Determining whether anthropogenic n

Determining whether anthropogenic noise is distracting
is particularly important for those populations where
evidence suggests that there may not be energetic costs
to living with noise or other potential distractors. For
instance,found that white-eyed vireos
(Vireo griseus) suffered no significant energy cost resulting
from the presence of anthropogenic disturbance (including
noise) and, that activities such as parental care continued
uninterrupted. However, it is conceivable that while the
birds continued to perform these tasks, their proficiency
decreased due to distraction and thus they suffered a fitness
cost. For instance, distraction does not eliminate, but
rather reduces blue jays ‘(C. cristata) ability to detect predators
in their periphery Thus, lack
of evidence of energetic costs does not necessarily mean
that there are no fitness costs to potentially distracting
stimuli.
To properly conserve biodiversity and to manage
wildlife populations, we should consider anthropogenic
noise as not only amechanism for masking communication,
but also one that may distract animals.Wehave shown that
such attentional capabilities are taxonomically widespread
and, importantly, that the distraction can come from stimuli
in any modality The majority of the examples we have outlined
examine mostly the visual attentional capacity of
these taxa, but with respect to risk assessment, predator
detection likely involves more than visual cues. Chemosensory
cues are also used in risk assessment by certain prey to
avoid predation For example, certain
species of skinks (Carlia rostralis and C. storri) use odors to
detect predators and assess the level of risk depending on
the predator species Therefore, anthropogenic
noises may also distract animals from detecting
predator sensory cues as well. The opposite theoretically
works as well; anthropogenic stimuli of other modalities
could distract animals from auditory cues necessary for
biologically important tasks.
We speculate that noise could be strategically used to
distract, and thus disrupt ‘overabundant’ animals. If, by
doing so, we are able to reduce their reproductive success
or survival, we have a potentially effective management
tool. Noise has already been shown to deter some problem
species away from a particular space. For example, ongoing
research conducted by Dr. Richard Holstetter shows that
altering the noise made by bark pine beetles (Dendroctonus
ponderosae) and playing it back to them can effectively disrupt
their mating and tunneling behaviour Additionally, ultrasonic noise has been found as a deterrent
for certain nuisance animals Animals may, however, habituate to such chronic sound
exposure If, despite habituation,
the noise still distracts animals, the intended effect
may persist. More research into how animals habituate to
such sounds is needed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การพิจารณาว่าเสียงของมนุษย์เป็นสมาธิเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชากรผู้ที่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าอาจจะไม่มีค่าใช้จ่ายที่มีพลังในการมีชีวิตอยู่กับเสียงหรือลวงมีศักยภาพอื่นๆ สำหรับตัวอย่างเช่นพบว่า vireos สีขาวตา (Vireo griseus) ได้รับความเดือดร้อนไม่มีค่าใช้จ่ายพลังงานอย่างมีนัยสำคัญเป็นผลมาจากการปรากฏตัวของการรบกวนของมนุษย์(รวมถึงเสียง) และว่ากิจกรรมต่าง ๆ เช่นการดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย แต่ก็เป็นไปได้ว่าในขณะที่นกอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานเหล่านี้สามารถของพวกเขาลดลงเนื่องจากความฟุ้งซ่านและทำให้พวกเขาได้รับความเดือดร้อนออกกำลังกายค่าใช้จ่าย ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวไม่กำจัด แต่ค่อนข้างลดนกสีฟ้า(ค cristata) ความสามารถในการตรวจจับการล่าในรอบนอกของพวกเขาดังนั้นการขาดหลักฐานของค่าใช้จ่ายที่มีพลังไม่ได้หมายความว่าไม่มีค่าใช้จ่ายการออกกำลังกายที่จะทำให้เสียสมาธิอาจกระตุ้น. ต้องการ ถูกต้องอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการประชากรสัตว์ป่าเราควรพิจารณามนุษย์เสียงที่จะไม่เพียงamechanism สำหรับการสื่อสารที่กำบัง, แต่ยังเป็นหนึ่งที่อาจกวนใจ animals.Wehave แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการตั้งใจดังกล่าวtaxonomically อย่างกว้างขวางและที่สำคัญว่าสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวได้มาจากสิ่งเร้าในกิริยาใด ๆ ส่วนใหญ่ของตัวอย่างที่เราได้ระบุไว้ตรวจสอบส่วนใหญ่ความจุตั้งใจภาพของแท็กซ่าเหล่านี้แต่ส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงล่าการตรวจสอบน่าจะเกี่ยวข้องมากกว่าตัวชี้นำภาพ Chemosensory ชี้นำยังใช้ในการประเมินความเสี่ยงโดยเหยื่อบางอย่างที่จะหลีกเลี่ยงการปล้นสะดมตัวอย่างเช่นบางชนิดskinks (rostralis Carlia และ C storri) การใช้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่จะตรวจสอบและประเมินล่าระดับความเสี่ยงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นักล่าดังนั้นมนุษย์เสียงอาจยังกวนใจจากการตรวจสอบสัตว์นักล่าตัวชี้นำทางประสาทสัมผัสเช่นกัน ตรงข้ามในทางทฤษฎีการทำงานเช่นกัน สิ่งเร้าของมนุษย์ของรังสีอื่น ๆอาจจะหันเหความสนใจของสัตว์จากตัวชี้นำหูที่จำเป็นสำหรับงานที่สำคัญทางชีวภาพ. เราคิดว่าเสียงที่สามารถนำมาใช้กลยุทธ์เพื่อหันเหความสนใจและทำให้รบกวน 'อุดมเกินไป' สัตว์ ถ้าโดยการทำเช่นนั้นเราสามารถที่จะลดภาพความสำเร็จของพวกเขาหรือการอยู่รอดของเรามีจัดการที่มีประสิทธิภาพอาจเครื่องมือ เสียงรบกวนได้รับการแสดงให้เห็นถึงอุปสรรคปัญหาบางชนิดออกจากพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่นอย่างต่อเนื่องการวิจัยที่ดำเนินการโดยดร. ริชาร์ด Holstetter แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขเสียงที่ทำโดยแมลงเปลือกสน(Dendroctonus ponderosae) และการเล่นมันกลับไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถรบกวนการผสมพันธุ์และพฤติกรรมของพวกเขานอกจากนี้การขุดเจาะอุโมงค์เสียงอัลตราโซนิกได้รับพบว่าเป็นอุปสรรคสำหรับสัตว์รำคาญบางอย่างอาจสัตว์ แต่ทำให้เกิดความเคยชินกับเสียงเรื้อรังเช่นการสัมผัสหากแม้จะมีความคุ้นเคย, เสียงยังคงสมาธิสัตว์, ผลกระทบที่ตั้งใจไว้อาจจะยังคงมีอยู่ การวิจัยมากขึ้นเป็นวิธีสัตว์ทำให้เกิดความเคยชินที่จะเสียงดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การพิจารณาว่าเสียงของมนุษย์เป็นสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สนใจ

