กีฬายกน้ำหนัก : Weightliftingความเป็นมาของกีฬายกน้ำหนัก กีฬายกน้ำหนัก  การแปล - กีฬายกน้ำหนัก : Weightliftingความเป็นมาของกีฬายกน้ำหนัก กีฬายกน้ำหนัก  ไทย วิธีการพูด

กีฬายกน้ำหนัก : Weightliftingความเป

กีฬายกน้ำหนัก : Weightlifting
ความเป็นมาของกีฬายกน้ำหนัก
กีฬายกน้ำหนัก ได้ถูกพัฒนามาเป็นลำดับ โดยธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะแสดงให้คนอื่นๆ เห็นว่าตัวเองเป็นคนทีมีร่างกายแข็งแรงกว่าคนอื่นๆ จนมีการประลองการยกสิ่งของต่างๆ เช่น ยกก้อนหิน ยกเหล็ก ยกเสาไม้ เป็นต้น ในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 18 มีกีฬาหลายชนิดเกิดขึ้น รวมทั้งกีฬายกน้ำหนักที่มีการกำหนดกฎกติกา เพื่อให้การแข่งขันเกิดความยุติธรรมและสนุกสนานยิ่งขึ้น มีการแพร่ขยายการเล่นไปตามประเทศต่างๆในทวีปยุโรป และมีการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกเป็นครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน ใน ค.ศ. 1891 ครั้งสุดท้ายมีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลก ครั้งที่ 73 (ชาย) ครั้งที่ 18 (หญิง) ณ เมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เมื่อ ค.ศ. 2003 จะเห็นว่ากีฬายกน้ำหนักเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่นิยมเล่นและแข่งขันมามากกว่า 100 ปี ในประเทศไทย มีการเล่นกีฬายกน้ำหนักกว่า 50 ปีแล้ว มีการบันทึกเป็นทางการว่า สมาคมยกน้ำหนักฯ ได้ก่อตั้งมา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2501 มีการจัดการแข่งขันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจนทำให้นักกีฬายกน้ำหนักของไทยมีความสามารถติด อันดับแชมเปี้ยนโลกหลายคน เช่น 1. ชัยยะ สุขจินดา 2.สง่า วังศิริ 3.วาสนา ปุจฉาการ 4.เกษราภรณ์ สุดา 5.ปวีณา ทองสุก 6.อุดมพร พลศักดิ์ 7.จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน 8.อารีย์ วิรัฐถาวร
วิธีการจัดการแข่งขัน
กีฬายกน้ำหนัก จะมีการยกแข่งขันแยกเป็น 2 ท่า คือ ท่าสแนทซ์ และทำคลีนแอนด์เจอร์ด เมื่อเริ่มแข่งขัน จะทำการแข่งขันท่าสแนทซ์ก่อน นักกีฬาแต่ละคนจะมีสิทธิ์ยกไม่เกิน 3 ครั้ง เสร็จแล้วจะมีเวลาพัก 5 นาที จึงทำการแข่งขันท่าคลีนแอนด์เจอร์ดต่ออีกคนละไม่เกิน 3 ครั้งเป็นการเสร็จสิ้นการแข่งขัน เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้ว ให้จัดลำดับที่เพื่อรับรางวัลรวม 3 รายการคือ
- 1. ลำดับที่ 1-2-3 ของท่าสแนทซ์
- 2. ลำดับที่ 1-2-3 ของท่าคลีนแอนด์เจอร์ด
- 3. ลำดับที่ 1-2-3 ของสถิติโอลิมปิกโตเติล
รายการที่ 3 นี้ ไม่มีการแข่งขัน แต่ได้มาจากการเอาสถิติของทั้ง 2 ท่าแรกมารวมกันแล้วจัดลำดับที่ เพื่อได้รับรางวัล
สรุป ดูหรือกเล่นกีฬายกน้ำหนักนอกจากจะสนุกสนานแล้วเสน่ห์ของกีฬานี้อยู่ที่นักกีฬาแข่งขัน 2 ท่า แต่มีสิทธิ์ได้รับรางวัล 3 เหรียญทอง หรือ 3 เหรียญเงิน หรือ 3 เหรียญทองแดง




นักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันในรุ่นใด จะต้องมีน้ำหนักมากกว่าพิกัดน้ำหนักของรุ่นที่ต่ำกว่าและไม่เกินกว่าจำนวนน้ำหนักของพิกัดของ รุ่นนั้น เช่น นักกีฬาเข้าแข่งขันในรุ่น 77 กก. ชายจะต้องมีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 69.1 กก. และไม่เกิน 77.0 กก.
