Depletion of oil reserves, pollutio

Depletion of oil reserves, pollution of air with harmful substances and global warming make it necessary to look for solutions to these global problems. One of the most efficient and comprehensive ways to solve them is to replace petroleum-based fuels for internal combustion engines by alternative fuels. The most promising approach, according to many scientists and experts, is the use of natural gas as fuel both in compressed and liquefied form (Luksho, 2014; Bakhmutov and Karpukhin 2012). The main advantage of natural gas is its better environmental footprint. The exhaust gases of natural gas powered engines contain less harmful substances, compared with petrol and diesel engines. They produce less carbon monoxide by 50-70%, less non-methane organic gases and nitrogen oxides by 70-80% and less carbon dioxide by 15-20% (Luksho et al., 2011; Luksho, 2010). There are certain other advantages of using natural gas as motor fuel. In particular, after desulfurization methane contains almost no sulfur, whose combustion products can be harmful to the health of people and other living organisms, acidify soil and water, destroy the monuments, building facades, etc. Therefore, a comprehensive assessment of the most harmful components of exhaust gases, created by engines running on natural gas, shows that such engines are significantly less dangerous than gasoline or diesel ones. However, transition to gas fuel does not fully solve environmental problems exposed by tightened environmental standards. These problems are mainly related to two components, namely methane and nitrogen oxides, although the transition to advanced (Euro 5 and Euro 6) standards can make it difficult to avoid violating the maximum levels of other regulated substances. In particular, when converting a diesel engine to methane fuel, scientists at NAMI and other researchers reported a very high level of methane emissions, which is several times greater than current standards. Therefore, even Euro-3 required the use of catalytic converters with high content of precious metals, with significantly (three or more times) greater concentration thereof than in the conventional oxidation converters for gasoline and diesel engines.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การลดลงของน้ำมัน สำรอง มลพิษทางอากาศที่มีสารอันตราย และภาวะโลกร้อนทำให้จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทั่วโลก หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และครอบคลุมการแก้ไขได้ถูกแทนที่จากปิโตรเลียมการเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยพลังงานทางเลือก วิธีการว่า ตามหลายนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ มีการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งในรูปแบบบีบอัด และแก๊ซ (Luksho, 2014 Bakhmutov และ Karpukhin 2012) ประโยชน์หลักของก๊าซธรรมชาติคือ รอยสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ก๊าซไอเสียของเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติประกอบด้วยอันตรายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเบนซินและดีเซล พวกเขาผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์น้อยกว่า 50-70% ก๊าซอินทรีย์น้อยมีเทน และไนโตรเจนออกไซด์ โดย 70-80% และคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 15-20% (Luksho et al. 2011 Luksho, 2010) มีข้อดีบางอย่างของการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ โดยเฉพาะ หลังจากมีเทน desulfurization ประกอบด้วยกำมะถันเกือบจะไม่ ผลิตภัณฑ์เผาไหม้ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ acidify ดินและน้ำ ทำลายอนุสาวรีย์ อาคารอาคาร และอื่น ๆ ดังนั้น ประเมินที่ครอบคลุมประกอบสุดอันตรายของก๊าซไอเสีย สร้างขึ้น โดยเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ แสดงว่า เครื่องมือดังกล่าวเป็นอย่างมากอันตรายน้อยกว่าน้ำมันเบนซินหรือดีเซล อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเชื้อเพลิงก๊าซเต็มแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สัมผัส โดยต้องมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคอมโพเนนต์สอง คือมีเทนและไนโตรเจนออกไซด์ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงมาตรฐาน (ยูโร 5 และ 6 ยูโร) ขั้นสูงสามารถทำให้มันยากที่จะหลีกเลี่ยงการละเมิดระดับสูงสุดของสารควบคุมการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการแปลงเครื่องยนต์ดีเซลน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สมีเทน นักวิทยาศาสตร์ที่นามิและนักวิจัยอื่น ๆ รายงานระดับสูงมากของการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นมากกว่ามาตรฐานปัจจุบันหลายครั้ง ดังนั้น แม้ยูโร-3 ต้องใช้แปลงตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะมีค่า สูงเนื้อหามีมาก (อย่าง น้อย 3 ครั้ง) ความเข้มข้นมากขึ้นดังกล่าวมากกว่าในแปลงแบบออกซิเดชันสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พร่องของน้ำมันสำรองมลพิษทางอากาศที่มีสารที่เป็นอันตรายและภาวะโลกร้อนทำให้จำเป็นต้องมองหาแนวทางในการแก้ปัญหาระดับโลกเหล่านี้ หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและครอบคลุมการแก้พวกเขาคือการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในโดยเชื้อเพลิงทางเลือก วิธีการที่มีแนวโน้มมากที่สุดตามที่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนคือการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งในรูปแบบการบีบอัดและเหลว (Luksho 2014; Bakhmutov และ Karpukhin 2012) ประโยชน์หลักของก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า ก๊าซไอเสียของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนก๊าซธรรมชาติมีสารที่เป็นอันตรายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล พวกเขาทำให้เกิดคาร์บอนมอนอกไซด์น้อยลงโดย 50-70% น้อยที่ไม่ใช่ก๊าซมีเทนก๊าซและออกไซด์ของไนโตรเจนอินทรีย์โดย 70-80% และคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 15-20% (Luksho et al, 2011;. Luksho 2010) มีข้อดีอื่น ๆ บางอย่างของการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมอเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ desulfurization ก๊าซมีเทนมี​​เกือบจะไม่มีกำมะถันที่มีผลิตภัณฑ์การเผาไหม้ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นกรดของดินและน้ำทำลายอนุสาวรีย์อาคารอาคาร ฯลฯ ดังนั้นการประเมินที่ครอบคลุมของที่อันตรายที่สุด องค์ประกอบของก๊าซไอเสียที่สร้างขึ้นโดยเครื่องยนต์ที่ทำงานบนก๊าซธรรมชาติแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญที่อันตรายน้อยกว่าน้ำมันเบนซินหรือดีเซลคน อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงก๊าซไม่ได้อย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเปิดเผยโดยมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมรัดกุม ปัญหาเหล​​่านี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับทั้งสองส่วนคือก๊าซมีเทนและก๊าซไนโตรเจนออกไซด์แม้จะเปลี่ยนไปใช้งานขั้นสูง (Euro 5 และยูโร 6) มาตรฐานสามารถทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการละเมิดในระดับสูงสุดของสารการควบคุมอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการแปลงเครื่องยนต์ดีเซลเชื้อเพลิงก๊าซมีเทนนักวิทยาศาสตร์ที่นามิและนักวิจัยอื่น ๆ รายงานระดับที่สูงมากของการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นหลายครั้งยิ่งใหญ่กว่ามาตรฐานปัจจุบัน ดังนั้นแม้ยูโร 3 จำเป็นต้องใช้ของแปลงตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีเนื้อหาสูงของโลหะมีค่าที่มีอย่างมีนัยสำคัญ (สามครั้งหรือมากกว่า) ความเข้มข้นมากขึ้นนั้นดีกว่าในแปลงออกซิเดชันธรรมดาสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การพร่องของน้ำมันสำรอง มลพิษของอากาศที่มีสารอันตราย และภาวะโลกร้อน ทำให้ต้องมองหาแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลกเหล่านี้ หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและครอบคลุมการแก้ไขคือการเปลี่ยนใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียมสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยเชื้อเพลิงทดแทน แนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุด ตามนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายคน คือ การใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทั้งในรูปแบบบีบอัดและเหลว ( luksho 2014 ; bakhmutov และ karpukhin 2012 ) ประโยชน์หลักของก๊าซธรรมชาติดีกว่าสิ่งแวดล้อม รอยเท้า ก๊าซไอเสียก๊าซธรรมชาติขับเคลื่อนเครื่องยนต์ประกอบด้วยสารที่เป็นอันตรายน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล พวกเขาผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์น้อยลงโดย 50-70% ปลอดก๊าซมีเทนน้อยกว่าและอินทรีย์ไนโตรเจนออกไซด์ โดย 70-80% และน้อย คาร์บอนไดออกไซด์ 15-20% ( luksho et al . , 2011 ; luksho , 2010 ) มีข้อดีอื่น ๆบางอย่างของการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ . โดยเฉพาะหลังจาก desulfurization ก๊าซมีเทนมีเกือบไม่มีกำมะถันที่มีการเผาไหม้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆที่ทำให้เป็นกรดในดินและน้ำ การทำลายโบราณสถาน อาคารตึก ฯลฯ ดังนั้น การประเมินที่ครอบคลุมขององค์ประกอบที่เป็นอันตรายมากที่สุดของก๊าซไอเสียที่สร้างขึ้นโดยเครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติ แสดงว่า เครื่องมือดังกล่าวจะมีอันตรายน้อยกว่าเบนซินหรือดีเซลที่ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเชื้อเพลิงแก๊สไม่เต็ม แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเปิดรับเพิ่มสิ่งแวดล้อมมาตรฐาน ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสององค์ประกอบคือ ก๊าซมีเทนและไนโตรเจนออกไซด์ ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนขั้นสูง ( ยูโร 5 มาตรฐานยูโร 6 ) สามารถทำให้มันยากที่จะหลีกเลี่ยงการละเมิดระดับสูงสุดของอื่น ๆที่มีสาร โดยเฉพาะเมื่อแปลงเครื่องยนต์ ดีเซลเชื้อเพลิงก๊าซมีเทน , นักวิทยาศาสตร์ที่ นามิและนักวิจัยอื่น ๆที่รายงานในระดับที่สูงมากของการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานในปัจจุบัน หลายๆ ครั้ง ดังนั้น แม้ euro-3 ต้องใช้เครื่องฟอกไอเสียที่มีเนื้อหาสูงของโลหะมีค่าที่มีนัยสำคัญ ( สามครั้งหรือมากกว่านั้น ) ความเข้มข้นมากกว่าในการออกซิเดชันแปลงสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล .