Being an excellent solvent of chole

Being an excellent solvent of cholesterol, d-limonene has
been used clinically to dissolve cholesterol-containing
gallstones. Because of its gastric acid neutralizing effect
and its support of normal peristalsis, it has also been used
for relief of heartburn. D-limonene has well-established
chemopreventive activity against many types of cancers.
Evidence from a phase I clinical trial shows a partial response
in a patient with breast cancer and stable disease for more
than six months in three patients with colorectal cancer.
(Altern Med Rev 2007;12(3):259-264)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป็นตัวทำละลายดีของไขมัน d limonene ได้การใช้ทางคลินิกเพื่อละลายไขมันที่ประกอบด้วยโรคนิ่ว เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารของ neutralizing ผลและการสนับสนุนของ peristalsis ปกติ มันยังถูกใช้สำหรับการปลดปล่อยจุกเสียด D-limonene ได้ดีขึ้นกิจกรรม chemopreventive ต่อต้านมะเร็งหลายชนิดหลักฐานจากเฟสผมทดลองทางคลินิกแสดงการตอบสนองบางส่วนในผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งและคอกของเต้านมเพิ่มเติมกว่า 6 เดือนในผู้ป่วย 3 โรคมะเร็งลำไส้(Altern Med เรฟ 2007;12(3):259-264)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เป็นตัวทำละลายที่ดีของคอเลสเตอรอล, D-limonene ได้
ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อละลายคอเลสเตอรอลที่มี
โรคนิ่ว เพราะผล neutralizing กรดในกระเพาะอาหารของตน
และการสนับสนุนของ peristalsis ปกติก็ยังถูกใช้
เพื่อบรรเทาอาการเสียดท้อง D-limonene ได้ดีขึ้น
กิจกรรม chemopreventive กับหลายประเภทของโรคมะเร็ง.
หลักฐานจากเฟสผมทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองบางส่วน
ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมและโรคมีเสถียรภาพมากขึ้น
กว่าหกเดือนในสามของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก.
(Altern Med Rev 2007; 12 (3): 259-264)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นตัวทำละลายที่ดีของคอเลสเตอรอล ดีไลโมนีนมีการใช้ทางคลินิกเพื่อละลายไขมัน

ที่มีนิ่ว เพราะมีกรดในกระเพาะอาหาร neutralizing ผล
และการสนับสนุนของ peristalsis ปกติ มันยังถูกใช้
บรรเทาอิจฉาริษยา . ดี ลิโมนีน ได้รู้จักกับหลายประเภทของการกิจกรรม

มะเร็งหลักฐานจากการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นบางส่วนของเฟสผมตอบสนอง
ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านม และโรคที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
กว่าหกเดือนสามผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก .
( ALTERN Med Rev 2007 ; 12 ( 3 ) : 259-264 )