Implementation of similar projects

Implementation of similar projects can have positive effects on nursing students' knowledge of quality and safety in undergraduate nursing education. Early in project implementation, provision of QSEN-specific education was provided to both CIs and students. The purpose of this education was to familiarize participants with the QSEN competencies and to encourage discussion during clinical rotations. A secondary goal of the education was to provide background information that guided development of student projects based on a selected QSEN competency. Student projects in both groups reflected that these strategies enhanced students' knowledge of the QSEN competencies. Presentations included creative examples of how students interpreted QSEN competency definitions. For example, team building exercises, such as untangling a human rope and working together to stand on a sheet as it was folded smaller and smaller, were used by two groups to represent teamwork and collaboration. Patient centered care, or lack of it, was demonstrated during a QSEN presentation when students asked their peers to select their favorite candy bar from a bowl. After their peers verbalized their selections, they were provided with a different type of candy bar than the one they requested.

Students also readily applied QSEN competencies to experiences in the clinical environment. Quality improvement application included discussion of hospital and unit-based benchmarking of data related to pressure ulcers, falls, and follow-up pain scores after narcotic administration. Safety topics included use of bar code medication administration and computerized medication administration records and discussion of root cause analyses. Patient centered care and teamwork and collaboration were related to nurse bedside rounding, Structured Interdisciplinary Bedside Rounding (SIBR), and end-of-life issues. By reflecting on “real life” clinical examples, students were able to develop a more in-depth understanding of the importance of quality and safety at the bedside.

Qualitative findings provided invaluable insight regarding nurse perceptions of the experience. Two of the qualitative themes, thirsting for knowledge and establishing trust and decreasing anxiety, may be used to guide appropriate selection of nurses to serve as CIs. According to Gardner and Suplee (2010), students value clinical faculty who have professional competence, knowledge, and the ability to facilitate solutions to problems. CIs with these attributes are better able to nurture the students' “thirst for knowledge.” In addition, Cook (2005) found that students who viewed their clinical faculty as showing respect for students and acting friendly and trustful of students reported lower levels of anxiety. When CIs demonstrate these characteristics, students are better able to establish a level of comfort in the clinical setting. By establishing strong student/CI partnerships, positive learning environments can be created to optimize the clinical learning experience.

According to the Joint Commission on Accreditation of Healthcare Organizations (2005), communication failures were the leading root cause of sentinel events between 1995 and 2004. Yet teamwork and collaboration, which relates to open communication and shared decision making on health care teams, has been reported as one of the least integrated QSEN competencies (Barnsteiner et al., 2012, Disch et al., 2013 and Sullivan et al., 2009). As such, it is significant that teamwork and collaboration emerged as a theme from this project. Moore and Nahigan (2013) have also examined teamwork and collaboration within DEUs. The authors conducted a study to describe and compare perceptions of nursing students about collaboration in DEUs and traditional units. The authors reported a significant difference for nurse-to-nurse and nurse-to-nursing student collaboration, with DEU students reporting greater collaboration. The importance of addressing teamwork and collaboration in nursing education cannot be overstated. The use of the DEU clinical model in undergraduate nursing education provides the opportunity for nursing students to experience teamwork and collaboration early in their nursing careers. When all health care providers master this essential competency, patient safety is enhanced through improved interdisciplinary communication.

Mulready-Shick et al. (2013) relates that close working relationships between nursing students and expert clinical nurses within a DEU foster “role modeling and professional formation for both” (p. 612). The themes of mirroring organization and time management skills and evolving confidence in the nursing role support this statement. CIs described the observed progression of nursing students in clinical performance and confidence over the course of a clinical rotation. This progression may be attributed in large part to students' positive interactions with their CIs. As students became more comfortable in

