข้อมูลที่มีข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาอเมริกัน คุณตัดสินใจที่จะเริ่มต้นด้วยการกำหนดทีมเบสบอล เมื่อคุณได้สร้างนิยามของทีมเบสบอลที่คุณสามารถพูดคุยมันเป็นชั้นภายในฐานข้อมูล นักรบแอตแลนตาจะเป็นตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจงของชั้นเรียนที่เรียกว่าเป็นวัตถุชั้นเรียนของทีมเบสบอลเป็น superclass ของทีมกีฬาอเมริกันซึ่งยังจะรวมถึงชั้นเรียนอื่น ๆ เช่นฟุตบอลและฟุตบอลทีม.
ในการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูล (ว่าจะจัดไม่มีข้อมูล) คุณใช้แบบสอบถาม แบบสอบถามเป็นเพียงขอข้อมูล ผู้คนและการใช้งานที่สามารถส่งคำสั่งไปยังฐานข้อมูลฐานข้อมูลตอบสนองต่อคำสั่งโดยการส่งข้อมูลที่ตรงกับพารามิเตอร์คำขอเดิม สอบถามพึ่งพาภาษาคอมพิวเตอร์พิเศษเช่นภาษาแบบสอบถามโครงสร้าง (SQL) ถ้าคุณเคยใช้เครื่องมือค้นหาอินเทอร์เน็ตที่คุณส่งแบบสอบถาม -. ". ลูกค้าที่ซื้อมากขึ้นกว่า $ 100 ในผลิตภัณฑ์" คำค้นหาของคุณ

มุมมองนี้จะแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบบสอบถาม
howstuffworks.com
ฐานข้อมูลตอบสนองต่อคำสั่งโดยการสร้างมุมมองของข้อมูล มุมมองที่เป็นลักษณะเฉพาะของการแสดงข้อมูล ในระบบบูรณาการข้อมูลมุมมองกลับมาแสดงให้เห็นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้นหาเดิม ในตัวอย่างตารางของเราถ้าคุณส่งแบบสอบถามขอให้ลูกค้าทุกท่านที่ซื้อมากขึ้นกว่า $ 100 มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่คุณจะได้รับผลนี้
มุมมองนี้จะแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการค้นหา "ลูกค้าที่ซื้อมากขึ้นกว่า $ 100 ในผลิตภัณฑ์." สังเกตเห็นว่ามันไม่ได้แสดงสิ่งที่ประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาหรือไม่ก็แสดงลูกค้าที่ซื้อน้อยกว่า $ 100 ของผลิตภัณฑ์.
สิ่งที่เป็นวิธีการที่แตกต่างกันเพื่อบูรณาการข้อมูล หาในส่วนถัดไป.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รวมข้อมูลเน้นหลักในฐานข้อมูล ฐานข้อมูลคือ การรวบรวมจัดระเบียบข้อมูล นี้คล้ายกับระบบแฟ้ม ซึ่งเป็นโครงสร้างองค์กรในแฟ้มเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา เข้าถึง และควบคุม
มีหลายวิธีในการจัดประเภทฐานข้อมูล บางคนต้องการแบ่งประเภทได้ตามชนิดของข้อมูลฐานข้อมูลจัดเก็บ ตัวอย่าง คุณอาจจัดประเภทฐานข้อมูลเป็นฐานข้อมูลสื่อถ้าข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้มีอยู่ในวิดีโอ หรือเสียงแฟ้ม
วิธีจัดประเภทอื่นที่มีลักษณะที่ว่าฐานข้อมูลจัดระเบียบข้อมูลการ การจัดองค์กรของฐานข้อมูลเรียกว่า schema เทคนิคองค์กรทั่วไปคือการ ใช้ตารางเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดข้อมูลต่าง ๆ ตารางที่เหมือนกระดาษคำนวณ คอลัมน์กำหนดประเภทของข้อมูล แถวมี ระเบียน ฐานข้อมูลที่ใช้วิธีนี้อยู่เชิงฐานข้อมูล
เชิงวัตถุ (OOP) ฐานเขียนโปรแกรมใช้เพื่อจัดระเบียบข้อมูลการ ภาษา OOP ถูกออกจากแบบดั้งเดิมวิธีการเขียนโปรแกรม ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของการแทรกข้อมูลลงในชุดของคำแนะนำ และผลิตส่งออกแล้ว ภาษา OOP เน้นแต่กำหนดข้อมูลเป็นวัตถุ และจากนั้นกำหนดวัตถุแตกต่างสัมพันธ์ และโต้ตอบกัน
สร้างฐานการ OOP คุณต้องกำหนดวัตถุทั้งหมดที่คุณวางแผนในการจัดเก็บในฐานข้อมูล แล้ว คุณต้องกำหนดวิธีการแต่ละวัตถุที่เกี่ยวข้องกับทุกวัตถุอื่นในฐานข้อมูล หลังจากที่คุณระบุวัตถุ คุณใส่มันเข้าไปในชั้นเรียน หรือชุดของวัตถุ การกำหนดคลาสที่คุณจะต้องกำหนดข้อมูลแต่ละวัตถุภายในคลาสนั้นต้องมีตรรกะที่ ลำดับ วิธี เรียกว่าจะกระทบวัตถุเหล่านั้น วัตถุภายในระบบสามารถติดต่อสื่อสารกับคุณ หรือวัตถุอื่น ๆ ใช้อินเทอร์เฟซเรียกข้อความ
ง่ายต่อการเข้าใจ ด้วยตัวอย่าง สมมติว่า คุณกำลังสร้างฐานข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาอเมริกัน คุณตัดสินใจที่จะเริ่มต้น ด้วยการกำหนดทีมเบสบอล เมื่อคุณสร้างคำจำกัดความของทีมเบสบอล คุณสามารถเมมันเป็นคลาสภายในฐานข้อมูล แอตแลนตา Braves จะมีอินสแตนซ์ของคลาสนั้น เป็นวัตถุ คลาสของทีมเบสบอลเป็นซุปเปอร์คลาสของทีมกีฬาอเมริกัน ซึ่งจะรวมชั้นเรียนอื่น ๆ เช่นฟุตบอลและฟุตบอลทีม.
