ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตร Mental Arithmetic หรือที่รู้จักกันในชื่อว่ การแปล - ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตร Mental Arithmetic หรือที่รู้จักกันในชื่อว่ ไทย วิธีการพูด

ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตร Mental

ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตร Mental Arithmetic หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า จินตคณิต หรือ จินตนาการคณิตคิดเร็ว เมื่อเกือบ 40 ปี มาแล้ว โดยช่วงแรกมีจุดประสงค์เพียงแค่อยากจะคิดเลขให้เร็วขึ้น นำไปใช้ในการเรียนและการค้าขาย ซึ่งในไต้หวันปกติจะใช้ลูกคิดจีนเป็นหลัก แต่ลูกคิดญี่ปุ่นมีหลักทดสั้นกว่าลูกคิดจีน นั่นหมายความว่าโดยหลักการแล้วลูกคิดญี่ปุ่นจะคิดเลขได้เร็วกว่าลูกคิดจีน แรกๆ ก็จะทำการดีดลูกคิดตามหลัก บวก ลบ คูณ หาร จนคล่องจากง่ายไปยาก แล้วเมื่อดีดจนชำนาญ บางครั้งไม่ต้องดีดลูกคิดจริงเลย เพราะสามารถดีดในใจได้ ซึ่งช่วงแรกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่เรียนและก็เริ่มขยายมาสู่เด็ก จนมีการเปรียบเทียบผลการเรียน ปรากฏว่าเด็กๆ นั้นสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงต่อการเรียนรู้ของเด็ก จึงได้จัดทำหลักการเรียนการสอนอย่างจริงจัง และมีการวิจัยผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง จนในที่สุดรัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงคุณค่าของหลักสูตรดังกล่าว ถึงกับบรรจุหลักสูตร Mental Arithmeticไปไว้ในหลักสูตรของประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนของไต้หวัน ทำให้การเรียนหลักสูตรนี้เผยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไต้หวัน และมีการกระจายออกไปยังต่างประเทศ กว่า 30ประเทศ

เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย อินเดีย อเมริกา แคนาดา บราซิล เป็นต้น ประเทศแรกๆ คือ ญี่ปุ่น ซึ่งก็มีการเรียนหลักสูตรนี้อย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน สิงคโปร์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่บรรจุหลักสูตรเข้าไปในหลักสูตรของชาติเพื่อหวังว่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคนของตน ทุกครั้งที่คิดเลขในใจโดยใช้หลักสูตร Mental Arithmetic สมองซีกขวาจะทำงานอย่างเห็นได้ชัด ผู้เรียนจะบันทึกภาพลูกคิดไปไว้ในสมองซีกขวา และเมื่อเริ่มการคำนวณ ผู้เรียนจะเข้าใจความหมายของตัวเลขผ่านทางสมองซีกซ้ายแล้วแปลความหมายนั้นเป็นภาพลูกคิด แล้วทำการดีดเม็ดลูกคิดในจินตนาการ อย่างเป็นขั้นตอน จนได้คำตอบ โดยกระบวนการที่ผ่านมาดังกล่าว จะใช้การประสานงานกันระหว่างสมองทั้ง2 ซีก เมื่อยิ่งเรียนในระดับที่ยากมากขึ้นและมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การพัฒนาสมองมีระดับที่ใกล้เคียงกัน
มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิด ประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่หาได้ แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 กล่าวว่า จากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่า ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาวจีนใช้กันมากว่า 7,000ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
แนวทางที่ 2 กล่าวว่าในระยะที่ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตน เพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด ต่อมาประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด
ลูกคิดมีชื่อเรียกว่า ซว่านผาน เป็นสิ่งประดิษฐ์ของจีนเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ถือกันว่าลูกคิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 5ของจีน เรียงลงมาจากกระดาษ การพิมพ์ หนังสือ เข็มทิศ และดินระเบิด ลูกคิดมีวิวัฒนาการมาจากกระดานไม้สำหรับนับเบี้ยโบราณเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน เรียกว่า จูซว่าน เริ่มต้นมีเพียงแต่การบวกและลบเท่านั้น ต่อมาปลายยุคถังจึงพัฒนามาเป็นการคูณและการหาร เมื่อแพร่หลายมากๆ ก็มีคนคิดสูตรออกมาให้ท่อง คงคล้ายกับการท่องสูตรคูณ กระดานคิดเลขพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับธุรกิจการค้าการขาย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตรหรือที่รู้จักกันในชื่อว่าจิตคณิตศาสตร์จินตคณิตหรือจินตนาการคณิตคิดเร็วเมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้วโดยช่วงแรกมีจุดประสงค์เพียงแค่อยากจะคิดเลขให้เร็วขึ้นนำไปใช้ในการเรียนและการค้าขายซึ่งในไต้หวันปกติจะใช้ลูกคิดจีนเป็นหลักแต่ลูกคิดญี่ปุ่นมีหลักทดสั้นกว่าลูกคิดจีนนั่นหมายความว่าโดยหลักการแล้วลูกคิดญี่ปุ่นจะคิดเลขได้เร็วกว่าลูกคิดจีนแรก ๆ ก็จะทำการดีดลูกคิดตามหลักบวกลบคูณหารจนคล่องจากง่ายไปยากแล้วเมื่อดีดจนชำนาญบางครั้งไม่ต้องดีดลูกคิดจริงเลยเพราะสามารถดีดในใจได้ซึ่งช่วงแรกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่เรียนและก็เริ่มขยายมาสู่เด็กจนมีการเปรียบเทียบผลการเรียนปรากฏว่าเด็ก ๆ นั้นสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงต่อการเรียนรู้ของเด็กจึงได้จัดทำหลักการเรียนการสอนอย่างจริงจังและมีการวิจัยผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองจนในที่สุดรัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงคุณค่าของหลักสูตรดังกล่าวถึงกับบรรจุหลักสูตร Arithmeticไปไว้ในหลักสูตรของประเทศ จิตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนของไต้หวันทำให้การเรียนหลักสูตรนี้เผยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไต้หวันและมีการกระจายออกไปยังต่างประเทศกว่า 30ประเทศเช่นญี่ปุ่นเกาหลีใต้มาเลเซียสิงคโปร์ไทยอินโดนีเซียอินเดียอเมริกาแคนาดาบราซิลเป็นต้นประเทศแรก ๆ คือญี่ปุ่นซึ่งก็มีการเรียนหลักสูตรนี้อย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นเช่นเดียวกันสิงคโปร์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่บรรจุหลักสูตรเข้าไปในหลักสูตรของชาติเพื่อหวังว่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคนของตนทุกครั้งที่คิดเลขในใจโดยใช้หลักสูตรสมองซีกขวาจะทำงานอย่างเห็นได้ชัดจิตคณิตศาสตร์ผู้เรียนจะบันทึกภาพลูกคิดไปไว้ในสมองซีกขวาและเมื่อเริ่มการคำนวณผู้เรียนจะเข้าใจความหมายของตัวเลขผ่านทางสมองซีกซ้ายแล้วแปลความหมายนั้นเป็นภาพลูกคิดแล้วทำการดีดเม็ดลูกคิดในจินตนาการอย่างเป็นขั้นตอนจนได้คำตอบโดยกระบวนการที่ผ่านมาดังกล่าว จะใช้การประสานงานกันระหว่างสมองทั้ง2 ซีกเมื่อยิ่งเรียนในระดับที่ยากมากขึ้นและมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การพัฒนาสมองมีระดับที่ใกล้เคียงกัน มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณและพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่นลูกหินใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิดประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่หาได้แบ่งออกเป็น 2 แนวทางคือแนวทางที่ 1 กล่าวว่าจากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่าลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาวจีนใช้กันมากว่า 7, 000ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2500 ปี แนวทางที่ 2 กล่าวว่าในระยะที่ 5000 ปีที่ผ่านมามนุษย์เริ่มรู้จักใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณและพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่นลูกหินใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาลชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่งเรียกว่าลูกคิด ลูกคิดมีชื่อเรียกว่าซว่านผานเป็นสิ่งประดิษฐ์ของจีนเมื่อกว่า 700 ปีก่อนถือกันว่าลูกคิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 5ของจีน เรียงลงมาจากกระดาษการพิมพ์หนังสือเข็มทิศและดินระเบิดลูกคิดมีวิวัฒนาการมาจากกระดานไม้สำหรับนับเบี้ยโบราณเมื่อกว่า 2000 ปีก่อนเรียกว่าจูซว่านเริ่มต้นมีเพียงแต่การบวกและลบเท่านั้นต่อมาปลายยุคถังจึงพัฒนามาเป็นการคูณและการหารเมื่อแพร่หลายมาก ๆ ก็มีคนคิดสูตรออกมาให้ท่องคงคล้ายกับการท่องสูตรคูณกระดานคิดเลขพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมกับธุรกิจการค้าการขาย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตร Mental Arithmetic หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า จินตคณิต หรือ จินตนาการคณิตคิดเร็ว เมื่อเกือบ 40 ปี มาแล้ว โดยช่วงแรกมีจุดประสงค์เพียงแค่อยากจะคิดเลขให้เร็วขึ้น นำไปใช้ในการเรียนและการค้าขาย ซึ่งในไต้หวันปกติจะใช้ลูกคิดจีนเป็นหลัก แต่ลูกคิดญี่ปุ่นมีหลักทดสั้นกว่าลูกคิดจีน นั่นหมายความว่าโดยหลักการแล้วลูกคิดญี่ปุ่นจะคิดเลขได้เร็วกว่าลูกคิดจีน แรกๆ ก็จะทำการดีดลูกคิดตามหลัก บวก ลบ คูณ หาร จนคล่องจากง่ายไปยาก แล้วเมื่อดีดจนชำนาญ บางครั้งไม่ต้องดีดลูกคิดจริงเลย เพราะสามารถดีดในใจได้ ซึ่งช่วงแรกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่เรียนและก็เริ่มขยายมาสู่เด็ก จนมีการเปรียบเทียบผลการเรียน ปรากฏว่าเด็กๆ นั้นสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงต่อการเรียนรู้ของเด็ก จึงได้จัดทำหลักการเรียนการสอนอย่างจริงจัง และมีการวิจัยผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง จนในที่สุดรัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงคุณค่าของหลักสูตรดังกล่าว ถึงกับบรรจุหลักสูตร Mental Arithmeticไปไว้ในหลักสูตรของประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนของไต้หวัน ทำให้การเรียนหลักสูตรนี้เผยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไต้หวัน และมีการกระจายออกไปยังต่างประเทศ กว่า 30ประเทศ

เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย อินเดีย อเมริกา แคนาดา บราซิล เป็นต้น ประเทศแรกๆ คือ ญี่ปุ่น ซึ่งก็มีการเรียนหลักสูตรนี้อย่างกว้างขวางจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน สิงคโปร์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่บรรจุหลักสูตรเข้าไปในหลักสูตรของชาติเพื่อหวังว่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคนของตน ทุกครั้งที่คิดเลขในใจโดยใช้หลักสูตร Mental Arithmetic สมองซีกขวาจะทำงานอย่างเห็นได้ชัด ผู้เรียนจะบันทึกภาพลูกคิดไปไว้ในสมองซีกขวา และเมื่อเริ่มการคำนวณ ผู้เรียนจะเข้าใจความหมายของตัวเลขผ่านทางสมองซีกซ้ายแล้วแปลความหมายนั้นเป็นภาพลูกคิด แล้วทำการดีดเม็ดลูกคิดในจินตนาการ อย่างเป็นขั้นตอน จนได้คำตอบ โดยกระบวนการที่ผ่านมาดังกล่าว จะใช้การประสานงานกันระหว่างสมองทั้ง2 ซีก เมื่อยิ่งเรียนในระดับที่ยากมากขึ้นและมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้การพัฒนาสมองมีระดับที่ใกล้เคียงกัน
มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิด ประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่หาได้ แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่ 1 กล่าวว่า จากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่า ลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาวจีนใช้กันมากว่า 7,000ปี และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2,500 ปี
แนวทางที่ 2 กล่าวว่าในระยะที่ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตน เพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด ต่อมาประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด
ลูกคิดมีชื่อเรียกว่า ซว่านผาน เป็นสิ่งประดิษฐ์ของจีนเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ถือกันว่าลูกคิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 5ของจีน เรียงลงมาจากกระดาษ การพิมพ์ หนังสือ เข็มทิศ และดินระเบิด ลูกคิดมีวิวัฒนาการมาจากกระดานไม้สำหรับนับเบี้ยโบราณเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน เรียกว่า จูซว่าน เริ่มต้นมีเพียงแต่การบวกและลบเท่านั้น ต่อมาปลายยุคถังจึงพัฒนามาเป็นการคูณและการหาร เมื่อแพร่หลายมากๆ ก็มีคนคิดสูตรออกมาให้ท่อง คงคล้ายกับการท่องสูตรคูณ กระดานคิดเลขพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับธุรกิจการค้าการขาย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ชาวไต้หวันได้คิดค้นหลักสูตรคิดเลขในใจหรือที่รู้จักกันในชื่อว่าจินตคณิตค็อคจินตนาการคณิตคิดเร็วเมื่อเกือบ 40 มาแล้วโดยช่วงแรกมีจุดประสงค์เพียงแค่อยากจะคิดเลขให้เร็วขึ้นนำไปใช้ในการเรียนและการค้าขาย .แต่ลูกคิดญี่ปุ่นมีหลักทดสั้นกว่าลูกคิดจีนนั่นหมายความว่าโดยหลักการแล้วลูกคิดญี่ปุ่นจะคิดเลขได้เร็วกว่าลูกคิดจีนแรกๆก็จะทำการดีดลูกคิดตามหลักบวกลบคูณหารจนคล่องจากง่ายไปยากแล้วเมื่อดีดจนชำนาญเพราะสามารถดีดในใจได้ซึ่งช่วงแรกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่เรียนและก็เริ่มขยายมาสู่เด็กจนมีการเปรียบเทียบผลการเรียนปรากฏว่าเด็กๆนั้นสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงต่อการเรียนรู้ของเด็กและมีการวิจัยผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองจนในที่สุดรัฐบาลไต้หวันตระหนักถึงคุณค่าของหลักสูตรดังกล่าวถึงกับบรรจุหลักสูตรคิดเลขในใจไปไว้ในหลักสูตรของประเทศเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนของไต้หวันจนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไต้หวันและมีการกระจายออกไปยังต่างประเทศกว่า 30 ประเทศ

เช่นญี่ปุ่นเกาหลีใต้มาเลเซียสิงคโปร์ไทยอินโดนีเซียอินเดียอเมริกาแคนาดาบราซิลเป็นต้นประเทศแรกๆความญี่ปุ่นสิงคโปร์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่บรรจุหลักสูตรเข้าไปในหลักสูตรของชาติเพื่อหวังว่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคนของตนทุกครั้งที่คิดเลขในใจโดยใช้หลักสูตรคิดเลขในใจสมองซีกขวาจะทำงานอย่างเห็นได้ชัดและเมื่อเริ่มการคำนวณผู้เรียนจะเข้าใจความหมายของตัวเลขผ่านทางสมองซีกซ้ายแล้วแปลความหมายนั้นเป็นภาพลูกคิดแล้วทำการดีดเม็ดลูกคิดในจินตนาการอย่างเป็นขั้นตอนจนได้คำตอบโดยกระบวนการที่ผ่านมาดังกล่าวซีกเมื่อยิ่งเรียนในระดับที่ยากมากขึ้นและมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การพัฒนาสมองมีระดับที่ใกล้เคียงกัน
มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณและพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่นๆเช่นลูกหินใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดจนมาถึงลูกคิดประวัติความเป็นมาของลูกคิดเท่าที่หาได้แบ่งออกเป็น 2ความ
แนวทางที่ 1 กล่าวว่าจากหลักฐานประวัติศาสตร์พบว่าลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ชาวจีนใช้กันมากว่า 7000 และใช้กันในอียิปต์โบราณมากว่า 2500 . .
แนวทางที่ 2 กล่าวว่าในระยะที่ 5000 ปีที่ผ่านมามนุษย์เริ่มรู้จักใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณและพัฒนามาใช้อุปกรณ์อื่นๆเช่นลูกหินใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิดต่อมาประมาณ 2
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: