ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระคำ ว่าจะทิ้งพระ กร่อนมาจากสทิงปุระ เมืองพาร การแปล - ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระคำ ว่าจะทิ้งพระ กร่อนมาจากสทิงปุระ เมืองพาร ไทย วิธีการพูด

ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระคำ ว่าจะ

ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระ

คำ ว่าจะทิ้งพระ กร่อนมาจากสทิงปุระ เมืองพาราณสี ซึ่งเป็นชื่อเมืองพัทลุงเก่าตั้งอยู่ ตั้งเมืองสทิงพระครั้งเมื่อกาลเวลาล่วงเลยมานับเป็นพันปี ชื่อสทิงปุระ จึงกร่อนมาเป็นจะทิ้งพระ สทิงพระเป็นชื่อสถานที่กลายเป็นชื่อวัด ชื่อตำบล และอำเภอ บนคาบสมุทรสทิงพระ วัดนี้แต่เดิมเคยมีชื่อเรียกว่าวัดพระมหาธาตุ มีมหาธาตุเจดีย์ตั้งอยู่สูงตระหง่าน ต่อมาเรียกชื่อว่า วัดจะทิ้งพระ จะทิ้งพระชื่อของวัดในปัจจุบันใกล้เคียงกับชื่อเมืองสทิงพระ(สทิงปุระ หรือสทิงพาราณสี) ซึ่งพระยากรงทองเจ้าเมืองพัทลุงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1482 ตรงกับสมัยกรุงสุโขทัย ดังข้อความตอนหนึ่งในหนังสือประชุมพงศาวดารภาค 15บันทึกไว้ว่า "เมืองพัทลุงได้ตั้งมาก่อนพ.ศ.1480 ตัวเมืองตั้งอยุ่ที่สทิงพระ เจ้าเมืองชื่อพระยากรงทองได้ครองเมืองพัทลุง ในวันพฤหัสบดี เดือน 8 ขึ้น 5 ค่ำ ปีกุน พุทธศักราช1482 พระยากรงทองได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์ และก่อพระเชตุพนวิหารขึ้น พร้อมกับวัดเขียนบางแก้ว และวัดสทิงปุระ ได้สร้างพระเจดีย์เอาไว้ที่นครปาตลีบุตร(เมืองพัทลุง)สทิงพารณสีแห่งนี้ เพราะแหล่งวัดเขียนบางแก้วและบนคาบสมุทรสทิงพระเป็นแหล่งชุมชนโบราณ

นักโบราณคดีมีทัสนะแนวความคิดว่า ชื่อของวัดจะทิ้งพระนี้ คนในสมัยโบราณรับคำพูดเล่าต่อๆกันมาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายนนทกุมาร มาเป็นชื่อของสถานที่มี้รื่องนิทานชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมามาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร เป็นพระธิดาและพระโอรสของพระเจ้าโกสีหราชกับพระนางมหาเทวี ครองเมืองนครทันตะปุระ(ประเทศอินเดีย) ขณะนั้นเมืองทันตะปุระเกิดศึกสงครามพระเจ้าโกสีหราชแพ้สงครามถึงกับสวรรคตใน สนามรบ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร จึงได้นำพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าหลบหนีออกจากเมืองทันตะปุระตามคำสั่งของ พระชนก ลงเรืองสำเภามุ่งสู่ประเทศศรีลังกา(เกาะลังกา)แล้วเดินทางผ่านหมู่เกาะอันดามันในมหาสมุทรอินเดีย เข้าสู่ช่องแคบมะละกา มาออกอ่าวไทย จุดมุ่งหมายเพื่อนำพระบรมธาตุไปบรรจุพระเจดีย์ที่เมืองนครศรีธรรมราชขณะนั้น

ตามประวัติและตำนานพระมหาธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราชสร้างพระธาตุเจดีย์ ประมาณ พ.ศ.850 เมื่อเดินทางมาถึงเมืองพาราณศรี(เมืองสทิงปุระเมืองพัทลุงเก่า)หาดมหาราชตรง หน้าที่ว่าการอำเภอสทิงพระปัจจุบัน เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารเสด็จขึ้นมาพักผ่อนเพื่อหาน้ำจืด ดื่มและสรงน้ำ ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จขึ้นมาพักผ่อน ณ วัดแห่งนี้ จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้ พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อย ทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราช ทั้งสองก้ลืมพระธาตุ เจ้าฟ้าชายทนทกุมารตกพระทัยถามเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาว่าน้องทิ้งพระธาตุเสีย แล้วหรือ คำนี้เลยกลายเป็น ชื่อสถานที่ วัด ,บ้าน, สืบมาจนปัจจุบัน ว่าจะทิ้งพระ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ทรงอันเชิญพระบรมสารีริกาตุไป บรรจุพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชประมาณ พ.ศ. 854 และหรือพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชซึ่งได้รับเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย และทินธาตุจากประเทศอินเดียซึ่งเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ ทรงอัญเชิญเมื่อประมาณ พ.ศ.850 ได้ก่อพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่หาดทรายแก้ว นครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ.854 ซึ่งสอดคล้องกับพระธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ

