In the last few years there has bee

In the last few years there has been an explosion in the use of new
communication technologies, including mobile phones. It is estimated
that over 70% of young people aged 10 to 14 now own a mobile phone.
Considerable debate has taken place in the press recently as to whether
pupils should be allowed to take their mobile phones to school.
No one can deny the positive benefits of children communicating freely with
each other. Pupils argue that using a mobile phone to talk to or to text-message
their friends is simply one way of doing this, using new technology. Many parents
are in favour too. They like the reassurance of knowing their children are safer
and more independent with a mobile phone, since they can contact them at any
time if the necessity should arise. They cite the potential risks faced by some
children who have to travel alone.
However, schools point out that carrying a mobile phone could in itself make
a child more vulnerable to theft or mugging, both on the street or in the
playground. Police figures confirm that a high proportion of crimes committed
against young people involve thefts of mobile phones. Moreover, headteachers
are concerned that allowing pupils to bring their mobile phones to school could
create a competitive atmosphere amongst pupils, resulting in some individuals
feeling marginalised and unvalued. In addition, teachers claim that pupils’
education would be adversely affected by the inevitable distraction caused
by phones ringing during lessons.
This issue is further complicated by the fact that some doctors are warning
against the habitual use of mobile phones. They are fearful that children
using mobile phones could suffer long-term brain damage. The onus is on those
responsible for the manufacture of mobile phones to prove that they are indeed
harmless. Until this potential danger is removed, it would seem that schools
should protect their pupils by insisting that they leave their mobile phones
at home.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในไม่กี่ปี ได้มีการกระจายการใช้ของใหม่เทคโนโลยีสื่อสาร รวมถึงโทรศัพท์มือถือ มีประเมินที่มากกว่า 70% ของคนหนุ่มสาวอายุ 10 ถึง 14 เองตอนนี้โทรศัพท์มือถืออภิปรายจำนวนมากถูกแทนในเป็นว่าล่าสุดนักเรียนควรได้รับอนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือของพวกเขาไปโรงเรียนไม่มีใครสามารถปฏิเสธประโยชน์บวกของเด็กที่สื่อสารได้อย่างอิสระด้วยกันและกัน นักเรียนโต้เถียงที่ใช้โทรศัพท์พูดคุย หรือ ใช้ข้อ ความข้อความเพื่อนของพวกเขาเป็นเพียงทางเดียวของการทำเช่นนี้ การใช้เทคโนโลยีใหม่ ผู้ปกครองหลายคนมีในโปรดปรานมากเกินไป เช่น reassurance ของรู้ว่าเด็กจะปลอดภัยและมีอิสระกับโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากพวกเขาสามารถติดต่อที่เวลาถ้าสิ่งควรเกิดขึ้น พวกเขาอ้างอิงเสี่ยงกับบางเป็นเด็กที่ต้องเดินทางคนเดียวอย่างไรก็ตาม โรงเรียนชี้ให้เห็นว่า พกพาโทรศัพท์มือถือได้ในตัวเองทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงต่อการโจรกรรมหรือ mugging ทั้ง บนถนน หรือในสนามเด็กเล่น ตัวเลขที่ตำรวจยืนยันว่า สัดส่วนของอาชญากรรมสูงมุ่งมั่นกับคนหนุ่มสาวเกี่ยว thefts ของโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ headteachersมีความกังวลที่ช่วยให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือของพวกเขาไปโรงเรียนได้สร้างบรรยากาศการแข่งขันท่ามกลางนักเรียน ในบางบุคคลรู้สึก marginalised และ unvalued นอกจากนี้ ครูอ้างว่า ของนักเรียนการศึกษาจะมีผลกระทบ โดยนอนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เกิดขึ้นby phones ringing during lessons.This issue is further complicated by the fact that some doctors are warningagainst the habitual use of mobile phones. They are fearful that childrenusing mobile phones could suffer long-term brain damage. The onus is on thoseresponsible for the manufacture of mobile phones to prove that they are indeedharmless. Until this potential danger is removed, it would seem that schoolsshould protect their pupils by insisting that they leave their mobile phonesat home.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการระเบิดในการใช้งานของใหม่
เทคโนโลยีการสื่อสารรวมทั้งโทรศัพท์มือถือ มันเป็นที่คาด
ว่ากว่า 70% ของคนหนุ่มสาวอายุ 10-14 ตอนนี้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ.
อภิปรายพอสมควรมีสถานที่ในการกดเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นไปได้ว่า
นักเรียนควรได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือของพวกเขาไปโรงเรียน.
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธในเชิงบวก ประโยชน์ของเด็กในการสื่อสารได้อย่างอิสระกับ
คนอื่น ๆ นักเรียนเถียงว่าการใช้โทรศัพท์มือถือที่จะพูดคุยหรือให้กับข้อความข้อความ
เพื่อนของพวกเขาเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ พ่อแม่หลายคน
อยู่ในความโปรดปรานเกินไป พวกเขาต้องการความมั่นใจของการรู้เด็กของพวกเขามีความปลอดภัย
และเป็นอิสระมากขึ้นด้วยโทรศัพท์มือถือเนื่องจากพวกเขาสามารถติดต่อได้ที่ใด
เวลาถ้าจำเป็นที่ควรจะเกิดขึ้น พวกเขากล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่ต้องเผชิญกับบางส่วน
เด็กที่ต้องเดินทางคนเดียว.