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การดำเนินงานของโครงการที่คล้ายกันสามารถมีผลในเชิงบวกในความรู้ของนักเรียนด้านคุณภาพการศึกษาระดับปริญญาตรีพยาบาลพยาบาล ในการดำเนินโครงการ บทบัญญัติของการศึกษาเฉพาะ QSEN รับ CIs และนักเรียน วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือ คุ้นเข้าร่วม ด้วยความสามารถ QSEN และให้อภิปรายในระหว่างการหมุนเวียนทางคลินิก เป้าหมายรองของการศึกษาคือการ ให้ข้อมูลพื้นหลังที่พัฒนาโครงการนักเรียนตามความสามารถด้าน QSEN เลือก โครงการนักเรียนในกลุ่มสะท้อนว่า กลยุทธ์เหล่านี้ปรับปรุงความรู้ของนักเรียนความสามารถ QSEN งานนำเสนอรวมตัวอย่างสร้างสรรค์ของนักเรียนแปลความหมายคำนิยาม competency QSEN วิธี เช่น การสร้างทีมงาน การออกกำลังกายเช่น untangling เชือกมนุษย์และการทำงานที่โดดเด่นบนแผ่นงาน ตามที่มันถูกพับมีขนาดเล็ก และขนาด เล็ก ใช้ โดย 2 กลุ่มในการแสดงทำงานเป็นทีมและทำงานร่วมกัน ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางการดูแล หรือขาดของมัน สาธิตการนำเสนอ QSEN เมื่อนักศึกษาถามเพื่อน ๆ เลือกขนมของพวกเขาชื่นชอบจากชาม หลังจากที่เพื่อนของพวกเขา verbalized พวกเขาเลือก พวกเขาก็มีขนมกว่าพวกเขาร้องขอชนิดอื่นนักเรียนยังได้ใช้ความสามารถ QSEN กับประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมทางคลินิก โปรแกรมปรับปรุงคุณภาพรวมของโรงพยาบาลและหน่วยเปรียบเทียบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความดันแผล ตก ปวดติดตามผลคะแนน และหลังการบริหารยาเสพติด หัวข้อความปลอดภัยที่ใช้บริหารยาบาร์โค้ด และระเบียนการจัดการระบบยาและการสนทนาของรากทำให้วิเคราะห์ ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางการดูแล และทำงานเป็นทีมและทำงานร่วมกันเกี่ยวข้องกับการพยาบาลข้างเตียง และการปัดเศษ มีโครงสร้างสาขาข้างเตียงการปัดเศษ (SIBR), ปัญหาการสิ้นสุดของชีวิต โดยสะท้อนให้เห็นในชีวิตจริง"ตัวอย่างทางการแพทย์ นักเรียนได้พัฒนาความเข้าใจเชิงลึกถึงความสำคัญของคุณภาพและความปลอดภัยที่ข้างเตียงผลการวิจัยเชิงคุณภาพให้เข้าใจคุณค่าเกี่ยวกับพยาบาลรับรู้ของประสบการณ์ สองของรูปแบบเชิงคุณภาพ thirsting สำหรับความรู้ และสร้างความน่าเชื่อถือ และลดความวิตกกังวล อาจใช้เพื่อเป็นแนวทางเลือกที่เหมาะสมของพยาบาลเป็น CIs การ์ดเนอร์และ Suplee (2010), นักเรียนมูลค่าคณาจารย์ทางการแพทย์ที่มีความสามารถระดับมืออาชีพ ความรู้ และความสามารถในการอำนวยความสะดวกในการแก้ไขปัญหา CIs ด้วยคุณลักษณะเหล่านี้จะสามารถใช้รักษาความ "กระหายความรู้" นอกจากนี้ ปรุงอาหาร (2005) พบว่า นักคณาจารย์ของทางคลินิกเป็นการแสดงความเคารพสำหรับนักเรียนและทำหน้าที่เป็นมิตร และน่าเชื่อถือของนักเรียนรายงานระดับของความวิตกกังวล นักเรียนจะดีกว่าสามารถสร้างระดับของความสะดวกสบายในการตั้งค่าทางคลินิกเมื่อ CIs แสดงให้เห็นถึงลักษณะเหล่านี้ โดยการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งนัก เรียน/CI สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในเชิงบวกเพื่อเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ทางคลินิกตามที่คณะกรรมาธิการร่วมรับรองสุขภาพองค์กร (2005), ความล้มเหลวในการสื่อสารเป็นสาเหตุนำของแมวมองเหตุการณ์ระหว่างปี 1995 ถึง 2004 ยังไม่ ได้ทำงานเป็นทีมและความร่วมมือ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเปิดการสื่อสารและตัดสินใจร่วมกันในทีมดูแลสุขภาพ มีการรายงานเป็นหนึ่งในความสามารถของ QSEN ตัวน้อย (Barnsteiner et al. 2012, Disch et al. 2013 และ Sullivan et al. 2009) เช่นนี้ มันเป็นสำคัญว่า ทำงานเป็นทีมและทำงานร่วมกันกลายเป็นชุดรูปแบบจากโครงการนี้ มัวร์และ Nahigan (2013) ได้นอกจากนี้ยังตรวจสอบทำงานเป็นทีมและทำงานร่วมกันภายใน DEUs ผู้เขียนดำเนินการศึกษาเพื่ออธิบาย และเปรียบเทียบการรับรู้ของนักศึกษาพยาบาลเกี่ยวกับความร่วมมือใน DEUs และหน่วยดั้งเดิม ผู้เขียนรายงานความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญสำหรับความร่วมมือนักศึกษาพยาบาลกับพยาบาล และพยาบาลพยาบาล DEU นักเรียนทำรายงาน ความสำคัญของการจัดการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือในการศึกษาพยาบาลไม่สามารถคุยโว การใช้ของรูปแบบทางคลินิก DEU การศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรีให้โอกาสสำหรับนักศึกษาพยาบาลทำงานเป็นทีมและทำงานร่วมกันในอาชีพพยาบาล เมื่อผู้ให้บริการสุขภาพทั้งหมดหลัก competency นี้จำเป็น ความปลอดภัยผู้ป่วยขึ้นผ่านการสื่อสารสาขาการปรับปรุงเกี่ยวข้อง Mulready Shick et al. (2013) ว่าส่งเสริมสายสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาพยาบาลและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางคลินิกภายใน DEU เป็น "บทบาทการสร้างโมเดลและสร้างมืออาชีพทั้ง" (p. 612) รูปแบบขององค์กรและทักษะการบริหารจัดการเวลาการมิเรอร์ และพัฒนาความเชื่อมั่นในบทบาทพยาบาลสนับสนุนคำสั่งนี้ CIs อธิบายสังเกตความก้าวหน้าของนักศึกษาพยาบาลทางคลินิกของประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นผ่านหลักสูตรของการหมุนเวียนทางคลินิก โครงการนี้อาจนำมาประกอบส่วนใหญ่นักปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับ CIs ของพวกเขา ขณะที่นักเรียนกลายเป็นสบาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การดำเนินงานของโครงการที่คล้ายกันสามารถมีผลในเชิงบวกเกี่ยวกับความรู้นักศึกษาพยาบาลของคุณภาพและความปลอดภัยในการศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรี ในช่วงต้นของการดำเนินโครงการให้การศึกษา QSEN เฉพาะให้กับทั้ง CIS และนักเรียน วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจร่วมกับสมรรถนะ QSEN และเพื่อส่งเสริมให้การอภิปรายในระหว่างการหมุนเวียนทางคลินิก เป้าหมายที่สองของการศึกษาคือการให้ข้อมูลพื้นฐานที่ชี้นำการพัฒนาโครงการนักเรียนอยู่บนพื้นฐานของความสามารถ QSEN เลือก โครงการนักศึกษาในทั้งสองกลุ่มสะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์เหล่านี้เพิ่มความรู้ของนักเรียนสมรรถนะ QSEN การนำเสนอผลงานรวมถึงตัวอย่างความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนตีความ QSEN คำจำกัดความของความสามารถ ยกตัวอย่างเช่นการออกกำลังกายการสร้างทีมงานเช่นแกะเชือกมนุษย์และการทำงานร่วมกันที่จะยืนบนแผ่นขณะที่มันถูกพับขนาดเล็กและขนาดเล็กถูกนำมาใช้โดยทั้งสองกลุ่มจะเป็นตัวแทนของการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือ การดูแลผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางหรือขาดมันก็แสดงให้เห็นระหว่างการนำเสนอ QSEN เมื่อนักเรียนถามเพื่อนของพวกเขาในการเลือกขนมของพวกเขาชื่นชอบจากชาม หลังจากที่เพื่อนของพวกเขา verbalized ที่พวกเขาเลือกพวกเขาให้กับประเภทที่แตกต่างกันของลูกอมบาร์มากกว่าหนึ่งที่พวกเขาได้รับการร้องขอ.

