4. DiscussionOur study found a high

4. Discussion
Our study found a high prevalence of nurses in the
Scottish workforce to be overweight or obese: 7 in 10
(69.1%) nurses in Scotland were overweight or obese; 4 in
10 were overweight (39.7%) and 3 in 10 obese (29.4%).
Prevalence of overweight and obesity is therefore higher
among nurses in Scotland than those in the UK (Bogossian
et al., 2012), Australia (Bogossian et al., 2012), New Zealand
(Bogossian et al., 2012), and the USA (Miller et al., 2008;
Zitkus, 2011). Moreover, our study found that other
healthcare professionals and those working in non-health
related occupations had statistically significantly lower
odds of being overweight or obese than nurses. This
confirms previous international research that found higher
prevalence of overweight and obesity among nurses than
the general population in the UK, Australia and New
Zealand (Bogossian et al., 2012).
Reasons for increased prevalence of overweight and
obesity among Scottish nurses are unknown and warrant
further investigation, but likely result from a combination
of individuals’ health-related behaviours and occupational
factors. Poor diet and low levels of physical activity are
known risk factors for overweight and obesity (Stephens
et al., 2014). Research has found that qualified nurses in the
UK have poor health-related behaviours. For example, a
study of 551 registered nurses in England found that just
under half (45.4%) did not meet government physical
activity guidelines, over half (58.0%) did not consume the
recommended five portions of fruit or vegetables each day,
and over a third (36.3%) ate foods high in fat and sugar
content on a daily basis (Malik et al., 2011). Hence,
individuals’ health-behaviours may be driving the pattern
of overweight and obesity observed.
However, occupational factors, specifically nurses’
working patterns and access to healthy food in the
workplace, may also influence overweight and obesity
prevalence. Shift work disrupts regular sleep, eating and
exercise habits, potentially making it more difficult to
maintain a healthy weight (Amani and Gill, 2013). A
systematic review found that shift work is associated with
poorer nutritional intake and increased BMI (Zhao and
Turner, 2008). In the longer-term shift work has been
found to increase the risk of chronic diseases, including
breast cancer, cardiovascular disease, and diabetes (Wang
et al., 2011), as well as gastrointestinal disturbances
R.G. Kyle et al. / International Journal of Nursing Studies 53 (2016) 126–133 129

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

4. สนทนาการศึกษาของเราพบความชุกสูงของพยาบาลในการบุคลากรสก็อตจะน้ำหนักเกิน หรืออ้วน: 7 ใน 10พยาบาล (69.1%) ในสกอตแลนด์มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วน 4 ใน10 ถูกภาวะน้ำหนักเกิน (39.7%) และ 3 ใน 10 อ้วน (29.4%)ความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนจึงสูงขึ้นระหว่างพยาบาลในสกอตแลนด์กว่าในสหราชอาณาจักร (Bogossianet al. 2012), ออสเตรเลีย (Bogossian et al. 2012), นิวซีแลนด์(Bogossian et al. 2012), และสหรัฐอเมริกา (มิลเลอร์ et al. 2008Zitkus, 2011) นอกจากนี้ การศึกษาของเราพบที่อื่นสาธารณสุขและสุขภาพที่อาชีพที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติต่ำกว่าราคาต่อรองที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนกว่าพยาบาล นี้ยืนยันผลงานวิจัยนานาชาติที่สูงขึ้นความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในหมู่พยาบาลกว่าประชากรทั่วไปในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และใหม่ประเทศไทย (Bogossian et al. 2012)เหตุผลสำหรับเพิ่มความชุกของภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วนในหมู่พยาบาลสก็อตเป็นที่รู้จัก และรับรองการสืบสวนเพิ่มเติม แต่แนวโน้มที่ผลจากการรวมของพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และอาชีวปัจจัย อาหารที่ไม่ดีและกิจกรรมทางกายภาพในระดับต่ำทราบปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (สตีเฟนส์et al. 2014) พบงานวิจัยที่มีคุณภาพการพยาบาลในการสหราชอาณาจักรมีพฤติกรรมสุขภาพไม่ดี ตัวอย่างเช่น การการศึกษาของกุ๊ก 551 ในอังกฤษพบว่าเพียงครึ่ง (45.4%) ไม่ตรงกับรัฐบาลจริงแนวทางกิจกรรม กว่าครึ่ง (58.0%) ไม่ได้ใช้การแนะนำห้าส่วนผักหรือผลไม้แต่ละวันและกว่าที่สาม (ดิจิตอล 36.3%) กินอาหารไขมันและน้ำตาลสูงเนื้อหาในแต่ละวัน (มาลิ et al. 2011) ด้วยเหตุนี้สุขภาพพฤติกรรมของแต่ละคนอาจขับรถรูปแบบของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนที่สังเกตอย่างไรก็ตาม ประกอบอาชีพปัจจัย โดยเฉพาะพยาบาลรูปแบบการทำงานและการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพในการที่ทำงานอาจยังมีผลต่อภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนชุก ทำงานกะ disrupts นอนปกติ กิน และนิสัยการออกกำลังกาย อาจทำให้ยากต่อการรักษาน้ำหนักสุขภาพ (อมานีและกิลล์ 2013) Aระบบตรวจพบว่าเกี่ยวข้องกับทำงานเป็นกะบริโภคอาหารที่ด้อยและ BMI ที่เพิ่มขึ้น (Zhao และตะหลิว 2008) ในการกะระยะยาว ทำงานได้พบว่าเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง รวมทั้งมะเร็งเต้านม โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน (วังet al. 2011), รวมทั้งการรบกวนระบบทางเดินอาหารR.G. ไคล์ et al.ต่างประเทศวารสารการพยาบาลศึกษา 53 (2016) 126 – 133 129

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4. การอภิปราย
การศึกษาของเราพบว่ามีความชุกสูงของพยาบาลใน
แรงงานสก็อตจะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน: 7 ใน 10
(69.1%) พยาบาลในสกอตแลนด์มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน; 4 ใน
10 มีน้ำหนักเกิน (39.7%) และที่ 3 ใน 10 เป็นโรคอ้วน (29.4%).
ความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนจึงเป็นที่สูงขึ้น
ของพยาบาลในสกอตแลนด์กว่าผู้ที่อยู่ในสหราชอาณาจักร (Bogossian
et al., 2012), ออสเตรเลีย (Bogossian et al, ., 2012), นิวซีแลนด์
(Bogossian et al, 2012) และสหรัฐอเมริกา (มิลเลอร์ et al, 2008;..
Zitkus 2011) นอกจากนี้การศึกษาของเราพบว่าคนอื่น ๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพและผู้ที่ทำงานในองค์กรไม่แสวงหาสุขภาพ
การประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการมีนัยสำคัญทางสถิติที่ต่ำกว่า
อัตราต่อรองของการมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมากกว่าพยาบาล นี้
ยืนยันวิจัยระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ที่พบสูงกว่า
ความชุกของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในหอผู้ป่วยกว่า
ประชากรทั่วไปในสหราชอาณาจักรออสเตรเลียและนิว
นิวซีแลนด์ (Bogossian et al., 2012).
เหตุผลสำหรับความชุกเพิ่มขึ้นของการมีน้ำหนักเกินและ
โรคอ้วนในพยาบาลสก็อตเป็นที่รู้จักและ รับประกันการ
ตรวจสอบต่อไป แต่น่าจะเป็นผลจากการรวมกัน
ของพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชนและการประกอบอาชีพ
ปัจจัย อาหารที่ยากจนและอยู่ในระดับต่ำของการออกกำลังกายจะ
เป็นที่รู้จักกันปัจจัยเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน (สตีเฟนส์
et al., 2014) มีการวิจัยพบว่าพยาบาลผ่านการรับรองใน
สหราชอาณาจักรมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น
การศึกษาของ 551 พยาบาลจดทะเบียนในประเทศอังกฤษพบว่าเพียง
ครึ่ง (45.4%) ไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลกายภาพ
แนวทางกิจกรรมมากกว่าครึ่งหนึ่ง (58.0%) ไม่ได้กิน
แนะนำห้าส่วนของผลไม้หรือผักในแต่ละวัน
และมากกว่า หนึ่งในสาม (36.3%) กินอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาล
เนื้อหาในชีวิตประจำวัน (Malik et al. 2011) ดังนั้น
บุคคลสุขภาพพฤติกรรมอาจจะขับรถรูปแบบ
ของโรคอ้วนน้ำหนักเกินและสังเกต.
อย่างไรก็ตามปัจจัยการประกอบอาชีพโดยเฉพาะพยาบาล
รูปแบบการทำงานและการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาพใน
สถานที่ทำงานอาจยังมีอิทธิพลต่อภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
ชุก ทำงานเป็นกะรบกวนการนอนหลับปกติ, การรับประทานอาหารและ
นิสัยการออกกำลังกายอาจทำให้มันยากขึ้นที่จะ
รักษาน้ำหนักเพื่อสุขภาพ (Amani และกิลล์ 2013)
ระบบตรวจสอบพบว่าทำงานเป็นกะมีความเกี่ยวข้องกับ
การบริโภคอาหารที่ยากจนและเพิ่มค่าดัชนีมวลกาย (Zhao และ
เทอร์เนอ 2008) ในระยะยาวทำงานเป็นกะได้รับ
พบว่าเพิ่มความเสี่ยงของโรคเรื้อรังรวมทั้ง
โรคมะเร็งเต้านมโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวาน (Wang
et al., 2011) เช่นเดียวกับการรบกวนระบบทางเดินอาหาร
R.G. ไคล์, et al / วารสารนานาชาติพยาบาลศึกษาการ 53 (2016) 126-133 129