Diagnostic X-rays (primarily from C

Diagnostic X-rays (primarily from CT scans due to the large dose used) increase the risk of developmental problems and cancer in those exposed.[29][30][31] X-rays are classified as a carcinogen by both the World Health Organization's International Agency for Research on Cancer and the U.S. government.[24][32] It is estimated that 0.4% of current cancers in the United States are due to computed tomography (CT scans) performed in the past and that this may increase to as high as 1.5-2% with 2007 rates of CT usage.[33]

Experimental and epidemiological data currently do not support the proposition that there is a threshold dose of radiation below which there is no increased risk of cancer.[34] However, this is under increasing doubt.[35] It is estimated that the additional radiation will increase a person's cumulative risk of getting cancer by age 75 by 0.6–1.8%.[36] The amount of absorbed radiation depends upon the type of X-ray test and the body part involved.[37] CT and fluoroscopy entail higher doses of radiation than do plain X-rays.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอ็กซ์เรย์วินิจฉัย (จาก CT สแกนเนื่องจากยามีขนาดใหญ่ที่ใช้) เพิ่มความเสี่ยงของปัญหาพัฒนาการและมะเร็งในที่เปิดเผย [29] [30] [31] รังสีเอกซ์จะจัดเป็นสารก่อมะเร็งหน่วยงานนานาชาติขององค์การอนามัยโลกเพื่อการวิจัยมะเร็งและรัฐบาลสหรัฐฯ [24] [32]ประมาณ 0.4% ของมะเร็งปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาได้เนื่องจากคอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) ในอดีต และที่นี้อาจเพิ่มขึ้นมากถึง 1.5-2% ด้วย 2007 การใช้ CT [33]ข้อมูลระบาดวิทยา และการทดลองในปัจจุบันสนับสนุนโจทย์ว่า มีปริมาณจำกัดของรังสีที่มีไม่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง [34] อย่างไรก็ตาม นี้อยู่สงสัยที่เพิ่มขึ้น [35] คาดว่า รังสีเพิ่มเติมจะเพิ่มขึ้นของคนสะสมความเสี่ยงในโรคมะเร็งโดยอายุ 75 โดย 0.6-1.8% [36] ปริมาณรังสีดูดซึมขึ้นอยู่กับชนิดของการทดสอบ X-ray และส่วนของร่างกายเกี่ยวข้อง [37] CT และ fluoroscopy พบสูงกว่าปริมาณรังสีมากกว่าภาพเอ็กซ์เรย์ธรรมดา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวินิจฉัยรังสีเอกซ์ (ส่วนใหญ่มาจาก CT สแกนเนื่องจากการปริมาณขนาดใหญ่ใช้) เพิ่มความเสี่ยงของปัญหาพัฒนาการและโรคมะเร็งในผู้ที่สัมผัสได้. [29] [30] [31] รังสีเอกซ์จะจัดเป็นสารก่อมะเร็งทั้งอนามัยโลก องค์การระหว่างประเทศขององค์การเพื่อการวิจัยมะเร็งและรัฐบาลสหรัฐ. [24] [32] มันเป็นที่คาดว่า 0.4% ของการเกิดโรคมะเร็งในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากการคำนวณย์ (CT สแกน) ดำเนินการในอดีตที่ผ่านมาและที่นี้อาจเพิ่มขึ้น สูงถึง 1.5-2% กับ 2007 อัตราการใช้ CT. [33] การทดลองและข้อมูลทางระบาดวิทยาในปัจจุบันไม่สนับสนุนเรื่องที่ว่ามีเกณฑ์ปริมาณของรังสีที่ด้านล่างซึ่งไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง. [34] อย่างไรก็ตาม นี้อยู่ภายใต้ข้อสงสัยที่เพิ่มขึ้น. [35] มันเป็นที่คาดว่าการฉายรังสีที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของคนที่จะเป็นมะเร็งเมื่ออายุ 75 โดย 0.6-1.8%. [36] ปริมาณรังสีดูดซึมได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเอ็กซ์เรย์ การทดสอบและเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่เกี่ยวข้อง. [37] CT และส่องนำมาซึ่งปริมาณที่สูงขึ้นของรังสีกว่าธรรมดารังสีเอกซ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รังสีเอกซ์วินิจฉัย ( หลักจาก CT สแกนเนื่องจากการขนาดใหญ่ ( ใช้ ) เพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพและโรคมะเร็งในผู้ที่สัมผัส [ 29 ] [ 30 ] [ 31 ] ยุ จะจัดเป็นสารก่อมะเร็ง โดยทั้งองค์การอนามัยโลกเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา . [ 24 ] [ 32 มันคือประมาณว่า 0.4% ของมะเร็งในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการคำนวณสร้างภาพโทโมกราฟี ( สแกน CT ) ดำเนินการในอดีตและนี้อาจเพิ่มขึ้นสูงเป็น 1.5-2 % กับ 2007 อัตราการใช้ CT . [ 33 ]ทดลองและข้อมูลทางระบาดวิทยาในขณะนี้ไม่สนับสนุนครับว่ามีเกณฑ์ปริมาณรังสีของรังสีด้านล่างซึ่งมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง [ 34 ] อย่างไรก็ตาม นี้อยู่ภายใต้การสงสัย [ 35 ] คาดว่ารังสีเพิ่มเติมจะเพิ่มของคนสะสมความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยอายุ 75 โดย 0.6 - 1.8 % [ 36 ] ปริมาณการดูดซึมรังสีขึ้นอยู่กับชนิดของการทดสอบ X-ray และร่างกายส่วนที่เกี่ยวข้อง [ 37 ] CT และ fluoroscopy ที่สูง doses ของรังสีครอบคลุมมากกว่าการทำเอ็กซเรย์ธรรมดา