เพื่อเข้าถึงข้อมูลภายในฐานข้อมูล (ไม่ว่าจะจัดข้อมูล), คุณใช้แบบสอบถาม แบบสอบถามมีเพียงการร้องขอข้อมูล คนและการใช้งานสามารถส่งแบบสอบถามกับฐานข้อมูล ตอบการสอบถามฐานข้อมูล โดยการส่งข้อมูลที่ตรงกับพารามิเตอร์ของคำเดิม สอบถามอาศัยภาษาคอมพิวเตอร์พิเศษเช่นโครงสร้างแบบสอบถามภาษา (SQL) ถ้าคุณเคยใช้เครื่องมือค้นหาอินเทอร์เน็ต คุณได้ส่งแบบสอบถาม - การค้นหาเงื่อนไขการ

มุมมองนี้แสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบบสอบถาม "ลูกค้าที่ซื้อมากกว่า $100 ในผลิตภัณฑ์"
HowStuffWorks.com
ตอบการสอบถามฐานข้อมูล โดยการสร้างมุมมองของข้อมูล มุมมองเป็นแบบเฉพาะของการแสดงข้อมูล ในระบบบูรณาการข้อมูล ดูคืนแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับแบบสอบถามดั้งเดิม ในตัวอย่างตารางของเรา ถ้าคุณส่งแบบสอบถามแบบสอบถามสำหรับลูกค้าที่ซื้อมากกว่า $100 คุ้มค่าของผลิตภัณฑ์ คุณจะได้รับผลนี้: แคมเปญ
มุมมองนี้แสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบบสอบถาม "ลูกค้าที่ซื้อมากกว่า $100 ในผลิตภัณฑ์" สังเกตว่า มันไม่แสดงซื้อชนิดของผลิตภัณฑ์ หรือจะแสดงลูกค้าซื้อน้อยกว่า $100 ของผลิตภัณฑ์
วิธีต่าง ๆ การบูรณาการข้อมูลคืออะไร ค้นหาในส่วนถัดไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การผนวกรวมข้อมูลเป็นหลักโดยจะเน้นไปที่ฐานข้อมูล ฐานข้อมูลที่มีคอลเลคชั่นจัดระเบียบข้อมูล มันเป็นเหมือนกับระบบไฟล์ซึ่งเป็นโครงสร้างองค์กรสำหรับไฟล์ดังนั้นพวกเขาจึงง่ายต่อการค้นหาการเชื่อมต่อและจัดการ.
มีวิธีการต่างๆในการแยกแยะฐานข้อมูล บางคนชอบการแบ่งแยกตาม ประเภท ของข้อมูลที่จัดเก็บฐานข้อมูล ตัวอย่างเช่นคุณอาจจะจัดฐานข้อมูลที่เป็นฐานข้อมูลมีเดียหากข้อมูลทั้งหมดที่จัดเก็บไว้มีอยู่ในไฟล์เสียงหรือวิดีโอ.
วิธีการการจัด ประเภท อื่นมีลักษณะที่ว่าฐานข้อมูลที่จัดระเบียบข้อมูล การจัดองค์กรของฐานข้อมูลที่มีชื่อว่า schema ที่ เทคนิคขององค์กรโดยทั่วไปคือการใช้ตารางเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจุดข้อมูลแตกต่างไป โต๊ะมีเช่นโปรแกรมสเปรดชีตคอลัมน์:กำหนด ประเภท ของข้อมูลในขณะที่มีการเก็บสถิติเป็นแถว ฐานข้อมูลการใช้วิธีการนี้เป็นฐานข้อมูลชนิดสัมพันธ์ระหว่างกันที่.
