• Conceptual model: Conceptual mode

• Conceptual model: Conceptual model is the result of object-oriented analysis, it captures concepts in the problem domain. The conceptual model is explicitly chosen to be independent of implementation details, such as concurrency or data storage.
• Use case: Use case is a description of sequences of events that, taken together, lead to a system doing something useful. Each use case provides one or more scenarios that convey how the system should interact with the users called actors to achieve a specific business goal or function. Use case actors may be end users or other systems. In many circumstances use cases are further elaborated into use case diagrams. Use case diagrams are used to identify the actor (users or other systems) and the processes they perform.
• System Sequence Diagram: System Sequence diagram (SSD) is a picture that shows, for a particular scenario of a use case, the events that external actors generate, their order, and possible inter-system events.
• User interface documentations (if applicable): Document that shows and describes the look and feel of the end product's user interface. It is not mandatory to have this, but it helps to visualize the end-product and therefore helps the designer.
• Relational data model (if applicable): A data model is an abstract model that describes how data is represented and used. If anobject database is not used, the relational data model should usually be created before the design, since the strategy chosen for object-relational mapping is an output of the OO design process. However, it is possible to develop the relational data model and the object-oriented design artifacts in parallel, and the growth of an artifact can stimulate the refinement of other artifacts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

•แนวคิดแบบจำลอง: แบบจำลองความคิดเป็นผลของการวิเคราะห์เชิงวัตถุ จะจับแนวคิดในโดเมนของปัญหา แบบจำลองแนวคิดอย่างชัดเจนคือเลือกที่จะเป็นอิสระรายละเอียดการใช้งาน เช่นเก็บข้อมูลหรือเกิดพร้อมกัน•กรณีใช้: กรณีใช้เป็นคำอธิบายของลำดับเหตุการณ์ที่ นำมารวมกัน ทำให้ระบบทำสิ่งที่มีประโยชน์นี้ กรณีใช้แต่ละแสดงอย่าง น้อยหนึ่งสถานการณ์ที่ถ่ายทอดวิธีระบบควรโต้ตอบกับผู้ใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจหรือฟังก์ชันที่เรียกว่า ใช้กรณีนักแสดงอาจเป็นผู้ใช้หรือระบบอื่น ๆ ในกรณีหลาย กรณีใช้เพิ่มเติม elaborated เป็นไดอะแกรมกรณีใช้ ใช้กรณีที่ไดอะแกรมใช้ระบุถึงนักแสดง (ผู้ใช้หรือระบบอื่น ๆ) และกระบวนการทำ•ระบบไดอะแกรมลำดับ: ไดอะแกรมลำดับระบบ (SSD) เป็นภาพที่แสดง สำหรับสถานการณ์สมมติเฉพาะกรณีใช้ เหตุการณ์ที่สร้างนักแสดงภายนอก ใบสั่ง และกิจกรรมระหว่างระบบเป็นไปได้•สารบรรณอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (ถ้ามี): เอกสารที่แสดง และอธิบายลักษณะและความรู้สึกของส่วนติดต่อผู้ใช้ของผลิตภัณฑ์สุดท้าย ไม่ได้บังคับต้องมีนี้ แต่มันช่วยให้เห็นภาพผลิตภัณฑ์ และจึง ช่วยให้นักออกแบบ•ข้อมูลรุ่น (ถ้ามี): เป็นแบบจำลองข้อมูลแบบนามธรรมที่อธิบายวิธีแสดงข้อมูล และใช้ ถ้าไม่ใช้ฐานข้อมูล anobject แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ควรมักจะสร้างก่อนการออกแบบ การแม็ปวัตถุเชิงกลยุทธ์เป็น output ของกระบวนการออกแบบ OO อย่างไรก็ตาม สามารถพัฒนาแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์และสิ่งประดิษฐ์ออกแบบเชิงวัตถุแบบขนาน และการเติบโตของสิ่งประดิษฐ์สามารถกระตุ้นความประณีตของสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