สรุปความว่า ชื่อของวัดจะทิ้งพระ สทิงพระ สทิงปุระ สทิงปุระ สทิงพาราณสี มีแนวทางสันนิษฐานได้ 3 ประเด็น คือ
ประการแรก จะทิ้งพระ กร่อนมาจากคำว่าสทิงพระ สทิงปุระ หรือสทิงพาราณศรี เป็นชื่อเมืองโบราณ เป็นเมืองสองฝั่งทะเล ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนเป็นแหล่งเกิดเมืองสอง เมืองคือ เมืองพัทลุง และเมืองสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระในปัจจุบัน ทำนองเดียวกับเมืองสงขลากร่อนมาจากสิงหราบ้างแปลว่าเมืองสิงห์ กร่อนมาจากสิงขรวึ่งแปลว่าภุเขาบ้าง
ประการที่สอง คนในสมัยโบราณเล่าต่อๆกันมาว่าเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาซึ่งพูดกับเจ้าฟ้าชายทนทกุมารน้องชายว่า น้องจะทิ้งพรธาตุเสียแล้วหรือมานับเป็นชื่อของสถานที่ วัด บ้าน อำเภอ ในปัจจุบันและพระยากรงทอง เจ้าเมืองพัทลุงเก่า ได้สร้างพระบรมธาตุเจดียืครอบไว้
ประการที่สาม พระราชวิจารณ์ของพระปิยะมหาราชรั๙กาลที่ 5 ในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในกรุงเทพฯมหานครเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2434 ว่า จะทิ้งพระ กร่อนมาจากคำว่า จันทิพระ ตามสำเนียง - ชาวนอก ซึ่งเป็นชื่อของวัดมหายานในเกาะชวา(ประเทศอินโดนีเซีย) เมื่อครั้งเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ เสด็จวัดจะทิ้งพระ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2434 และวัดจะทิ้งพระสมัยก่อนมี 2 วัด อยู่คนละฟากถนน

วัดจะทิ้งพระอยู่ทางด้านตะวันตก มีพระครูวินัยธรรมเป็นหัววัดหมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน
วัดพระมหาธาตุอยู่ด้านตะวันออก มีพระเจดีย์องค์ใหญ่มีพระครูอมฤตย์ศิริวัดธนธาตุหัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพระมหาธาตุ ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงานและหรือวัดจะทิ้งพระ พระครูวินัยธรรม เป็นหัววัด หมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน นางจันหอม หัวงาน 1 นางศรีบุตร หัวงาน1 นางยอดหัวงาน 1 นางไกรหัวงาน1 นางอินหัวงาน1
วัดพระมหาธาตุ พระเจดีย์พระเจ้าองค์ใหญ่พระครูอมฤตย์ศิริวัฒนธนธาตุ หัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพราตุ ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน นางแกนทอง หัวงาน 1 นางยก หัวงาน 1 นางยอด หัวงาน 1 นางสร้อย หัวงาน 1 นางแผดงยศ หัวงาน 1
ปัจจุบัน รวมเป็นวัดจะทิ้งพระ จุดเด่นพระธาตุองค์ใหญ่เรียกว่าพระมหาธาตุเจดีย์ ที่ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นที่เคารพสักการะ ของพระพุทธศาสนิกชนแตะละปีมีการแห่ผ้าขึ้นห่อหุ้มพระธาตุเจดีย์เป็นพุทธบูชา และเป็นปูชนียสถานสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองชาวสทิงพระตลอดมา

พระบรมธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ ประมาณว่าได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยคือประมาณปี พ.ศ. 1300 ตามลัทธิพุทธศาสนานิกายมหายานลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยศรีวิชัย คือทำเป็นมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนยอดทำเป็นสถูปมีเจดีย์บริวาร 4 มุม ครั้นต่อมาสมัยศรีวิชัยตอนปลาย ประมาณ พ.ศ.1700 พุทธศาสนานิกายมหายานมีความรุ่งเรืองมากในประเทศลังกาพระธาตุเจดีย์จึง เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นรูประฆังคว่ำ ฐานของพระบรมธาตุเ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระคำว่าจะทิ้งพระกร่อนมาจากสทิงปุระเมืองพาราณสีซึ่งเป็นชื่อเมืองพัทลุงเก่าตั้งอยู่ตั้งเมืองสทิงพระครั้งเมื่อกาลเวลาล่วงเลยมานับเป็นพันปีชื่อสทิงปุระจึงกร่อนมาเป็นจะทิ้งพระสทิงพระเป็นชื่อสถานที่กลายเป็นชื่อวัดชื่อตำบลและอำเภอบนคาบสมุทรสทิงพระวัดนี้แต่เดิมเคยมีชื่อเรียกว่าวัดพระมหาธาตุมีมหาธาตุเจดีย์ตั้งอยู่สูงตระหง่านต่อมาเรียกชื่อว่าวัดจะทิ้งพระจะทิ้งพระชื่อของวัดในปัจจุบันใกล้เคียงกับชื่อเมืองสทิงพระ (สทิงปุระหรือสทิงพาราณสี) ซึ่งพระยากรงทองเจ้าเมืองพัทลุงสร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. 1482 ตรงกับสมัยกรุงสุโขทัยดังข้อความตอนหนึ่งในหนังสือประชุมพงศาวดารภาค 15บันทึกไว้ว่า "เมืองพัทลุงได้ตั้งมาก่อนพ.ศ.1480 ตัวเมืองตั้งอยุ่ที่สทิงพระเจ้าเมืองชื่อพระยากรงทองได้ครองเมืองพัทลุงในวันพฤหัสบดีเดือน 8 ขึ้น 5 ค่ำปีกุน พุทธศักราช1482 พระยากรงทองได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์และก่อพระเชตุพนวิหารขึ้นพร้อมกับวัดเขียนบางแก้วและวัดสทิงปุระได้สร้างพระเจดีย์เอาไว้ที่นครปาตลีบุตร (เมืองพัทลุง) สทิงพารณสีแห่งนี้เพราะแหล่งวัดเขียนบางแก้วและบนคาบสมุทรสทิงพระเป็นแหล่งชุมชนโบราณนักโบราณคดีมีทัสนะแนวความคิดว่า ชื่อของวัดจะทิ้งพระนี้ คนในสมัยโบราณรับคำพูดเล่าต่อๆกันมาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายนนทกุมาร มาเป็นชื่อของสถานที่มี้รื่องนิทานชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมามาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร เป็นพระธิดาและพระโอรสของพระเจ้าโกสีหราชกับพระนางมหาเทวี ครองเมืองนครทันตะปุระ(ประเทศอินเดีย) ขณะนั้นเมืองทันตะปุระเกิดศึกสงครามพระเจ้าโกสีหราชแพ้สงครามถึงกับสวรรคตใน สนามรบ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร จึงได้นำพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าหลบหนีออกจากเมืองทันตะปุระตามคำสั่งของ พระชนก ลงเรืองสำเภามุ่งสู่ประเทศศรีลังกา(เกาะลังกา)แล้วเดินทางผ่านหมู่เกาะอันดามันในมหาสมุทรอินเดีย เข้าสู่ช่องแคบมะละกา มาออกอ่าวไทย จุดมุ่งหมายเพื่อนำพระบรมธาตุไปบรรจุพระเจดีย์ที่เมืองนครศรีธรรมราชขณะนั้น ตามประวัติและตำนานพระมหาธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราชสร้างพระธาตุเจดีย์ ประมาณ พ.ศ.850 เมื่อเดินทางมาถึงเมืองพาราณศรี(เมืองสทิงปุระเมืองพัทลุงเก่า)หาดมหาราชตรง หน้าที่ว่าการอำเภอสทิงพระปัจจุบัน เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารเสด็จขึ้นมาพักผ่อนเพื่อหาน้ำจืด ดื่มและสรงน้ำ ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จขึ้นมาพักผ่อน ณ วัดแห่งนี้ จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้ พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อย ทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราช ทั้งสองก้ลืมพระธาตุ เจ้าฟ้าชายทนทกุมารตกพระทัยถามเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาว่าน้องทิ้งพระธาตุเสีย แล้วหรือ คำนี้เลยกลายเป็น ชื่อสถานที่ วัด ,บ้าน, สืบมาจนปัจจุบัน ว่าจะทิ้งพระ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ทรงอันเชิญพระบรมสารีริกาตุไป บรรจุพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชประมาณ พ.ศ. 854 และหรือพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชซึ่งได้รับเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย และทินธาตุจากประเทศอินเดียซึ่งเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ ทรงอัญเชิญเมื่อประมาณ พ.ศ.850 ได้ก่อพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่หาดทรายแก้ว นครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ.854 ซึ่งสอดคล้องกับพระธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ สรุปความว่าชื่อของวัดจะทิ้งพระสทิงพระสทิงปุระสทิงปุระสทิงพาราณสีมีแนวทางสันนิษฐานได้ 3 ประเด็นคือประการแรกจะทิ้งพระกร่อนมาจากคำว่าสทิงพระสทิงปุระหรือสทิงพาราณศรีเป็นชื่อเมืองโบราณเป็นเมืองสองฝั่งทะเลที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนเป็นแหล่งเกิดเมืองสองเมืองคือเมืองพัทลุงและเมืองสงขลาซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระในปัจจุบันทำนองเดียวกับเมืองสงขลากร่อนมาจากสิงหราบ้างแปลว่าเมืองสิงห์กร่อนมาจากสิงขรวึ่งแปลว่าภุเขาบ้างประการที่สองคนในสมัยโบราณเล่าต่อๆกันมาว่าเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาซึ่งพูดกับเจ้าฟ้าชายทนทกุมารน้องชายว่าน้องจะทิ้งพรธาตุเสียแล้วหรือมานับเป็นชื่อของสถานที่วัดบ้านตำบลในปัจจุบันและพระยากรงทองเจ้าเมืองพัทลุงเก่าได้สร้างพระบรมธาตุเจดียืครอบไว้ประการที่สามพระราชวิจารณ์ของพระปิยะมหาราชรั๙กาลที่ 5 ในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในกรุงเทพฯมหานครเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2434 ว่าจะทิ้งพระกร่อนมาจากคำว่าจันทิพระตามสำเนียง - ชาวนอกซึ่งเป็นชื่อของวัดมหายานในเกาะชวา(ประเทศอินโดนีเซีย)เมื่อครั้งเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้เสด็จวัดจะทิ้งพระวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2434 และวัดจะทิ้งพระสมัยก่อนมี 2 วัดอยู่คนละฟากถนนวัดจะทิ้งพระอยู่ทางด้านตะวันตกมีพระครูวินัยธรรมเป็นหัววัดหมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานวัดพระมหาธาตุอยู่ด้านตะวันออกมีพระเจดีย์องค์ใหญ่มีพระครูอมฤตย์ศิริวัดธนธาตุหัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพระมหาธาตุขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานและหรือวัดจะทิ้งพระพระครูวินัยธรรมเป็นหัววัดหมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานนางจันหอมหัวงาน 1 นางศรีบุตร หัวงาน1 นางยอดหัวงาน 1 นางไกรหัวงาน1 นางอินหัวงาน1 วัดพระมหาธาตุพระเจดีย์พระเจ้าองค์ใหญ่พระครูอมฤตย์ศิริวัฒนธนธาตุหัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพราตุขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานนางแกนทองหัวงาน 1 นางยกหัวงาน 1 นางยอดหัวงาน 1 นางสร้อยหัวงาน 1 นางแผดงยศหัวงาน 1ปัจจุบัน รวมเป็นวัดจะทิ้งพระ จุดเด่นพระธาตุองค์ใหญ่เรียกว่าพระมหาธาตุเจดีย์ ที่ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นที่เคารพสักการะ ของพระพุทธศาสนิกชนแตะละปีมีการแห่ผ้าขึ้นห่อหุ้มพระธาตุเจดีย์เป็นพุทธบูชา และเป็นปูชนียสถานสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองชาวสทิงพระตลอดมา พระบรมธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ ประมาณว่าได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยคือประมาณปี พ.ศ. 1300 ตามลัทธิพุทธศาสนานิกายมหายานลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยศรีวิชัย คือทำเป็นมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนยอดทำเป็นสถูปมีเจดีย์บริวาร 4 มุม ครั้นต่อมาสมัยศรีวิชัยตอนปลาย ประมาณ พ.ศ.1700 พุทธศาสนานิกายมหายานมีความรุ่งเรืองมากในประเทศลังกาพระธาตุเจดีย์จึง เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นรูประฆังคว่ำ ฐานของพระบรมธาตุเ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
และตำนานประวัติวัดจะทิ้งพระคำว่าได้จะทิ้งพระกร่อนมาจากเนชั่สทิงปุระเมืองพารา ณ สี ชื่อสทิงปุระจึงกร่อนมาเป็นจะทิ้งพระ ชื่อตำบลและอำเภอบนคาบสมุทรสทิงพระ ต่อมาเรียกชื่อว่าวัดจะทิ้งพระ หรือสทิงพารา ณ สี) พ.ศ. 1482 ตรงกับสมัยกรุงสุโขทัย 15 บันทึกไว้ว่า "เมืองพัทลุงได้ตั้งมาก่อนพ. ศ. 1480 ตัวเมืองตั้งอยุ่ที่สทิงพระ ในวันพฤหัสบดีเดือน 8 ขึ้น 5 ค่ำปีกุนพุทธศักราช 1482 และก่อพระเชตุพนวิหารขึ้นพร้อมกับวัดเขียนบางแก้วและวัดสทิงปุระ ชื่อของวัดจะทิ้งพระนี้ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายนนทกุมาร สนามรบเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร พระชนก เข้าสู่ช่องแคบมะละกามาออกอ่าวไทย ประมาณ พ.ศ. 850 หน้าที่ว่าการอำเภอสทิงพระปัจจุบัน ดื่มและสรงน้ำ ณ วัดแห่งนี้ พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อย ทั้งสองก้ลืมพระธาตุ แล้วหรือคำนี้เลยกลายเป็นชื่อสถานที่วัด, บ้าน, สืบมาจนปัจจุบันว่าจะทิ้งพระ พ.ศ. 854 ทรงอัญเชิญเมื่อประมาณ พ.ศ. 850 นครศรีธรรมราชเมื่อ พ.ศ. 854 อำเภอสทิงพระสรุปความว่าได้ชื่อของวัดจะทิ้งพระสทิงพระสทิงปุระสทิงปุระสทิงพารา ณ สีมีแนวทางสันนิษฐานได้ 3 ประเด็นคือประการแรกจะทิ้งพระกร่อนมาจากเนชั่คำว่าได้สทิงพระสทิงปุระหรือสทิงพารา ณ ศรีเป็นชื่อเมืองโบราณเป็นเมืองสองฝั่งทะเล เมืองคือเมืองพัทลุงและเมืองสงขลา วัดบ้านอำเภอในปัจจุบันและพระยากรงทองเจ้าเมืองพัทลุงเก่า 5 ในกรุงเทพฯมหานครเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2434 ว่าจะทิ้งพระกร่อนมาจากคำว่าจันทิพระตามสำเนียง - ชาวนอก เสด็จวัดจะทิ้งพระวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2434 และวัดจะทิ้งพระสมัยก่อนมี 2 วัด มีข้าพระ 5 ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานและหรือวัดจะทิ้งพระพระครูวินัยธรรมเป็นหัววัดหมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานนางจันหอมหัวงาน 1 นางศรีบุตรหัวงาน 1 นางยอดหัวงาน 1 นางไกรหัวงาน 1 นางอินหัวงาน 1 วัดพระมหาธาตุ หัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพราตุขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณีมีข้าพระ 5 หัวงานนางแกนทองหัวงาน 1 นางยกหัวงาน 1 นางยอดหัวงาน 1 นางสร้อยหัวงาน 1 นางแผดงยศหัวงาน 1 ปัจจุบันรวมเป็นวัด จะทิ้งพระ ที่ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นปูชนียสถานสำคัญ พ.ศ. 1300 ส่วนยอดทำเป็นสถูปมีเจดีย์บริวาร 4 มุมครั้นต่อมาสมัยศรีวิชัยตอนปลายประมาณ พ.ศ. 1700 เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นรูประฆังคว่ำฐานของพระบรมธาตุเ

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
จูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอจูเลียต หันกลับมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกว้างด้วยความตกใจของเธอณวัดแห่งนี้จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อยทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราชทั้งสองก้ลืมพระธาตุณวัดแห่งนี้จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อยทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราชทั้งสองก้ลืมพระธาตุณวัดแห่งนี้จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อยทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราชทั้งสองก้ลืมพระธาตุ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: