The Mitsubishi A7M2 Reppū (Strong G

The Mitsubishi A7M2 Reppū (Strong Gale, Allied reporting name "Sam") was a naval fighter plane developed as a successor to the infamous Type Zero carrier-based fighter.

The result of the 17-shi carrier-based fighter specifcation, the Zero's sucessor (then referred to as Navy Experimental Type 17 Type A) was expected to be able to climb to 6,000m in less than 6 minutes and then fly above that altitude at 639km/h, all while carrying two 20mm cannons and two 13mm machine guns and retaining the A6M3 Zero Model 32's impressive manueverability.

Engine selection was a primary problem - meeting the specifications required a 2,000hp powerplant, of which all available options - the Nakajima NK9 and the more powerful Mitsubishi MK9 - were still in development. With a larger engine capable of the required output, wing-loading became an issue - the Navy had requested no more than 150kg/m², which the MK9 was expected to fulfill. Due to MK9 production delays however, the Navy instructed Mitsubishi's design team to use the Nakajima NK9.

The Specification 17 carrier fighter's development was further delayed due to production facilities prioritizing production of the A6M-series fighters and Mitsubishi's G4M bomber as well as fixing issues with A6M variants and Mitsubishi's J2M Raiden. The A7M1 Reppū prototype finally flew in May 1944, demonstrating excellent handling and manueverability but could not attain its lofty 640km/h target due to the underpowered NK9 engine. The Navy ordered development stopped due to the failure, but Mitsubishi obtained permission to test the aircraft with the MK9 engine.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Reppū A7M2 ของมิตซูบิชิ (แข็ง Gale พันธมิตรรายงานชื่อ "สาม") เป็นเครื่องบินรบกองทัพพัฒนาเป็นสืบการรบใช้บริษัทขนส่งศูนย์ชนิดอับอายผลของ 17-ชิรบตามบริษัทขนส่ง specifcation, sucessor ของศูนย์ (แล้วอ้างอิงกองทัพเรือทดลองชนิด 17 ชนิด A) คาดว่าจะ สามารถปีน 6000 เมตรน้อยกว่า 6 นาทีแล้ว บินเหนือที่ระดับความสูงที่ 639km/h ทั้งหมดในขณะที่แบกปืน 20 มม. 2 และ 13mm ปืนสอง และรักษา A6M3 ศูนย์รุ่น 32 ของ manueverability น่าประทับใจเลือกเครื่องยนต์มีปัญหาหลัก - ประชุมข้อมูลจำเพาะต้องเป็น 2, 000hp powerplant ซึ่งตัวเลือกที่พร้อมใช้งานทั้งหมด - NK9 นาและ MK9 มิตซูบิชิมีประสิทธิภาพมากขึ้น - อยู่ในระหว่างการ กับเครื่องใหญ่ยนต์ความสามารถในการแสดงผลต้อง โหลดวิงกลายเป็น ประเด็น - กองทัพเรือได้ขอไม่เกิน 150 kg/m ² ซึ่งคาดว่า MK9 ตอบสนอง เนื่องจากความล่าช้าในการผลิต MK9 แต่ กองทัพเรือสั่งทีมออกแบบของมิตซูบิชิใช้ NK9 นาพัฒนาของนักรบผู้ขนส่ง 17 ข้อมูลจำเพาะเพิ่มเติมล่าช้าเนื่องจากการผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกผลิตนักรบ A6M-ชุดและเครื่องบินทิ้งระเบิด G4M ของมิตซูบิชิที่จัดระดับความสำคัญ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาด้วยตัวแปร A6M Raiden J2M ของมิตซูบิชิ ต้นแบบ A7M1 Reppū บินใน 1944 พฤษภาคม เห็นการจัดการดีและ manueverability ในที่สุด แต่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงส่ง 640km/h เนื่องจากเครื่องยนต์ NK9 underpowered กองทัพเรือสั่งพัฒนาหยุดเนื่องจากความล้มเหลว แต่มิตซูบิชิได้รับสิทธิ์ในการทดสอบเครื่องบินกับเครื่องยนต์ MK9

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มิตซูบิชิ A7M2 Reppū (พายุแข็งแรงรายงานชื่อพันธมิตร "แซม") เป็นเครื่องบินรบของกองทัพเรือได้รับการพัฒนาให้เป็นผู้สืบทอดไปยังประเภทที่น่าอับอายศูนย์รบให้บริการตาม. ผลของ 17-Shi ให้บริการตาม specifcation รบของศูนย์ sucessor (แล้วเรียกว่ากองทัพเรือทดลองประเภท 17 ประเภท) ที่คาดว่าจะสามารถที่จะปีนขึ้นไป 6,000 ในเวลาน้อยกว่า 6 นาทีและจากนั้นบินอยู่เหนือระดับความสูงที่ที่ 639km / h ทั้งหมดในขณะที่การดำเนินการสอง 20mm ปืนใหญ่และปืนสอง 13 มมและ การรักษา A6M3 ศูนย์ manueverability รุ่น 32 ที่น่าประทับใจ. ตัวเลือกเครื่องยนต์เป็นปัญหาหลัก - การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่จำเป็น powerplant 2,000hp ซึ่งตัวเลือกที่มีอยู่ทั้งหมด - นากาจิมา NK9 และมีประสิทธิภาพมากขึ้นมิตซูบิชิ MK9 - ยังคงอยู่ในการพัฒนา ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความสามารถของการส่งออกที่ต้องการปีกโหลดกลายเป็นประเด็น - กองทัพเรือได้ขอไม่เกิน 150kg / ตารางเมตรซึ่ง MK9 ที่คาดว่าจะตอบสนอง เนื่องจาก MK9 ความล่าช้าในการผลิตอย่างไรก็ตามกองทัพเรือสั่งทีมออกแบบของมิตซูบิชิจะใช้นากาจิมา NK9. ข้อมูลจำเพาะ 17 ผู้ให้บริการการพัฒนาของนักมวยที่ได้รับการล่าช้าออกไปอีกเนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกการผลิตจัดลำดับความสำคัญการผลิตของนักสู้ A6M ชุดและมิตซูบิชิเครื่องบินทิ้งระเบิด G4M เช่นเดียวกับปัญหาการแก้ไขด้วย สายพันธุ์ A6M และมิตซูบิชิ J2M ไรเดน ต้นแบบ A7M1 Reppūที่สุดบินพฤษภาคม 1944 แสดงให้เห็นถึงการจัดการที่ดีเยี่ยมและ manueverability แต่ไม่สามารถบรรลุสูงส่งของ 640km / h เป้าหมายเนื่องจากเครื่องยนต์ NK9 underpowered กองทัพเรือมีคำสั่งให้หยุดการพัฒนาอันเนื่องมาจากความล้มเหลว แต่มิตซูบิชิได้รับอนุญาตในการทดสอบเครื่องบินกับเครื่องยนต์ MK9

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มิตซูบิชิ a7m2 เร็พยู ( เกล แข็งแรงพันธมิตรรายงานชื่อ " แซม " ) เป็นเครื่องบินรบทหารเรือ พัฒนาเป็นผู้สืบทอดรบตาม infamous ประเภทศูนย์พาหะ

ผลของเรือบรรทุกเครื่องบินรบ 17 ซือ specifcation ตาม ศูนย์ sucessor ( แล้วเรียกว่ากองทัพเรือทดลองประเภท 17 ชนิด ) คือ คาดว่าจะสามารถปีนขึ้นไป 6m ในน้อยกว่า 6 นาที แล้วบินเหนือที่ระดับความสูงที่ 639km / H , ทั้งหมดในขณะที่แบกสองมิลลิเมตรปืนใหญ่และปืนกลสอง 13mm และรักษา manueverability ประทับใจ a6m3 ศูนย์รุ่น 32 .

เลือกเครื่องมือเป็นหลักปัญหา - ห้องประชุม ข้อกําหนดที่จำเป็นการศึกษาครั้งนี้ 2000hp ,ซึ่งทั้งหมดของตัวเลือก - นาคาจิม่า nk9 และมีประสิทธิภาพมากขึ้น มิตซูบิชิ mk9 - ยังอยู่ในการพัฒนา ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่สามารถเอาท์พุทที่ต้องการปีกโหลดกลายเป็นประเด็น - กองทัพเรือได้ขอไม่เกิน 150kg / มพนักงานขาย ซึ่ง mk9 คาดว่าจะตอบสนอง เนื่องจาก mk9 การผลิตล่าช้า อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือสั่งมิตซูบิชิทีมงานออกแบบที่จะใช้ นาคาจิมะ nk9 .

การพัฒนาคุณสมบัติ 17 บริษัทขนส่งของนักสู้ยังล่าช้าเนื่องจากการผลิตการผลิตของนักสู้ a6m ชุดและมิตซูบิชิ g4m เครื่องบินทิ้งระเบิด ตลอดจนแก้ไขปัญหาและตัวแปร a6m มิตซูบิชิ j2m เรเดน การ a7m1 เร็พยูบินต้นแบบสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม 1944แสดงให้เห็นถึงการจัดการที่ยอดเยี่ยมและ manueverability แต่ไม่สามารถบรรลุของมันสูงส่ง 640km / H เป้าหมายเนื่องจากการ underpowered nk9 เครื่องยนต์ กองทัพเรือสั่งให้หยุดพัฒนาเนื่องจากความล้มเหลว แต่มิตซูบิชิ ได้รับอนุญาตให้ทดสอบเครื่องบินกับ mk9 เครื่องยนต์