การตัดสินกีฬายกน้ำหนัก
1.กำหนดให้มีผู้ตัดสิน 3 คน ทำหน้าที่ให้คำตัดสินภายใต้การควบคุมของ คณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน
2.เมื่อนักกีฬายกถึงท่าเสร็จสมบูรณ์ ผู้ตัดสินแต่ละคนจะวินิจฉัยให้คำตัดสินของตนเองอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
- ก. ถ้าเห็นว่าถูกกติกา จะให้สัญญาณไฟ สีขาว
- ข. ถ้าเห็นว่าผิดกติกา จะให้สัญญาณไฟ สีแดง
3. ถ้าผู้ตัดสินคนใด พิจารณาเห็นว่า ขณะนักกีฬากำลังทำการยกได้ทำผิดกติกาให้ตัดสินด้วยสัญญาณไฟสีแดงได้ทันที
4. สรุปคำตัดสิน ให้ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของผู้ตัดสินทั้ง 3 คน
การจัดลำดับที่ของการแข่งขัน (ผลการแข่งขัน)
เมื่อแข่งขันเสร้จให้จัดลำดับที่ของ ท่าสแนทซ์ ท่าคลีนแอนด์เจอร์ด และสถิติโอลิมปิคโตเติล ตามขั้นตอน ดังนี้
- 1. ผู้ใดยกได้สถิติดีกว่าเป็นผู้ชนะ
- 2. ถ้ายกได้สถิติเท่ากัน ใครน้ำหนักตัวน้อยกว่าเป็นผู้ชนะ
- 3. ถ้าน้ำหนักตัวเท่ากันอีก ให้ดูว่าใครยกสถิติที่เท่ากันได้ก่อนเป็นผู้ชนะ " กีฬายกน้ำหนักไม่มีเสมอครับ "








การยกท่าสแนทซ์ (SNATCH)
ให้นักกีฬาใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับคาน (บาร์) แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้แขนทั้งสองเหยียดตรงขึ้นเหนือศรีษะ นักกีฬาอาจ จะแยกเท้าหรือย่อเข่าเพื่อการทรงตัวและรับน้ำหนักของบาร์เบลแล้วยืนขึ้นอยู่ในท่านิ่งให้เท้าทั้งสองข้างลำตัวและบาร์เบลอยู่ในแนว ดียวกันซึ่งถือเป็นท่าที่เสร็จสมบูรณ์
ข้อที่ผิดกติกาบ่อยๆ เช่น
- การดึงบาร์เบลจากท่าแขวน คือ ดึงบาร์เบลจากท่าแขวน คือ ดึงบาร์เบลขึ้นมาแล้วหยุดชะงักแล้วดึงต่อ (เป็นแบบ 2 จังหวะ)
- หัวเข่าหรือก้นสัมผัสกับพื้น
- หยุดชะงักระหว่างเหยียดแขน
- ไม่เหยียดแขนสุด เมื่อยกได้สำเร็จ
- วางบาร์เบลลงก่อน ได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสิน
- ปล่อยหรือทิ้งบาร์เบลลงด้านหลังของนักกีฬา
- ปล่อยมือจากบาร์เบลขณะที่บาร์เบลอยู่เหนือระดับเอว ฯลฯ

ลำดับการเรียกนักกีฬาขึ้นยก
เพื่อความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ใส่น้ำหนักเหล็ก จึงกำหนดให้ "กรรมการจัดลำดับการยก" ประกาศเรียกนักกีฬาที่ขอน้ำหนักของบาร์ เบล ที่มีน้ำหนักน้อยกว่าคนอื่นๆ ขึ้นยกก่อน เมื่อการแข่งขันดำเนินต่อๆ ไป จะปรากฎว่า น้ำหนักของบาร์เบลบนเวทีจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ สรุป คนที่ไม่ค่อยเก่ง ยกได้น้อยจะถูกเรียกขึ้นยกก่อน คนเก่งๆ ยกได้มากๆ จะถูกเรียกขึ้นยกตอนท้ายๆ แต่ละคนจะมีสิทธิ์ได้ยกคนละ 3 ครั้ง ของแต่ละท่า เคยปรากฎบ่อยๆ ว่าคนเก่งๆ ได้ยกเป็น คนสุดท้ายแต่ทำผิดกติกาฟาวล์ทั้ง 3 ครั้ง ก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย




การยกท่าคลีนแอนด์เจอร์ค(CLEAN & JERK) เป็นการยก 2 แบบ รวมอยู่เป็นท่าเดียวกัน
การคลีน ให้นักกีฬาใช้มือทั้งสองข้างจับคาน (บาร์) แล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้บาร์เบลขึ้นไปพักที่แนวไหล่ แล้วยืนขึ้น อยู่ในท่านิ่งเพื่อทำท่าเจอร์คต่อไป
การเจอร์ค คือการดันบาร์เบลด้วยการเหยียดแขนให้เป็นจังหวะเดียว ให้บาร์เบลขึ้นไปอยู่เหนือศรีษะ นักกีฬาอาจจะย่อเข่าแล้ว สปริงข้อเท้าเหยียดขึ้นเพื่อเป็นแรงส่งการดันบาร์เบล หลังจากนั้นค่อยๆ เก็บเท้าให้อยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัวและบาร์เบล ซึ่งถือเป็นท่าเสร็จสมบูรณ์
ข้อผิดกติกาบ่อยๆ เช่น
- ดึงบาร์เบลจากท่าแขวน
- ขณะคลีนข้อศอกสัมผัสกับเข่าหรือขา
- ขณะคลีนเข่าหรือกันสัมผัสกับพื้น
- จงใจเขย่าหรือสั่นบาร์เบลเพื่อ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
กีฬายกน้ำหนัก: ยกน้ำหนักความเป็นมาของกีฬายกน้ำหนัก กีฬายกน้ำหนักได้ถูกพัฒนามาเป็นลำดับโดยธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะแสดงให้คนอื่น ๆ เห็นว่าตัวเองเป็นคนทีมีร่างกายแข็งแรงกว่าคนอื่น ๆ จนมีการประลองการยกสิ่งของต่าง ๆ เช่นยกก้อนหินยกเหล็กยกเสาไม้เป็นต้นในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 18 มีกีฬาหลายชนิดเกิดขึ้นรวมทั้งกีฬายกน้ำหนักที่มีการกำหนดกฎกติกาเพื่อให้การแข่งขันเกิดความยุติธรรมและสนุกสนานยิ่งขึ้นมีการแพร่ขยายการเล่นไปตามประเทศต่างๆในทวีปยุโรปและมีการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกเป็นครั้งแรกณกรุงลอนดอนในค.ศ. 1891 ครั้งสุดท้ายมีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลกครั้งที่ 73 (ชาย) ครั้งที่ 18 (หญิง) ณเมืองแวนคูเวอร์แคนาดาเมื่อค.ศ. 2003 จะเห็นว่ากีฬายกน้ำหนักเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่นิยมเล่นและแข่งขันมามากกว่า 100 ปีในประเทศไทยมีการเล่นกีฬายกน้ำหนักกว่า 50 ปีแล้วมีการบันทึกเป็นทางการว่าสมาคมยกน้ำหนักฯ ได้ก่อตั้งมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2501 มีการจัดการแข่งขันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจนทำให้นักกีฬายกน้ำหนักของไทยมีความสามารถติดอันดับแชมเปี้ยนโลกหลายคนเช่น 1 ชัยยะสุขจินดา 2.สง่า วังศิริ 3.วาสนา ปุจฉาการ 4.เกษราภรณ์ สุดา 5.ปวีณา ทองสุก 6.อุดมพร พลศักดิ์ 7.จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน 8.อารีย์ วิรัฐถาวรวิธีการจัดการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักจะมีการยกแข่งขันแยกเป็น 2 ท่าคือท่าสแนทซ์และทำคลีนแอนด์เจอร์ดเมื่อเริ่มแข่งขันจะทำการแข่งขันท่าสแนทซ์ก่อนนักกีฬาแต่ละคนจะมีสิทธิ์ยกไม่เกิน 3 ครั้งเสร็จแล้วจะมีเวลาพัก 5 นาทีจึงทำการแข่งขันท่าคลีนแอนด์เจอร์ดต่ออีกคนละไม่เกิน 3 ครั้งเป็นการเสร็จสิ้นการแข่งขันเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้วให้จัดลำดับที่เพื่อรับรางวัลรวม 3 รายการคือ -1 ของท่าสแนทซ์ลำดับที่ 1-2-3 -2 ของท่าคลีนแอนด์เจอร์ดลำดับที่ 1-2-3 -3 ของสถิติโอลิมปิกโตเติลลำดับที่ 1-2-3 รายการที่ 3 นี้ไม่มีการแข่งขันแต่ได้มาจากการเอาสถิติของทั้ง 2 ท่าแรกมารวมกันแล้วจัดลำดับที่เพื่อได้รับรางวัล สรุปดูหรือกเล่นกีฬายกน้ำหนักนอกจากจะสนุกสนานแล้วเสน่ห์ของกีฬานี้อยู่ที่นักกีฬาแข่งขัน 2 ท่าแต่มีสิทธิ์ได้รับรางวัล 3 เหรียญทองหรือ 3 เหรียญเงินหรือ 3 เหรียญทองแดง นักกีฬาที่จะเข้าแข่งขันในรุ่นใดจะต้องมีน้ำหนักมากกว่าพิกัดน้ำหนักของรุ่นที่ต่ำกว่าและไม่เกินกว่าจำนวนน้ำหนักของพิกัดของรุ่นนั้นเช่นนักกีฬาเข้าแข่งขันในรุ่น 77 กก ชายจะต้องมีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 69.1 กก และไม่เกิน 77.0 กก การตัดสินกีฬายกน้ำหนัก 1.กำหนดให้มีผู้ตัดสิน 3 คนทำหน้าที่ให้คำตัดสินภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน 2.เมื่อนักกีฬายกถึงท่าเสร็จสมบูรณ์ ผู้ตัดสินแต่ละคนจะวินิจฉัยให้คำตัดสินของตนเองอย่างใดอย่างหนึ่งคือ -สีขาวจะให้สัญญาณไฟก. ถ้าเห็นว่าถูกกติกา -ข. ถ้าเห็นว่าผิดกติกาจะให้สัญญาณไฟสีแดง 3. ถ้าผู้ตัดสินคนใดพิจารณาเห็นว่าขณะนักกีฬากำลังทำการยกได้ทำผิดกติกาให้ตัดสินด้วยสัญญาณไฟสีแดงได้ทันที 4. สรุปคำตัดสินให้ใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ของผู้ตัดสินทั้ง 3 คน การจัดลำดับที่ของการแข่งขัน (ผลการแข่งขัน) เมื่อแข่งขันเสร้จให้จัดลำดับที่ของท่าสแนทซ์ท่าคลีนแอนด์เจอร์ดและสถิติโอลิมปิคโตเติลตามขั้นตอนดังนี้ -1 ผู้ใดยกได้สถิติดีกว่าเป็นผู้ชนะ -2 ถ้ายกได้สถิติเท่ากันใครน้ำหนักตัวน้อยกว่าเป็นผู้ชนะ -3 ถ้าน้ำหนักตัวเท่ากันอีกให้ดูว่าใครยกสถิติที่เท่ากันได้ก่อนเป็นผู้ชนะ "กีฬายกน้ำหนักไม่มีเสมอครับ" การยกท่าสแนทซ์ (ฉก) ให้นักกีฬาใช้มือทั้ง 2 ข้าง (บาร์) จับคานแล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้แขนทั้งสองเหยียดตรงขึ้นเหนือศรีษะนักกีฬาอาจจะแยกเท้าหรือย่อเข่าเพื่อการทรงตัวและรับน้ำหนักของบาร์เบลแล้วยืนขึ้นอยู่ในท่านิ่งให้เท้าทั้งสองข้างลำตัวและบาร์เบลอยู่ในแนวดียวกันซึ่งถือเป็นท่าที่เสร็จสมบูรณ์ ข้อที่ผิดกติกาบ่อย ๆ เช่น -การดึงบาร์เบลจากท่าแขวนคือดึงบาร์เบลจากท่าแขวนคือดึงบาร์เบลขึ้นมาแล้วหยุดชะงักแล้วดึงต่อ (เป็นแบบ 2 จังหวะ) -หัวเข่าหรือก้นสัมผัสกับพื้น -หยุดชะงักระหว่างเหยียดแขน -ไม่เหยียดแขนสุดเมื่อยกได้สำเร็จ -วางบาร์เบลลงก่อนได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสิน -ปล่อยหรือทิ้งบาร์เบลลงด้านหลังของนักกีฬา -ปล่อยมือจากบาร์เบลขณะที่บาร์เบลอยู่เหนือระดับเอวฯลฯ ลำดับการเรียกนักกีฬาขึ้นยก เพื่อความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ใส่น้ำหนักเหล็กจึงกำหนดให้ "กรรมการจัดลำดับการยก" ประกาศเรียกนักกีฬาที่ขอน้ำหนักของบาร์เบลที่มีน้ำหนักน้อยกว่าคนอื่น ๆ ขึ้นยกก่อนเมื่อการแข่งขันดำเนินต่อ ๆ ไปจะปรากฎว่าน้ำหนักของบาร์เบลบนเวทีจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สรุปคนที่ไม่ค่อยเก่งยกได้น้อยจะถูกเรียกขึ้นยกก่อนคนเก่ง ๆ ยกได้มาก ๆ จะถูกเรียกขึ้นยกตอนท้าย ๆ แต่ละคนจะมีสิทธิ์ได้ยกคนละ 3 ครั้งของแต่ละท่าเคยปรากฎบ่อย ๆ ว่าคนเก่ง ๆ ได้ยกเป็นคนสุดท้ายแต่ทำผิดกติกาฟาวล์ทั้ง 3 ครั้งก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย รวมอยู่เป็นท่าเดียวกันการยกท่าคลีนแอนด์เจอร์ค (สะอาดกระทำ) เป็นการยก 2 คำประกอบ การคลีน (บาร์) ให้นักกีฬาใช้มือทั้งสองข้างจับคานแล้วดึงหรือยกขึ้นเป็นจังหวะเดียวให้บาร์เบลขึ้นไปพักที่แนวไหล่แล้วยืนขึ้นอยู่ในท่านิ่งเพื่อทำท่าเจอร์คต่อไป การเจอร์คคือการดันบาร์เบลด้วยการเหยียดแขนให้เป็นจังหวะเดียวให้บาร์เบลขึ้นไปอยู่เหนือศรีษะนักกีฬาอาจจะย่อเข่าแล้วสปริงข้อเท้าเหยียดขึ้นเพื่อเป็นแรงส่งการดันบาร์เบลหลังจากนั้นค่อย ๆ เก็บเท้าให้อยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัวและบาร์เบลซึ่งถือเป็นท่าเสร็จสมบูรณ์ ข้อผิดกติกาบ่อยๆ เช่น - ดึงบาร์เบลจากท่าแขวน - ขณะคลีนข้อศอกสัมผัสกับเข่าหรือขา - ขณะคลีนเข่าหรือกันสัมผัสกับพื้น - จงใจเขย่าหรือสั่นบาร์เบลเพื่อ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
กีฬายกน้ำหนัก : กีฬายกน้ำหนักความเป็นมาของกีฬายกน้ำหนักกีฬายกน้ำหนักได้ถูกพัฒนามาเป็นลำดับโดยธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะแสดงให้คนอื่นๆเห็นว่าตัวเองเป็นคนทีมีร่างกายแข็งแรงกว่าคนอื่นๆจนมีการประลองการยกสิ่งของต่างๆเช่นยกก้อนหินยกเหล็กยกเสาไม้เป็นต้นในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 18 มีกีฬาหลายชนิดเกิดขึ้นรวมทั้งกี ฬายกน้ำหนักที่มีการกำหนดกฎกติกาเพื่อให้การแข่งขันเกิดความยุติธรรมและสนุกสนานยิ่งขึ้นมีการแพร่ขยายการเล่นไปตามประเทศต่างๆในทวีปยุโรปและมีการจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลกเป็นครั้งแรกณกรุงลอนดอน the ค . ศ . 1891 ครั้งสุดท้ายมีการจัดแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งโลกครั้งที่ 73 ( ชาย ) 18 ครั้งที่ ( หญิง ) ณเมืองแวนคูเวอร์แคนาดาเมื่อค . ศ . 2003 จะเห็นว่ากีฬายกน้ำหนักเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่นิยมเล่นและแข่งขันมามากกว่า 100 . ในประเทศไทยมีการเล่นกีฬายกน้ำหนักกว่า 50 ปีแล้วมีการบันทึกเป็นทางการว่าสมาคมยกน้ำหนักฯได้ก่อตั้งมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์มีการจัดการแข่งขันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจนทำให้ 2501 นักกีฬายกน้ำหนักของไทยมีความสามารถติดอันดับแชมเปี้ยนโลกหลายคนเช่น 1 ชัยยะสุขจินดา 2 . สง่าวังศิริ 3 . วาสนาปุจฉาการ 4 . เกษราภรณ์สุดา 5 . ปวีณาทองสุก 6 . อุดมพรพลศักดิ์ 7 . จันทร์พิมพ์กันทะเตียนอารีย์วิรัฐถาวร 8วิธีการจัดการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักจะมีการยกแข่งขันแยกเป็น 2 ท่าความท่าสแนทซ์และทำคลีนแอนด์เจอร์ดเมื่อเริ่มแข่งขันจะทำการแข่งขันท่าสแนทซ์ก่อนนักกีฬาแต่ละคนจะมีสิทธิ์ยกไม่เกิน 3 ครั้งเสร็จแล้วจะมีเวลาพัก 5 นาทีจึงทำการแข่งขันท่าคลีนแอนด์เจอร์ดต่ออีกคนละไม่เกิน 3 ครั้งเป็นการเสร ็จสิ้นการแข่งขันเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้วให้จัดลำดับที่เพื่อรับรางวัลรวม 3 รายการคือ- 1 . ลำดับที่ 1-2-3 ของท่าสแนทซ์- 2 . ลำดับที่ 1-2-3 ของท่าคลีนแอนด์เจอร์ด- 3 . ลำดับที่ 1-2-3 ของสถิติโอลิมปิกโตเติลรายการที่ 3 นี้ไม่มีการแข่งขันแต่ได้มาจากการเอาสถิติของทั้ง 2 ท่าแรกมารวมกันแล้วจัดลำดับที่เพื่อได้รับรางวัลสรุปดูหรือกเล่นกีฬายกน้ำหนักนอกจากจะสนุกสนานแล้วเสน่ห์ของกีฬานี้อ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: