The purpose of this study is to exp

The purpose of this study is to explore college students' self-reported cell phone use and beliefs and investigate the effect on student learning. Eighty-eight college students responded to a questionnaire about their use of cell phones during classes, studying, and driving and about their beliefs about how cell phones impact their schoolwork. In addition, a subset (n= 34) participated in an experimental study in which half the students listened to a novel lecture without cell phones and half were told to use cell phones (e.g. play games, text) during the lecture. Descriptive results indicated that there is an acceptance of use in class; students' beliefs were neutral about whether they felt distracted or if time spent using devices affected their study time. Experimental results failed to indicate any difference in quiz scores between those using devices while listening to a lecture and those who did not. Yet, those who used their cell phones did anticipate lower scores than students who did not, indicating students may intuit its distracting nature for learning.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ใช้โทรศัพท์มือถือรายงานด้วยตนเองและความเชื่อของนักเรียน และตรวจสอบผลการเรียนรู้ของนักเรียน เอ้ทตี้เอ้นักศึกษาตอบแบบสอบถาม เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ในระหว่างเรียน ศึกษา และการขับขี่ และความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีโทรศัพท์มีผลต่อครู นอกจากนี้ ย่อย (n = 34) เข้าร่วมในการศึกษาทดลองที่นักเรียนครึ่งฟังการบรรยายนวนิยายไม่มีโทรศัพท์ และครึ่งบอกว่า การใช้โทรศัพท์ (เช่นเล่นเกม ข้อความ) ในระหว่างการบรรยาย อธิบายผลลัพธ์บ่งชี้ว่า มีการยอมรับในชั้นเรียน ความเชื่อของนักเรียนเป็นกลางเกี่ยวกับว่าพวกเขารู้สึกว่าต้องคอยกังวลหรือถ้าเวลาที่ใช้โดยใช้อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบเวลาเรียน ผลการทดลองไม่สามารถบ่งชี้ความแตกต่างในคะแนนแบบทดสอบผู้ใช้อุปกรณ์ในขณะฟังการบรรยายและผู้ที่ไม่ ยัง ผู้ที่ใช้โทรศัพท์ของพวกเขาไม่มีคะแนนต่ำกว่านักเรียนที่ไม่ ระบุนักเรียนอาจ intuit ธรรมชาติรบกวนการเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้คือการสำรวจมือถือตนเองรายงานนักศึกษาใช้โทรศัพท์มือถือและความเชื่อและการตรวจสอบผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน แปดสิบแปดนักศึกษาตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการใช้งานของโทรศัพท์มือถือในระหว่างการเรียนการศึกษาและการขับรถและเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีการโทรศัพท์มือถือส่งผลกระทบต่อการเรียนของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีส่วนย่อย (n = 34) มีส่วนร่วมในการศึกษาทดลองที่นักเรียนครึ่งฟังการบรรยายนวนิยายโดยไม่ต้องโทรศัพท์มือถือและครึ่งหนึ่งบอกว่าจะใช้โทรศัพท์มือถือ (เช่นการเล่นเกม, ข้อความ) ในระหว่างการบรรยาย ผลการพรรณนาชี้ให้เห็นว่ามีการยอมรับการใช้งานในชั้น; ความเชื่อของนักเรียนเป็นที่เป็นกลางเกี่ยวกับว่าพวกเขารู้สึกฟุ้งซ่านหรือถ้าเวลาที่ใช้ในการใช้อุปกรณ์รับผลกระทบเวลาการศึกษาของพวกเขา ผลการทดลองล้มเหลวที่จะแสดงให้เห็นความแตกต่างในการตอบคำถามได้คะแนนระหว่างผู้ใช้อุปกรณ์ใด ๆ ในขณะที่ฟังการบรรยายและผู้ที่ไม่ได้ แต่ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือของพวกเขาคาดว่าจะมีคะแนนต่ำกว่านักเรียนที่ไม่ได้แสดงให้เห็นนักเรียนอาจตรัสรู้ธรรมชาติของมันทำให้เสียสมาธิในการเรียนรู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อสำรวจนักศึกษาวิทยาลัย self-reported โทรศัพท์มือถือใช้ ความเชื่อ และศึกษาผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน แปดสิบแปดนักศึกษาตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างเรียน เรียน และการขับรถและเกี่ยวกับความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีการที่โทรศัพท์มือถือผลกระทบต่อการเรียนของตนเอง นอกจากนี้ส่วนย่อย ( n = 34 ) มีส่วนร่วมในการศึกษาทดลองในครึ่งที่นักเรียนฟังการบรรยายใหม่โดยไม่ต้องโทรศัพท์มือถือและครึ่งที่บอกว่าใช้โทรศัพท์มือถือ ( เช่น เล่นเกมส์ , ข้อความ ) ในระหว่างการบรรยาย ผลลัพธ์เชิงพรรณนา พบว่ามีการใช้ในคลาสความเชื่อของนักเรียนที่เป็นกลางเกี่ยวกับว่าพวกเขารู้สึกวอกแวก หรือถ้าเวลาที่ใช้อุปกรณ์กระทบเวลาเรียนของพวกเขา ผลการทดลองล้มเหลวในการระบุความแตกต่างในคะแนนสอบ ระหว่างผู้ที่ใช้อุปกรณ์ในขณะที่ฟังบรรยายและผู้ที่ไม่ได้ แต่ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือของพวกเขาไม่ได้คาดหวังคะแนนต่ำกว่านักเรียนที่ไม่ได้ ,ระบุนักเรียนอาจตรัสรู้สมาธิธรรมชาติของการเรียนรู้