วันคริสต์มาสในแคนาดา
ในประเทศแคนาดา หิมะจะตกก่อนถึงวันคริสต์มาสเสมอ จนหิมะได้กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของวันคริสต์มาส การ์ดอวยพรวันคริสต์มาสมักจะมีรูปหิมะ และแม้แต่เพลงหลายเพลงก็จะมีเนื้อร้องบางตอนเกี่ยวกับหิมะอยู่ด้วย ดังนั้นจึงเป็นการยากที่เราจะรู้สึกว่า เทศกาลคริสต์มาสมาถึงแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีหิมะอยู่เลย
คริสต์มาสในแคนาดานั้นมีความหมายรวมไปถึงการ “ช็อปปิ้ง” ด้วย เพราะใครๆ ก็จะพากันออกไปจับจ่ายซื้อของขวัญสำหรับเพื่อนฝูงและญาติมิตรตลอดจนคนในครอบครัว นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะร้านรวงทุกแห่งจะประดับประดาด้วยแสงสีสวยสดงดงามเป็นพิเศษ มีของขวัญต่างๆ ออกวางขายเต็มเกลื่อนไปหมด แถมท้ายด้วยเพลงคริสต์มาสเพราะๆ เปิดให้ฟังกันทั้งวันอีกด้วย จนบางคนออกไป ช็อปปิ้งเพียงเพื่อไปดูสิ่งสวยงามต่างๆ เท่านั้นเอง เพราะปกติผู้คนจะชุลมุนวุ่นวายกันมากมายเต็มไปหมด ใครจะซื้ออะไรก็จะต้องรีบซื้ออย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การได้รับของขวัญคริสต์มาสจากคนโน้นคนนี้ทำให้วัน คริสต์มาสเป็นวันที่น่าตื่นเต้นยินดีสำหรับทุกคน
บนท้องถนนทุกสายในแคนาดาที่ถูกหิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมขาวโพลนไปหมดนั้นล้วนประดับประดาด้วยแสงไฟหลากสีสวยงามจับตา แม้แต่ตามถนนหนทางคุณก็อาจได้ยินเสียงเพลงคริสต์มาสด้วยซ้ำไป บางครอบครัวก็ชอบที่จะนั่งรถไปรอบๆเมืองไปทั่ว พวกเขาจะรวบรวมเงินกันเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์สำหรับช่วยเหลือคนยากจนในตอนคริสต์มาสนี้ด้วย
ช่วงคริสต์มาสนั้นเป็นเวลาที่มีอากาศหนาวเย็นจัด แต่ดวงใจของทุกคนแสนจะอบอุ่น คุณจะได้เห็นรอยยิ้มแย้มอย่างมีความสุขสดชื่น แม้แต่คนที่ไม่รู้จักกันเมื่อเจอหน้ากันก็จะทักกันว่า “เมอรี่ คริสต์มาส”
พี่น้อง คริสต์เตียนก็จัดงานสำหรับวันนี้เป็นพิเศษหลายอย่าง เพราะวันคริสต์มาสเป็นวันทำให้พวกเราระลึกถึงวันประสูติขององค์พระเยซูคริสต์ โบสถ์ต่างๆ จะมีรายการแสดงมากมาย มีเพลงไพเราะพิเศษซึ่งเล่าถึงเรื่องราวคริสต์มาส โดยปกติแล้วเรามักจะออกไปกับพี่น้อง คริสต์เตียนคนอื่นๆ เพื่อเยี่ยมเยียนผู้เจ็บป่วยหรือคนชรา และร่วมกันร้องเพลงคริสต์มาส ช่างเป็นเวลาแห่งความสุขสนุกสนานรื่นเริงของพวกเราเสียจริงๆในวันคริสต์มาส (วันที่ 25 ธันวาคม) พวกเราจะตื่นนอนกันแต่เช้าตรู่ทีเดียว เพื่อจะดูของขวัญที่พวกเราได้รับกันคนละหลายๆ ชิ้น จากใต้ต้นคริสต์มาส (เกือบทุกครอบครัวจะมีต้นคริสต์มาสที่ตกแต่งประดับประดาด้วยดวงไฟสีต่างๆ พร้อมเครื่องประดับที่แสนจะน่ารักสวยงาม) ทันทีที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวตื่นนอนกันแล้ว เราก็จะส่งของขวัญให้แก่กัน แล้วทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้นยินดีที่ต่างก็ได้รับของขวัญ เพราะอยากว่ารู้ว่าตนได้อะไรเป็นของขวัญ
เมื่อพวกเราแกะห่อของขวัญดูกันเสร็จแล้ว ก็ร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน และไปโบสถ์เพื่อนมัสการพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระเยซูคริสต์ และสิ่งวิเศษสุดคือเรื่องราวของวันคริสต์มาสนั่นเอง
วันคริสต์มาสคือช่วงเวลาสำหรับครอบครัวและญาติมิตรพี่น้อง ราวๆ เที่ยงพวกเราจะนัดไปพบกันกับครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งสำหรับงานเลี้ยงใหญ่ฉลองเทศกาลคริสต์มาส หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว พวกเด็กๆ จะออกไปข้างนอกเล่นสเก็ตน้ำแข็ง และนั่งเลื่อนเล่นท่ามกลางหิมะขาวสะอาด