วัตถุแบบการตั้งโปรแกรม( oop )ฐานข้อมูลนำแนวทางที่แตกต่างกันในการจัดการข้อมูล ภาษา oop ที่ได้รับคือจุดออกเดินทางจากวิธีการแบบดั้งเดิมไปจนถึงการตั้งโปรแกรมที่ทำตามรูปแบบของการใส่ข้อมูลลงในชุดของคำสั่งและการผลิตเอาต์พุตภาษา oop จะเน้นแทนในการกำหนดข้อมูลเป็นวัตถุและจากนั้นจึงกำหนดว่าวัตถุอื่นเกี่ยวข้องและการสื่อสารกับคนอื่น.
ในการสร้างฐานข้อมูล oop เป็นครั้งแรกคุณจะกำหนดวัตถุทั้งหมดที่คุณวางแผนที่จัดเก็บอยู่ในฐานข้อมูล จากนั้นคุณจะกำหนดวิธีที่ออบเจกต์แต่ละครั้งเกี่ยวข้องกับวัตถุอื่นๆทุกครั้งที่อยู่ในฐานข้อมูล หลังจากที่คุณระบุออบเจกต์ที่คุณให้ใส่ใน Class Aหรือตั้งค่าของวัตถุ. ในการกำหนดระดับที่คุณต้องระบุว่ามีข้อมูลวัตถุแต่ละตัวในระดับที่จะต้องมีและตรรกะลำดับที่เรียกว่าวิธีใดวิธีหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งเหล่านั้น วัตถุที่อยู่ ภายใน ระบบที่สามารถติดต่อสื่อสารกับคุณหรือวัตถุอื่นๆโดยใช้อินเตอร์เฟซเรียกว่าข้อความ.
มันเป็นการง่ายที่จะทำความเข้าใจกับตัวอย่างเช่น:ปล่อยให้ของบอกว่าคุณกำลังสร้างฐานข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาอเมริกัน คุณตัดสินใจที่จะเริ่มต้นโดยการกำหนดทีมเบสบอล เมื่อคุณได้สร้างความละเอียดของทีมเบสบอลที่คุณสามารถทำได้ในระดับ first class ที่อยู่ ภายใน ฐานข้อมูล แอตแลนตา, Braves ที่จะได้ตัวอย่างเช่นเฉพาะที่ในระดับที่ยังเป็นที่รู้จักกันเป็นวัตถุที่ระดับของทีมเบสบอลเป็นของ class Subclass ของทีมกีฬาอเมริกันซึ่งจะรวมถึงชั้นเรียนอื่นๆเช่นฟุตบอลและทีมฟุตบอล.
เพื่อเข้าใช้ข้อมูล ภายใน ฐานข้อมูล(ไม่มีเรื่องการจัดข้อมูล)คุณจะใช้คำถามที่ยัง การสืบค้นพื้นฐานเป็นเพียงการขอข้อมูล แอปพลิเคชันและประชาชนสามารถส่งคำถามไปยังฐานข้อมูลฐานข้อมูลที่จะตอบสนองต่อการค้นหาโดยการส่งข้อมูลที่ตรงกับพารามิเตอร์ของเดิมที่ขอ การค้นหาต้องอาศัยใน ภาษา คอมพิวเตอร์พิเศษเช่นโครงสร้างการสืบค้น ภาษา ( SQL ) หากคุณเคยใช้อินเทอร์เน็ตการค้นหาเครื่องยนต์ที่คุณได้ส่งคำถาม - - เงื่อนไขการค้นหาของคุณ.

นี้ดูจะแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการสืบค้น"ลูกค้าที่ซื้อมากกว่า$ 100 ในสินค้า"
howstuffworks.com
ฐานข้อมูลที่จะตอบสนองต่อการค้นหาโดยการสร้างมุมมองของข้อมูล วิวทิวทัศน์ที่เป็นทางเฉพาะของการแสดงข้อมูล ในระบบที่มีการประกอบข้อมูลที่ดูกลับมาจะแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับต้นฉบับที่สืบค้น ในตัวอย่างโต๊ะของเราหากคุณส่งคำถามที่ถามสำหรับลูกค้าทั้งหมดที่ซื้อมีมูลค่ามากกว่า$ 100 ของ ผลิตภัณฑ์ ที่คุณจะได้รับผลนี้: ­
มุมมองนี้จะแสดงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบค้น"ลูกค้าที่ซื้อมากกว่า$ 100 ในตัวสินค้า"ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าจะไม่แสดงว่าเป็นของได้ซื้อสินค้าและไม่แสดงลูกค้าที่ซื้อน้อยกว่า$ 100 ของตัวสินค้า.
อะไรมีวิธีการที่แตกต่างกันไปเป็นการทำงานร่วมกันให้ข้อมูล การค้นหาออกจากในส่วนถัดไป.