ศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 3000 ปี เป็นศาสนาที่ไม่มีศาสดา เชื่อว่าอพยพมาจากยุโรปเข้ามาสู่อินเดีย ในศาสนาพราหมณ์นั้นก็แบ่งเป็นยุค แต่ในยุคอุปนิษัทซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของยุคพระเวท เป็นยุคที่มีปรัชญาความคิดเกิดขึ้น เน้นปรัชญามากกว่าพิธีกรรม แสวงหาสัจธรรมสูงสุดเพื่อ โมกษะ คือความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เป็นสาเหตุของความทุกข์ สิ่งที่มีอยู่จริงหรือสัจธรรมสูงสุดในช่วงอุปนิษัทคือ พรหม บางครั้งก็เรียกว่า อาตมัน ในความคิดของฉัน ฉันคิดว่า Atman หมายถึง จิตวิญญาณของแต่ละบุคคลหรือแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตของวิญญาณหรือพลังงานที่มีในสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือพืช Atman ไม่ใช่ร่างกายถึงแม่ร่างกายจะสลายแต่ Atman จะยังเป็นอมตะอยู่ Brahman ในความคิดของฉัน หมายถึง คนในวรรณะที่ 1 ของสังคมฮินดูนั่นคือพราหมณ์ ผู้ที่ถือเพศไว้ผม นุ่งขาวห่มขาว พราหมณ์ทำหน้าที่ประกอบพิธีทางศาสนา สอนศาสนา เป็นเจ้าพิธีติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเจ้าแทนผู้อื่น ซึ่ง Atman และ Brahman มีความเชื่อมโยงของปรัชญาคำสอนในศาสนาพราหมณ์ด้วย หลักคำสอนของพราหมณ์สามารถแบ่งได้หลายประการซึ่งโดยรวมแล้วสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ความเชื่อมโยงของ Atman และ Brahman นั่นก็คือ คนทุกคนสามารถที่จะเลือกการกระทำได้ว่าสิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำดังนั้นสามารถปฏิบัติทำได้ แต่ในหลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์การหลุดพ้นสามารถทำได้โดยการนั่งสมาธิหรือการทำโยคะได้อีกด้วย อย่างเช่น ในวลี Tat tvam asi คือ tat หมายถึง that, tvam หมายถึง you, asi หมายถึง is ซึ่งรวมกันเป็น you are that หมายถึง อยู่ที่คุณ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือจิตสำนึกเราสามารถเลือกปฏิบัติการกระทำได้ ดังนั้นสามารถยึดมาเป็นหลักในการปฏิบัติและประพฤติได้ในมนุษย์ เพราะเราทุคนต่างมีจิตสึนึกคิด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราสามารถเลือกที่จะทำสิ่งนั้นๆ และยังเป็นข้อคิดให้กับการดำเนินชีวิตในอนาคตได้อีกด้วย ที่สำคัณยังสามารถเผยแพร่ให้กับบุคคลอื่นๆได้อีกด้วย ประวัติความเป็นมาของการเกิดขึ้นของทฤษฎี The Atman Doctrine เกิดขึ้นจากพระเจ้าซึ่งเป็นผู้สร้างทฤษฎีนี้ขึ้นมาซึ่งพราหมณ์ชั้นสูงได้นำทฎษฎีนี้มาเผยแพร่โดยการสอนให้กับสังสารวัฏที่มีวรรณนะต่ำกว่าพราหมณ์ ซึ่งทฤษฎีนี้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับศาสนาพุทธได้เพราะในแต่ละศาสนานั้นก็มีความเชื่อและการสอนที่แตกต่างกันไป ถ้าเปรียบเทียบกับศาสนาพุทธแล้ว ศาสนาพุทธไม่เชื่อว่าภายในมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆนั้นจะมีความแน่นอนและทำลายไม่ได้ ศาสนาพุทธปฎิเสธหลักคำสอนและปรัชญาทั้งหมดของศาสนาพราหมณ์เพราะคิดว่ามนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อที่จะปฎิเสธความไม่เที่ยงของมนุษย์เอง ชาวพุทธยังมองว่า Atman เป็นภาพลวงตา (มายา) จากวันแรกที่กำเนิดศาสนาพุทธ ชาวพุทธยังไม่ยอมรับในการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณในหลักปรัชญาของศาสนาพราหมณ์ พระพุทธศาสนาได้กำหนดนิพพานเป็นสถานะที่พร้อมเมื่อบุคคลตระหนักว่า เขามีไม่มีตัวตนแล้วนั่นเอง