อย่างไรก็ตามโรงเรียนชี้ให้เห็นว่าการดำเนินการโทรศัพท์มือถือสามารถในตัวเองทำให้
เด็กเสี่ยงต่อการโจรกรรมหรือการโจมตีทั้งบนถนนหรือใน
สนามเด็กเล่น ตัวเลขที่ตำรวจยืนยันว่าสัดส่วนที่สูงของการก่ออาชญากรรม
กับคนหนุ่มสาวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขโมยของโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ผู้อำนวยการ
มีความกังวลว่าการอนุญาตให้นักเรียนที่จะนำโทรศัพท์มือถือของพวกเขาไปโรงเรียนสามารถ
สร้างบรรยากาศการแข่งขันในหมู่นักเรียนที่มีผลในบางคน
รู้สึกด้อยและ unvalued นอกจากนี้ครูอ้างว่านักเรียน
การศึกษาจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เกิด
จากโทรศัพท์เรียกเข้าในระหว่างบทเรียน.
ปัญหานี้มีความซับซ้อนมากขึ้นโดยความจริงที่ว่าแพทย์บางคนมีคำเตือน
ต่อการใช้งานเป็นนิสัยของโทรศัพท์มือถือ พวกเขากลัวว่าเด็กที่
ใช้โทรศัพท์มือถืออาจประสบในระยะยาวความเสียหายของสมอง ความรับผิดชอบเป็นผู้ที่
รับผิดชอบในการผลิตโทรศัพท์มือถือที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นจริง
ที่ไม่เป็นอันตราย จนกว่าจะถึงอันตรายที่อาจเกิดนี้จะถูกลบออกก็จะดูเหมือนว่าโรงเรียน
ควรจะปกป้องนักเรียนของพวกเขาโดยยืนยันว่าพวกเขาออกจากโทรศัพท์มือถือของพวกเขา
ที่บ้าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการระเบิดในการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารใหม่
รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ มันคือประมาณ
ที่มากกว่า 70% ของคนหนุ่มสาวอายุ 10 ถึง 14 ตอนนี้เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ .
อภิปรายมากมีสถานที่ในข่าวเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า
นักเรียนควรได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเพื่อโรงเรียน
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธผลประโยชน์ในเชิงบวกของเด็กที่สื่อสารได้อย่างอิสระกับ
แต่ละอื่น ๆ นักเรียนยืนยันว่าใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยหรือส่งข้อความ
เพื่อนของพวกเขาเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ หลายครอบครัว
ในอุปการคุณด้วย พวกเขาต้องการความมั่นใจว่าบุตรหลานของตนมีความปลอดภัย
และเป็นอิสระมากขึ้นด้วยโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากพวกเขาสามารถติดต่อได้ที่
เวลา ถ้าจำเป็นควรเกิดขึ้น พวกเขาอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับบาง
เด็กที่ต้องเดินทางคนเดียว
แต่โรงเรียนชี้ให้เห็นว่าพกโทรศัพท์มือถือได้ในตัวเองให้
เด็กเสี่ยงต่อการถูกขโมยหรือปล้นทั้งบนถนนหรือใน
สนามเด็กเล่น ตัวเลขที่ตำรวจยืนยันว่า สัดส่วนของการก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรม
กับคนหนุ่มสาวของโทรศัพท์มือถือนอกจากนี้ สภาพแวดล้อม
มีความกังวลว่า อนุญาตให้นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือมาโรงเรียนอาจ
สร้างบรรยากาศการแข่งขันในหมู่นักเรียน ซึ่งในบางคน
ความรู้สึกและชายขอบ unvalued . นอกจากนี้ ครูอ้างว่าการศึกษานักเรียน
จะได้รับผลกระทบ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยโทรศัพท์ดังรบกวนทำให้

ในระหว่างเรียนปัญหานี้มีความซับซ้อนมากขึ้นโดยความจริงที่ว่าแพทย์บางคนเตือน
กับนิสัยของการใช้โทรศัพท์มือถือ พวกเขากลัวว่าเด็ก
ใช้โทรศัพท์มือถือสามารถประสบความเสียหายของสมองในระยะยาว หน้าที่เป็นผู้
รับผิดชอบผลิตโทรศัพท์มือถือที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นจริง
ไม่เป็นอันตราย ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นนี้ออก มันจะดูเหมือนที่โรงเรียน
ควรปกป้องนักเรียนของตนเอง โดยยืนยันว่า พวกเขาจากโทรศัพท์มือถือของพวกเขา
ที่บ้าน