มีหลักฐานที่บ่งบอกว่ามันอาจจะมีค่าใช้จ่ายขัน
ไปนั่งเล่นกับเสียงหรือ distractors ที่มีศักยภาพอื่น ๆ สำหรับ
ตัวอย่าง พบว่า ขาวตา vireos
( vireo griseus ) ไม่มีต้นทุนพลังงานที่สำคัญที่เกิดจากการปรากฏตัวของมนุษย์
รบกวน ( รวมทั้ง
เสียง ) และว่า กิจกรรมต่างๆ เช่น การดูแลของผู้ปกครองต่อ
อย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นไปได้ว่าในขณะที่
นกยังคงปฏิบัติงานเหล่านี้ของพวกเขาความสามารถ
ลดลงเนื่องจากรบกวน และดังนั้น พวกเขาต้องฟิต
ต้นทุน ตัวอย่างเช่น ฟุ้งซ่าน ไม่ลด แต่จะลด
นกสีฟ้า ( C . ทำงานน้อยกว่าปกติ ) ความสามารถในการตรวจสอบในส่วนของพวกเขาล่า

จึงขาดหลักฐานของต้นทุนแรงไม่ได้หมายความว่า
ไม่มีฟิตเนส ราคาอาจไม่น่าสนใจ

ถูกต้องสิ่งเร้า การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการ
ประชากรสัตว์ป่า เราควรจะพิจารณาเสียงมนุษย์ไม่เพียงสำหรับการเกิดการบัง

แต่ยังสื่อสาร ที่อาจจะไปรบกวนสัตว์ เราแสดงให้เห็นว่า
ความสามารถ ความสนใจ เช่น taxonomically ฉาว
และที่สําคัญว่าอุทธัจจะมาจากสิ่งเร้า
ในกิริยาส่วนใหญ่ของตัวอย่างที่เราได้ระบุไว้
ศึกษาส่วนใหญ่ความสามารถความสนใจและซ่า
เหล่านี้ แต่ด้วยความเคารพ การประเมินความเสี่ยง การตรวจสอบนักล่า
น่าจะเกี่ยวข้องมากกว่าคิวภาพ . chemosensory
คิวยังใช้ในการประเมินความเสี่ยง โดยเหยื่อบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการ

เช่น บางชนิดของจิ้งเหลน ( carlia rostralis . storri ) ใช้กลิ่น

ตรวจสอบผู้ล่าและประเมินระดับความเสี่ยงขึ้นอยู่กับ
Predator ชนิด ดังนั้น มนุษย์
เสียงอาจดึงความสนใจจากสัตว์นักล่าและการตรวจจับ
คิวเช่นกัน . ตรงข้ามกับทฤษฎี
งานเช่นกันสิ่งเร้าของมนุษย์อื่น ๆ modalities
อาจกวนใจสัตว์จากคิวการบรรยายที่จําเป็นสําหรับงานทางชีวภาพที่สำคัญ
.
เราคาดการณ์ว่า เสียงอาจจะใช้กลยุทธ์

รบกวน จึงทำให้สัตว์เยอะเกินไป ' ' ถ้าโดย
ทำแล้ว เราจะสามารถลด
ความสำเร็จของการสืบพันธุ์หรือการอยู่รอด เรามีเครื่องมือการจัดการ
ที่มีประสิทธิภาพอาจเสียงได้ถูกแสดงเพื่อยับยั้งบางชนิดปัญหา
ออกไปจากพื้นที่โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น การวิจัยที่จัดทำโดย ดร. ริชาร์ดอย่างต่อเนื่อง

holstetter แสดงว่าการเปลี่ยนเสียงจากเปลือกสนด้วง ( dendroctonus
ponderosae ) และเล่นมันกลับไปที่พวกเขาสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพของพฤติกรรมการผสมพันธุ์และการทำลาย
นอกจากนี้ เสียงอัลตราโซนิกได้รับการพบเพื่อยับยั้ง
สัตว์บางตัวอาจ แต่เป็นนิสัยเช่นแสงเสียง
เรื้อรังถ้า , แม้คุ้นเคย
เสียงยัง distracts , สัตว์ , ความตั้งใจผล
อาจคงอยู่ การวิจัยในสัตว์เป็นนิสัยยังไง

เสียงต่างๆที่จำเป็น