การเคลื่อนไหวของ นปช. ได้เปลี่ยนมาเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาโดยลำดับนับแต่เมษายน 2552 ซึ่งเป็นการปะทะกันอย่างชัดเจนกับรัฐบาล ส่วนหนึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลใช้กำลังจากกองทัพอย่างเข้มข้นมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าบทบาทของกองทัพ โดยเฉพาะกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ที่มีบทบาทสาคัญในการจัดการกับกลุ่ม นปช. ณ จุดสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อก่อนเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2552 จนถึงกับมีการระบุว่าเป็น“โจทก์เก่า” ของฝ่ายเสื้อแดง
ในการชุมนุมใหญ่ของ นปช. วันที่ 12 มีนาคม 2553 มุ่งกดดันให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยุบสภา กระทรวงมหาดไทยประเมินว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 70,000 คน และรัฐบาลตอบโต้ด้วยการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง และตั้ง ศอ.รส. โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมัน่ คงเป็นผู้อานวยการศูนย์ มีสถานที่บัญชาการที่กรมทหารราบที่11 รักษาพระองค์ และพักอาศัยในกรมทหารราบที่ 11 จึงทำให้ฝ่าย นปช. เคลื่อนขบวนไปกดดันหน้ากรมทหารราบที่ 11 และมีการระดมขอบริจาคเลือดกว่า 300,000 ซีซี ไปเทยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์และบ้านพักส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในระหว่างนั้นมีข่าวการยิงจรวดอาร์พีจีถล่มห้องทำงานในกระทรวงกลาโหม และกดดันฝ่ายรัฐบาล โดย นปช. ยื่นข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาพร้อมกับกระจายการชุมนุมไปหลายจุด จนทาให้กองทัพกดดันรัฐบาลให้มีการเจรจา ภายหลังที่ นปช. ประกาศบุกกรมทหารราบที่ 11