หากเราจะนึกถึงใครคนหนึ่งที่นอกจากคุณพ่อ และคุณแม่ของเรา ใครคนหนึ่งที่เขา คอยดูแลเรา คอยอบรม และมอบวิชาความรู้ให้กับเรา ใครคนหนึ่งที่ยอมเหนื่อย เพื่อเราโดยที่เขา ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ใครคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ครู” วันที่ 16 มกราคม ของทุกปี เป็นวันครู เป็นวันที่ผองศิษย์ทั้งหลายได้ร่วมใจพร้อมใจกันมานอบน้อมเคารพคุณครู ตั้งแต่โบราณกาล เราถือกันว่าคุณครู เป็นผู้ที่มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อศิษย์ทั้งหลาย ถัดมาจากคุณพ่อคุณแม่
หลายคนได้ให้คำนิยามมากมายที่เกี่ยวกับคำว่า ครู บางคนเปรียบครูเป็นเหมือนกับแสงเทียน ที่คอยส่องแสงสว่างไปยังเส้นทางที่ดี บางคนอาจจะเปรียบครูเป็นเหมือนกับเรือลำหนึ่ง ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางข้างหน้า ด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ละคนย่อมที่จะมีความต้องการครูในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ฉันเองก็มีความคิดและความคาดหวังที่อยากจะศึกษากับครูในอุดมคติของฉันเช่นเดียวกัน ซึ่งครูในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นครูที่มี จิตใจโอบอ้อมอารี สามารถให้ความรู้กับนักเรียน ได้อย่างเต็มที่ ดูแลเอาใจใส่นักศึกษาและคอยให้คำปรึกษาเวลามีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ สามารถสื่อสารกับนักเรียน ในขณะที่ทำการสอนได้อย่างเข้าใจ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการสอนอยู่เสมอ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นมาทำการปรับปรุงแก้ไขการสอนของตนเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูในอุดมคติของฉันคือ ต้องเป็นครูที่มีคุณธรรม จริยธรรม และ มีหัวใจของการเป็นครู อย่างเต็มเปี่ยม เพราะสิ่งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญให้แสงเทียน หรือเรือลำนี้สามารถนำพานักเรียนไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสำเร็จของชีวิตพร้อมที่จะเป็นบุคลากรที่ดีของชาติต่อไปได้ ทำไมคุณครูจึงมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ต้องมาดูที่หน้าที่ของครู ท่านสรูปไว้สั้นๆ ใน 2 คำคือ หน้าที่ในการแนะแล้วก็นำ แนะก็คือว่าการสอนให้ความรู้แก่ศิษย์นั่นเอง ส่วนการนำก็คือ การทำให้ดู คือประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างแก่ศิษย์ คุณค่าของความเป็นครูประมวลลงในคำ 2 คำนี้ ต้องสอนด้วย แล้วก็ทำตนให้เป็นแบบอย่างด้วย อย่างนี้ละก็ถือเป็นครูที่ดีพร้อม ที่ศิษย์ควรจะเคารพบูชา แม้ว่าครูในอุดมคติของฉันจะมีคุณสมบัติมากมาย แต่ข้างในลึก ๆ แล้วฉันก็หวังเพียงว่าครูทุกคนคงจะ เป็นครูที่พร้อมที่จะมอบวิชาความรู้ให้กับตัวฉันอย่างเต็มใจ สร้างความประทับใจ มิใช่ทำให้ฉันมองครูเป็น แค่เพียง เรือจ้างลำหนึ่ง หรือ เป็นแค่เปลวเทียนข้างทาง ที่ทำหน้าที่พาเราข้าม ไปสู่จุดหมายแล้วก็ลาจากกันไป โดยที่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่น่าจดจำและประทับใจติดตัวไปเลย
“พระคุณครู” พระคุณจากผู้รู้ที่ถ่ายทอดบอกกล่าวให้แก่ฉัน ดั่งแสงไฟที่ส่องทางให้กระจ่าง คือแบบอย่างมาตรฐานที่ทําให้ฉันต้องทําตามบางครั้งพระคุณของท่านก็เป็นดั่งความหวัง ให้คนที่หลงทางมีกําลังจะต่อสู้
แน่นอนพระคุณของครูหาได้จํากัด จัดเพียงแค่ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น หากแต่มันคือทุกอย่างที่คอยเติมเต็มช่องว่างของชีวิตคน
ใครเล่าคือครูของฉัน ครูของฉันคือคนสอนให้ฉันรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้คือคนนี้ สอนให้ฉันสู้เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นสิ้นหวัง คือคนนี้สอนให้ฉันกลับสู่หนทางแห่งแสงสว่างเมื่อความมืดคลอบงําจิตใจ
และครูของฉันก็หาได้จํากัดเพียงผู้สําเร็จทางวิชาการเท่านั้น ครูของฉัน ไม่จําเป็นต้องแต่งตัวสวยให้รูปร่างน่าชื่นชม แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ศิษย์นั้นศรัทธาคือปัญญาเลิศล้ำที่บรรดาพวกท่านได้สั่งสอน
พระคุณครูอันมากยิ่งในใจฉัน มันยากเกินกว่าจะพรรณนา มันคือคําพูดที่ไร้ซึ่งเสียง มันเป็นงานเขียนที่ไว้ซึ่งอักษรและแน่นอนมันจะคงอยู่ในใจของฉันตลอดไป