ส่วนผู้ใหญ่จะสนุกกับการเล่นเกมส์ต่างๆ ภายในบ้านอันอบอุ่น หลังจากที่ช่วงแห่งความสุขสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ผ่านไปแล้ว เราก็จะร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอีก เสร็จแล้วต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน เรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด แต่เต็มไปด้วยความสุขสดชื่นที่สุด เพราะได้ร่วมสนุกสนานรื่นเริงกับคนอื่นๆ ในงานฉลองคริสต์มาสอันวิเศษนี้ สำหรับพวกเราแล้วเทศกาลคริสต์มาสเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบปี
ไม่มีคริสต์มาสครั้งใดในสแกนดิเนเวียที่จะปราศจากหิมะ น้ำแข็ง และอากาศที่หนาวเย็น ชาวสแกนดิเนเวียทุกคนต่างก็เฝ้าชมรายการพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์ในช่วงคริสต์มาส ทุกคนอยากให้หิมะตก แม้ว่าจะบ่นเกี่ยวกับอากาศในรอบปีในสแกนดิเนเวียว่ามันแย่และทารุณมากก็ตาม พวกเขาจะไม่ได้รับวิญญาณของคริสต์มาสจนกว่าปรอทวัดอุณหภูมิจะแจ้งว่า อุณหภูมิขณะนั้นเป็น -20 องศา
ขณะที่องค์พระเยซูคริสต์บังเกิดนั้น พระองค์ประสูติในประเทศอิสราเอลอันอบอุ่น ชาวสแกนดิเนเวียที่เป็นพวกชาตินิยมได้ละลืมความจริงข้อนี้ พวกเขาคิดเอาเองว่า ตอนนี้คริสต์มาสต้องมีหิมะ น้ำแข็ง และอากาศที่หนาวเย็น พวกเราส่วนใหญ่ก็เช่นกันจะละลืมไปชั่ว 2-3 วัน ว่าพระเยซูคริสต์บังเกิดในอิสราเอล เลยพยายามทำให้พระองค์เป็นชาวสวีเดน ชาวเดนมาร์ก หรือชาวนอร์เวย์ อย่าได้พยายามบอกชาวสแกนดิเนเวียเลยว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเฝ้าพระกุมารเยซูเมื่อพระองค์ประสูติไม่เคยเห็นหิมะเลยตลอดชีวิตของเขา อันที่จริงพวกเขาต้องเชื่อ แต่ไม่ยอมรับความจริงนี้โดยเด็ดขาด
เทศกาลคริสต์มาสในสแกนดิเนเวียเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด โดยเฉพาะเด็กๆ ผมยังจำได้ว่า เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผมนอนไม่หลับเลยในคืนก่อนวันคริสต์มาส
ชาวสแกนดิเนเวียส่วนใหญ่จะมีต้นคริสต์มาสอยู่ที่บ้าน ในวันที่ 23 ธันวาคม เขาประดับประดาต้น คริสต์มาสอย่างสวยงาม คืนนั้นจะเป็นการจัดเตรียมครั้งใหญ่สำหรับคริสต์มาส ชาวสแกนดิเนเวียจะฉลอง คริสต์มาสในวันที่ 24 ธันวาคม สมาชิกทุกคนในบ้านจะร่วมฉลองด้วยกัน สำหรับวันคริสต์มาส คือวันที่ 25 ธันวาคม จะเป็นวันไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง
ในวันที่ 24 การตระเตรียมต่างๆ จะเริ่มแต่เช้าตรู่ทีเดียว คุณแม่จะจัดเตรียมอาหาร คุณพ่อเอาของขวัญมาวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาส สำหรับ คริสเตียน ในบ้านจะไม่มีซานตาคลอส เพราะเขาคิดว่าซานตาคลอสจะเป็นตัวดึงเอาความสนใจในความหมายอันแท้จริงของวันคริสต์มาสไป ความหมายที่แท้จริงก็คือ เพราะพระเยซูคริสต์ประสูติที่หมู่บ้านเบ็ธเลเฮมเพื่อไถ่เราให้พ้นจากบาป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอาของขวัญต่างๆ วางไว้ใต้ต้นไม้แทนตัวซานตาคลอส
ประมาณบ่าย 3 โมง สมาชิกในครอบครัวจะพากันไปโบสถ์ แม้แต่คนที่ไม่เป็น คริสเตียนก็จะไปโบสถ์ในวันที่ 24 นี้ พวกเขาจะพากันร้องเพลงคริสต์มาสที่คุ้นหูมานานหลายปี และฟังเรื่องราวเกี่ยวกับทารกน้อยที่ส่งมาจากสวรรค์
เมื่อกลับจากโบสถ์ก็จะอยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน จะไม่มีใครมารบกวนเลย ไม่มีชาวสแกนดิเนเวีย