โรคไข้ซิกา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซ

โรคไข้ซิกา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกาโดยมียุงในตระกูล Aedes (ยุงลาย) เป็นพาหะนำโรคไข้ซิกา กลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการติดโรคไข้ซิกาคือ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งการติดโรคไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เด็กทารกในครรภ์มีศีรษะเล็กกว่าปกติ ทางคณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาในเรื่องความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันตนเอง ความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องโรคไข้ซิกา และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนา ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จำนวน 40 คน ที่มารับบริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกา วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา และค่าสถิติที่ใช้ในการหาความสัมพันธ์ของตัวแปรคือ ค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson’s product Moment Correlation Coefficient)
ผลการศึกษาพบว่า หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาอยู่ในระดับดี (ร้อยละ 52.5) และมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องไข้ซิกาอยู่ในระดับปานกลางมากที่สุด (ร้อยละ 60.0) ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์ มีความสัมพันธ์กันในทางบวกระดับต่ำ (r=.349) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 (p-value=.027)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคไข้ซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกาโดยมียุงในตระกูล Aedes (ยุงลาย) เป็นพาหะนำโรคไข้ซิกากลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการติดโรคไข้ซิกาคือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ซึ่งการติดโรคไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เด็กทารกในครรภ์มีศีรษะเล็กกว่าปกติทางคณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาในเรื่องความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันตนเองความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องโรคไข้ซิกาและศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จำนวน 40 คนที่มารับบริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาวิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนาและค่าสถิติที่ใช้ในการหาความสัมพันธ์ของตัวแปรคือค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (ผลิตภัณฑ์ของเพียร์สันสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์)มีความสัมพันธ์กันในทางบวกระดับต่ำความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์ผลการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาอยู่ในระดับดี (ร้อยละ 52.5) และมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องไข้ซิกาอยู่ในระดับปานกลางมากที่สุด (ร้อยละ 60.0) (r =. 349) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 (ค่า p =. 027)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคไข้ซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกาโดยมียุงในตระกูลยุงลาย ( ยุงลาย ) เป็นพาหะนำโรคไข้ซิกากลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการติดโรคไข้ซิกาคือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ซึ่งการติดโรคไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์จะทำให้เด็กทารกในครรภ์มีศีรษะเล็กกว่าปกติทางคณะผู้วิจัยจึงมีควา มสนใจที่จะศึกษาในเรื่องความรอบรู้ทางสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันตนเองความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องโรคไข้ซิกาและศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเอ งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จำนวน 40 คนที่มารับบริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาวิเคราะห์ข ้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนาและค่าสถิติที่ใช้ในการหาความสัมพันธ์ของตัวแปรคือค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ( ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน )ผลการศึกษาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาอยู่ในระดับดี ( ร้อยละ 52.5 ) และมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในเรื่องไข้ซิกาอยู่ในระดับปานกลางมากที่สุด ( ร้อยละ 60.0 ) ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากไข้ซิกาในหญิงตั้งครรภ์มีความสัม พันธ์กันในทางบวกระดับต่ำ ( r = . 195 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ( p-value = . 027 )