นอกจากนี้นักศึกษายังนำไปใช้พร้อมสมรรถนะ QSEN ประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมทางคลินิก การประยุกต์ใช้การปรับปรุงคุณภาพรวมถึงการอภิปรายของโรงพยาบาลและการเปรียบเทียบตามหน่วยของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผลกดทับ, ตกและติดตามผลคะแนนความปวดหลังการบริหารยาเสพติด หัวข้อความปลอดภัยรวมถึงการใช้การบริหารยาและบาร์โค้ดคอมพิวเตอร์บันทึกบริหารยาและการอภิปรายของการวิเคราะห์สาเหตุ การดูแลผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลข้างเตียงปัดเศษโครงสร้างสหวิทยาการข้างเตียงปัดเศษ (SIBR) และปัญหาที่ปลายของชีวิต โดยสะท้อนให้เห็นถึง "ชีวิตจริง" ตัวอย่างทางคลินิกนักเรียนได้มีโอกาสพัฒนาความเข้าใจในเชิงลึกมากขึ้นถึงความสำคัญของคุณภาพและความปลอดภัยที่ข้างเตียงได้.

ผลการวิจัยเชิงคุณภาพให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการรับรู้ที่ทรงคุณค่าพยาบาลของประสบการณ์ สองรูปแบบคุณภาพกระหายความรู้และสร้างความไว้วางใจและลดความวิตกกังวลอาจจะใช้เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกของพยาบาลเพื่อทำหน้าที่เป็น CIs เหมาะสม ตามที่การ์ดเนอร์และ Suplee (2010) นักศึกษาคณะคุณค่าทางคลินิกที่มีความสามารถระดับมืออาชีพความรู้และความสามารถในการอำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหา CIs กับคุณลักษณะเหล่านี้จะดีขึ้นสามารถที่จะรักษาของนักเรียน "กระหายความรู้." นอกจากนี้ในคุก (2005) พบว่านักเรียนที่ดูอาจารย์ทางคลินิกของพวกเขาเป็นแสดงความเคารพสำหรับนักเรียนและทำหน้าที่เป็นมิตรและความน่าเชื่อถือของนักเรียนรายงานระดับที่ต่ำกว่าของความวิตกกังวล . เมื่อ CIs แสดงให้เห็นถึงลักษณะเหล่านี้นักเรียนจะสามารถสร้างระดับของความสะดวกสบายในการตั้งค่าทางคลินิก โดยการสร้างความร่วมมือนักศึกษา / CI แข็งแกร่งสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในเชิงบวกที่สามารถสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ประสบการณ์ทางคลินิก.

ตามที่คณะกรรมาธิการร่วมในการพิสูจน์ขององค์กรด้านการดูแลสุขภาพ (2005), ความล้มเหลวของการสื่อสารที่เป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่นำ Sentinel ระหว่างปี 1995 และปี 2004 แต่การทำงานเป็นทีมและความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับเปิดการสื่อสารและการตัดสินใจร่วมกันทำทีมการดูแลสุขภาพได้รับรายงานว่าเป็นหนึ่งในความสามารถ QSEN น้อยแบบบูรณาการ (Barnsteiner et al., 2012, Disch et al., 2013 ซัลลิแวน et al., 2009) เช่นนี้มันมีความหมายว่าการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือโผล่ออกมาเป็นรูปแบบจากโครงการนี้ มัวร์และ Nahigan (2013) นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือภายใน Deus ผู้เขียนได้ทำการศึกษาเพื่ออธิบายและเปรียบเทียบการรับรู้ของนักศึกษาพยาบาลเกี่ยวกับความร่วมมือในการดิวซ์และหน่วยแบบดั้งเดิม ผู้เขียนรายงานความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการพยาบาลการพยาบาลและการทำงานร่วมกันของนักศึกษาพยาบาลต่อการพยาบาลกับนักเรียน DEU รายงานความร่วมมือมากขึ้น ความสำคัญของการแก้ไขปัญหาการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือในการศึกษาการพยาบาลไม่สามารถคุยโว การใช้แบบจำลองทางคลินิก DEU ในการศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรีเปิดโอกาสให้นักศึกษาพยาบาลจะได้สัมผัสกับการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกันในช่วงต้นอาชีพพยาบาลของพวกเขา เมื่อทุกผู้ให้บริการดูแลสุขภาพต้นแบบสมรรถนะที่จำเป็นนี้ปลอดภัยของผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นผ่านการปรับปรุงการสื่อสารแบบสหวิทยาการ.

Mulready-Shick et al, (2013) ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดในการทำงานระหว่างนักศึกษาพยาบาลและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญภายใน DEU ฟอสเตอร์ "สร้างแบบจำลองบทบาทและการสร้างมืออาชีพสำหรับทั้งสอง" (พี. 612) ในรูปแบบของมิเรอร์องค์กรและการจัดการเวลาทักษะและการพัฒนาความเชื่อมั่นในบทบาทพยาบาลสนับสนุนคำสั่งนี้ CIs อธิบายความก้าวหน้าสังเกตของนักศึกษาพยาบาลในการปฏิบัติงานทางคลินิกและความเชื่อมั่นในช่วงเวลาของการหมุนทางคลินิก ความคืบหน้าเรื่องนี้อาจจะนำมาประกอบในส่วนใหญ่จะมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกของนักเรียนที่มี CIs ของพวกเขา ในฐานะที่เป็นนักเรียนกลายเป็นความสะดวกสบายมากขึ้นในการ