•กรอบความคิดแบบ: รูปแบบแนวคิดเป็นผลมาจากการวิเคราะห์เชิงวัตถุที่มันจับแนวคิดในโดเมนปัญหา . รูปแบบความคิดได้รับการแต่งตั้งอย่างชัดเจนที่จะเป็นอิสระของรายละเอียดการปฏิบัติเช่นเห็นพ้องหรือการจัดเก็บข้อมูล
•การใช้งาน: กรณีใช้เป็นคำอธิบายของลำดับของเหตุการณ์ที่นำมาด้วยกันนำไปสู่ระบบการทำสิ่งที่มีประโยชน์ กรณีการใช้งานแต่ละคนให้เป็นหนึ่งหรือมากกว่าสถานการณ์ที่ถ่ายทอดวิธีการที่ระบบควรโต้ตอบกับผู้ใช้ที่เรียกว่านักแสดงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงหรือฟังก์ชั่น กรณีใช้นักแสดงที่อาจจะเป็นผู้ใช้ปลายทางหรือระบบอื่น ๆ ในหลายกรณีกรณีการใช้งานจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมในการใช้แผนภาพกรณี ใช้แผนภาพกรณีที่จะใช้ในการระบุตัวตนของนักแสดง (ผู้ใช้หรือระบบอื่น ๆ ) และกระบวนการที่พวกเขาดำเนินการ.
•ระบบแผนภาพลำดับ: ระบบลำดับแผนภาพ (SSD) เป็นภาพที่แสดงให้เห็นสำหรับสถานการณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า นักแสดงภายนอกสร้างคำสั่งของพวกเขาและเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างระบบ.
•เอกสารส่วนติดต่อผู้ใช้ (ถ้ามี): เอกสารที่แสดงให้เห็นและอธิบายรูปลักษณ์และความรู้สึกของส่วนติดต่อผู้ใช้สินค้าที่สิ้นสุดของ มันไม่ได้บังคับให้มีแบบนี้ แต่มันจะช่วยให้เห็นภาพแบบ end-สินค้าและดังนั้นจึงช่วยให้นักออกแบบ.
•จำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (ถ้ามี): รูปแบบข้อมูลเป็นรูปแบบนามธรรมที่อธิบายถึงวิธีการที่ข้อมูลจะถูกแทนและใช้ ถ้าฐานข้อมูล anobject ไม่ได้ใช้แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์ควรมักจะได้รับการสร้างขึ้นก่อนการออกแบบตั้งแต่กลยุทธ์ที่เลือกสำหรับการทำแผนที่วัตถุสัมพันธ์เป็นผลผลิตของกระบวนการออกแบบ OO แต่ก็เป็นไปได้ที่จะพัฒนารูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูลและเชิงวัตถุสิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบในแบบคู่ขนานและการเจริญเติบโตของสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งของสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

- แนวคิดแบบ : แบบจำลองเป็นผลการวิเคราะห์เชิงวัตถุ มันจับแนวคิดในปัญหาโดเมน รูปแบบแนวคิดเป็นชัดเจนเลือกเป็นอิสระของรายละเอียดการใช้งาน เช่น การ หรือเก็บข้อมูลกรณีใช้บริการ กรณีใช้เป็นคำอธิบายของลำดับของเหตุการณ์ที่ถ่ายด้วยกัน ทำให้ระบบการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ละคดีให้ใช้หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งสถานการณ์ที่ถ่ายทอดวิธีการที่ระบบจะโต้ตอบกับผู้ใช้ เรียกว่านักแสดงเพื่อให้บรรลุธุรกิจเป้าหมายที่เฉพาะหรือฟังก์ชัน ใช้นักแสดงกรณีอาจมีผู้ใช้หรือระบบอื่น ๆ ในสถานการณ์ที่หลายกรณีใช้เพิ่มเติม elaborated ในแผนภาพกรณีใช้ . ใช้แผนภาพกรณีใช้เพื่อระบุนักแสดง ( ผู้ใช้หรือระบบอื่น ๆ ) และกระบวนการที่พวกเขาดำเนินการระบบ : แผนภาพลำดับแผนภาพลำดับแต่ละระบบ ( SSD ) เป็นภาพที่แสดง สำหรับสถานการณ์เฉพาะของใช้กรณีเหตุการณ์ที่นักแสดงภายนอกสร้างการสั่งซื้อของพวกเขาและที่เป็นไปได้ระหว่างเหตุการณ์ของระบบ- ผู้ใช้คู่มือ / เอกสาร ( ถ้ามี ) : เอกสารที่แสดงและอธิบายถึงลักษณะและความรู้สึกของอินเตอร์เฟซผู้ใช้ที่สิ้นสุดของผลิตภัณฑ์ มันไม่ได้บังคับให้มี แต่มันช่วยให้เห็นภาพสินค้าที่สิ้นสุดและดังนั้นจึงช่วยให้นักออกแบบแบบจำลองข้อมูลเชิงบวก ( ถ้ามี ) : รูปแบบข้อมูลเป็นรูปแบบนามธรรมที่อธิบายวิธีการที่ข้อมูลจะถูกแสดงและใช้ ถ้าฐานข้อมูล anobject ไม่ได้ใช้ แบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์มักจะถูกสร้างขึ้นก่อนการออกแบบ เนื่องจากกลยุทธ์การเลือกวัตถุแผนที่สัมพันธ์คือ output ของ OO การออกแบบกระบวนการ อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปได้ที่จะพัฒนาแบบจำลองข้อมูลเชิงสัมพันธ์และเชิงวัตถุการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ในแบบขนาน และการขยายตัวของวัตถุ สามารถกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งของสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