This paper presents a review of the

This paper presents a review of the literature that examines the link between sediment impacts on coral reef ecosystems and the amount, source and processes contributing sediment from the 130,000 km2
Burdekin River watershed, Australia. First, we evaluate the response of coral reef ecosystems to elevated levels of sediment (Section 3) and assess the evidence for an increase in anthropogenic derived sediment
fluxes to the Great Barrier Reef (GBR) (Section 4). We then trace the sediment back to the watershed source (Section 5) and the erosion process generating the sediment (Section 6). The key drivers of this erosion (Section 7) and the potential management response for reducing sediment erosion and delivery are then discussed (Section 8). A synthesis of the findings and areas of further research are presented in
Section 9. In each section, we aim to identify specific sediment characteristics that link impacts on reef ecology to the source and transport processes in the watershed. Our review focuses on the Burdekin River
watershed and surrounding marine waters as it is the largest contributor of anthropogenic derived fine sediment to the GBR lagoon (Kroon et al., 2012). The results of this review will be relevant to all watersheds upstream of coral reefs, and of particular interest to dry-tropical watersheds that have undergone land degradation due to cattle grazing. Excessive amounts of nutrients (nitrogen, phosphorus, carbon and silica) are also known to affect coral reef ecology (Hallock and Schlager, 1986); however, for brevity, nutrients are not assessed in this review as they have been dealt with in detail elsewhere
(e.g. Fabricius, 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระดาษนี้นำเสนอการทบทวนวรรณกรรมที่ตรวจสอบการเชื่อมโยงระหว่างผลกระทบต่อระบบนิเวศตะกอนแนวปะการังและจำนวนเงินที่แหล่งที่มาและกระบวนการมีส่วนร่วมจากตะกอนลุ่มน้ำ 130,000 กิโลเมตร 2
Burdekin แม่น้ำออสเตรเลีย ครั้งแรกที่เราประเมินการตอบสนองของระบบนิเวศแนวปะการังในระดับสูงของตะกอน (มาตรา 3) และการประเมินหลักฐานสำหรับการเพิ่มขึ้นของมนุษย์ที่ได้รับตะกอน
ฟลักซ์ที่แนวปะการังที่ดี (gbr) (มาตรา 4) แล้วเราก็ติดตามตะกอนกลับไปยังแหล่งต้นน้ำลำธาร (มาตรา 5) และขั้นตอนการพังทลายของการสร้างตะกอน (มาตรา 6)ไดรเวอร์ที่สำคัญของการกัดเซาะนี้ (มาตรา 7) และการตอบสนองการจัดการที่มีศักยภาพในการลดการพังทลายของดินตะกอนและการส่งมอบจะกล่าวถึงแล้ว (มาตรา 8) การสังเคราะห์ผลการวิจัยและพื้นที่ของการวิจัยต่อไปจะนำเสนอใน
มาตรา 9 ในแต่ละส่วนเรามุ่งมั่นที่จะระบุลักษณะตะกอนที่เฉพาะเจาะจงที่เชื่อมโยงผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการังกับแหล่งที่มาและการขนส่งกระบวนการในลุ่มน้ำ ตรวจสอบของเรามุ่งเน้นไปที่ Burdekin แม่น้ำ
สันปันน้ำและบริเวณน่านน้ำทางทะเลที่เป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ที่ได้รับมาปรับให้ตะกอนทะเลสาบ gbr (Kroon เอตอัล. 2012)ผลของการทบทวนนี้จะเกี่ยวข้องกับแหล่งต้นน้ำต้นน้ำทั้งหมดของแนวปะการังและน่าสนใจโดยเฉพาะแหล่งต้นน้ำให้แห้งเขตร้อนที่ได้รับการย่อยสลายที่ดินเนื่องจากการเลี้ยงวัว จำนวนเงินที่มากเกินไปของสารอาหาร (ไนโตรเจนฟอสฟอรัสคาร์บอนและซิลิกา) นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักกันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการัง (ฮอลล็อคและ Schlager, 1986); แต่สำหรับความกะทัดรัดสารอาหารที่ไม่ได้รับการประเมินในการทบทวนนี้ที่พวกเขาได้รับการจัดการกับรายละเอียดอื่น ๆ
(เช่น Fabricius, 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระดาษนี้นำเสนอการทบทวนวรรณกรรมที่ตรวจสอบการเชื่อมโยงระหว่างตะกอนผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการัง และยอด แหล่งที่มา และกระบวนการให้เกิดตะกอนจาก 130,000 km2
Burdekin แม่น้ำลุ่มน้ำ ออสเตรเลีย ครั้งแรก เราประเมินการตอบสนองของระบบนิเวศแนวปะการังเพื่อยกระดับของตะกอน (3 ส่วน) และประเมินหลักฐานสำหรับการเพิ่มขึ้นมาของมนุษย์ได้รับตะกอน
fluxes เพื่อรท (GBR) (๔) เราแล้วติดตามตะกอนไปแหล่งลุ่มน้ำ (5 ส่วน) และกระบวนการกัดเซาะการสร้างตะกอน (6 ส่วน) คีย์ที่มีโปรแกรมควบคุมนี้พังทลาย (7 ส่วน) และตอบรับจัดการเป็นการลดการกัดเซาะตะกอนและการจัดส่งจากนั้นกล่าวถึง (8 ส่วน) การสังเคราะห์ผลการศึกษาและด้านการวิจัยเพิ่มเติมจะแสดง
ส่วน 9 ในแต่ละส่วน เราจุดมุ่งหมายเพื่อระบุลักษณะเฉพาะตะกอนที่เชื่อมโยงผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการังกับแหล่ง และกระบวนการในพื้นที่ลุ่มน้ำขนส่ง ตรวจทานของเราเน้นน้ำ Burdekin
ลุ่มน้ำและรอบน้ำทะเลซึ่งเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุดของการมาของมนุษย์มาตะกอนดีเพื่อลากูน GBR (Kroon et al., 2012) ผลการตรวจสอบนี้จะเกี่ยวข้องกับรูปธรรมทั้งหมดต้นน้ำปะการัง และสนใจโดยเฉพาะเขตร้อนแห้งรูปธรรมที่มีระดับย่อยสลายที่ดินเนื่องจากวัว grazing จำนวนเงินมากเกินไปของสารอาหาร (ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส คาร์บอน และซิลิก้า) จะทราบว่ามีผลต่อระบบนิเวศแนวปะการัง (Hallock และ Schlager, 1986); อย่างไรก็ตาม สำหรับกระชับ สารอาหารจะไม่ประเมินในบทความนี้จะมีการจัดการในรายละเอียดอื่น ๆ
(ขาวแวนนาเช่นไม 2005) .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เอกสารนี้จะอธิบายถึงการตรวจสอบเอกสารที่จะตรวจสอบลิงค์ที่อยู่ระหว่างส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศตะกอนในแนวปะการังและจำนวนเงินที่ตะกอนผลแหล่งและกระบวนการทำงานจาก 130,000 กิโลเมตรที่ 2
burdekin แม่น้ำเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารประเทศออสเตรเลีย ครั้งแรกเราจะประเมินผลการตอบสนองของระบบนิเวศปะการังแนวปะการังในการยกระดับระดับของตะกอน(มาตรา 3 )และประเมินผลที่มีหลักฐานสำหรับที่เพิ่มขึ้นใน anthropogenic ที่มาตะกอน
fluxes ใน Great Barrier Reef (, GBR )( 4 ) จากนั้นเราจะติดตามตะกอนที่กลับไปที่แหล่งที่มาแหล่งต้นน้ำ(มาตรา 5 )และการกัดเซาะที่สร้างตะกอน(มาตรา 6 )ไดรเวอร์ปุ่มที่จากการกัดเซาะนี้(มาตรา 7 )และตอบสนองต่อการจัดการที่มี ศักยภาพ สูงในการลดการส่งมอบและกัดเซาะตะกอนจะกล่าวถึงแล้ว(มาตรา 8 ) การสังเคราะห์ในพื้นที่และจากการสำรวจของการวิจัยเพิ่มเติมจะถูกนำเสนอใน
มาตรา 9 ในแต่ละส่วนเรามีเป้าหมายเพื่อใช้ในการจำแนกคุณลักษณะตะกอนที่ลิงค์ส่งผลกระทบในด้านนิเวศวิทยาแนวปะการังในกระบวนการการขนส่งและแหล่งที่มาที่ในลุ่มน้ำที่ การตรวจสอบของเราจะเน้นไปที่ผืนน้ำ burdekin แม่น้ำ
ซึ่งจะช่วยเป็นแหล่งต้นน้ำและพื้นที่โดยรอบทางทะเลที่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ anthropogenic ตะกอนชั้นดีที่ได้รับมาเพื่อไปยังทะเลสาบ, GBR (,โครน et al . 2012 )ผลที่ได้จากการตรวจสอบนี้จะเกี่ยวข้องกับลุ่มน้ำเหนือทั้งหมดต้นน้ำของแนวปะการังและมีความน่าสนใจอย่างเป็นพิเศษในลุ่มน้ำเหนือซักแห้งแบบเขตร้อนที่ได้รับการเสื่อม คุณภาพ ของดินเนื่องจากการปศุสัตว์ จำนวนมากเกินไปของสารอาหาร(ไนโตรเจนฟอสฟอรัสและคาร์บอนซิลิกา)เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแนวปะการัง( hallock และ schlager 1986 )แต่ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับคดียังคงไม่ได้ประเมินผลในการตรวจสอบนี้เป็นที่ได้รับการกล่าวถึงในรายละเอียดในที่อื่นๆ
ตามมาตรฐาน(เช่น fabricius 2005 )..