นิทานอาเซียน ประเทศเวียดนาม เรื่อง จอมกะล่อนกาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มค การแปล - นิทานอาเซียน ประเทศเวียดนาม เรื่อง จอมกะล่อนกาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มค ไทย วิธีการพูด

นิทานอาเซียน ประเทศเวียดนาม เรื่อง

นิทานอาเซียน ประเทศเวียดนาม เรื่อง จอมกะล่อน

กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คนพากันเรียกว่า จอมกะล่อน เขาเป็นเด็กฉลาด แต่ก็เหมือนกับชื่อของเขาที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า คือ เขาใช้ความฉลาดส่วนใหญ่ไปในการเที่ยวพูดโป้ปดมดเท็จต่างๆนานา เขาสนุกสนานกับการหลอกคนอื่นได้รอบบ้าน ไม่มีผู้ใดรอดจากการเป็นเหยื่อให้เขาหลอกต้มไปได้เลย แม้แต่ป้าและลุงผู้ซึ่งเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่หลังจากพ่อแม่ของเขาตายจากไป

วันหนึ่งลุงของเขาออกไปไถนา ซึ่งอยู่ห่างจากบ่านไปไม่ไกลนัก ส่วนป้าก็อยู่บ้านทำงานบ้าน ขณะที่เขาเฝ้าดูป้าทำอะไรง่วนอยู่ในครัว พ่อจอมกะล่อนก็เกิดความคิดแวบขึ้นมา นึกกลวิธีที่จะล้อป้าและลุงของตนออกมาได้อย่างหนึ่ง เขารีบย่องออกจากบ้านวิ่งไปท้องนาที่ลุงกำลังไถอยู่

"ลุงครับ ลุง" เขาตะโกนเรียกลุงเมื่อเขาวิ่งไปถึงนา

"กลับบ้านเดี๋ยวนี้เร็วๆเข้า ป้าตกกระไดลงมา เลือดโชกทีเดียว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี"

ลุงเผ่นผลุงกลับบ้านทันทีโดยไม่ทันพูดอะไรสักคำ แต่พ่อจอมมุสากลับวิ่งไปตามทางลัดตัดถึงบ้านก่อนหน้าลุงจะไปถึง เขาวิ่งถลันเข้าไปในบ้าน ตะโกนลั่น

"ป้าครับป้า ลุงถูกควายขวิดที่ท้องนาแน่ะ ดูเหมือนขวิดเอาท้องทะลุเลย ไปเร็วๆเถอะครับเดี๋ยวลุงจะตายเสีย"

เขาพูดยังไม่ทันจบ ป้าก็วิ่งถลาออกจากบ้านไปแล้ว เขามองตามหลังป้าไปแล้วก็หัวเราะยิงฟันสนุกสุขใจเป็นกำลัง และเข้าไปหลบซ่อนอยู่หลังบ้าน

ป้าออกวิ่ง วิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาจะพาตัวแกไปไหว กระนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ทันใจ พอถึงหัวเลี้ยวตรงมุมถนน ป้าก็ชนโครมเข้าให้กับใครคนหนึ่ง สามีของป้านั่นเอง กำลังหอบแฮ่กๆเหงื่อโซมกาย ทั้งคู่มองดูกันอย่างตะลึงพรึงเพริดพูดไม่ออก

"ไอ้จอมโกหกนั่นอีกแล้ว" ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าโดนเล่ห์เก๊ของเจ้าหลานชายเข้าอีกแล้ว ทั้งลุงและป้าโมโหโกรธาใหญ่

"ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเสียทีที่จะยอมให้อ้ายตัวร้ายมันหลอกเรา" ลุงพูดออกมา

แล้วทั้งสองคนก็เข้าบ้าน พบพ่อจอมกะล่อนซ่อนอยู่หลังบ้าน จึงลากตัวมาใส่ลงในกรงไม้ไผ่กรงใหญ่ ปิดฝาเสียแน่นหนา

"อยู่ในนี้แหละ จนกว่าตะวันจะตกดิน" ลุงว่า "แล้วป้าของเจ้ากับข้าจะลากกรงไปโยนลงแม่น้ำ เจ้าจะได้ไม่เที่ยวพูดโกหกพกลมหลอกใครๆอีก"
ตกเย็นป้าและลุงก็หามกรงไปที่แม่น้ำ ขณะที่โยนลงในแม่น้ำ พ่อจอมกะล่อนก็ร้องออกมาว่า

"คุณลุงคุณป้าครับ ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ผมก็พร้อมแล้วที่จะก้มหน้ารับโทษ แต่ได้โปรดทำอะไรให้ผมสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเถิดครับ ผมมีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อศิลปะแห่งการพูดปด ผมแอบเก็บไว้ข้างหลังกระบุงข้าวที่ในบ้าน ขอหนังสือเล่มนั้นให้ผมก่อนเถิดครับ ผมจะได้เอาไปอ่านในนรกด้วย"

ทั้งลุงทั้งป้าต่างก็ไม่ใจร้ายที่จะปฎิเสธคำขอร้องสุดท้ายของหลานชายได้ลงคอ นอกจากนั้นลุงก็ชักอยากจะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นบอกไว้ว่ากระไรบ้าง ลุงและป้าจึงกลับบ้านไปเอาหนังสือมาให้หลานชาย ขณะที่ยอดกระล่อนคอยอยู่ในกรง ชายตาบอดคนหนึ่งก็เดินมาตามริมแม่น้ำ เด็กหนุ่มก็ตะโกนเรียก

"คุณตาบอดครับ โปรดมาทางนี้หน่อยครับ ถ้าคุณอยากให้นัยน์ตามองเห็นอีก"

ชายตาบอดได้ยินเสียงเรียกก็คลำทางมาที่กรงไม้ไผ่ เด็กหนุ่มก็บอกว่า

"เร็วๆหน่อยครับ รีบแก้เชือกที่ฝากรงก่อน แล้วผมจะบอกวิธีรักษาตาของคุณให้หายบอด"

ชายตาบอดเอามือคลำๆกรงไป จนในที่สุดก็จัดการเปิดฝาออกมาได้ ทันทีที่ฝากรงเปิด พ่อจอมกระล่อนก็กระโดดผลุงออกจากกรงวิ่งอ้าวไปเสียแล้ว เมื่อลุงกับป้ากลับมาหมายจะบอกหลานชายว่าหาหนังสือไม่พบ หลานชายก็หายไปจากกรงเสียแล้ว เห็นแต่ชายตาบอดมายืนอยู่แทนที่ คอยรับรู้ว่าจะรักษานัยน์ตาด้วยวิธีใด ทั้งสามคนโดนตุ๋นอีกครั้งหนึ่งจนได้

ยอดกระล่อนวิ่งฝ่าเข้าไปในกอไม้ไผ่กอหนาใกล้แม่น้ำนั้น ขณะที่เขาเดินเที่ยวสำรวจหาทางออกจากกอไผ่ บังเอิญไปพบหม้อเก่าๆเข้าใบหนึ่ง ในหม้อมีทองคำเต็ม โชคดีเสียนี่กระไร เขาเอาทองกลับบ้านไปให้ป้ากับลุง

น่าขอบใจมหาสมบัตินั่นแท้ๆ ครอบครัวของเขาร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว ตอนนี้ป้ากับลุงยอมรับแล้วว่า ยิ่งดุด่าหลานชายเท่าใด ก็ไม่ทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนนิสัยของเขาได้เลย ทั้งสองคนจึงคิดว่า บางทีถ้าเราหาผู้หญิงที่ดีๆ ให้แต่งงานกับมันสักคนหนึ่ง เจ้าเด็กหนุ่งนี่อาจยุติการปั้นน้ำเป็นตัว เลิกเที่ยวเตร่ไม่ทำการทำงานเสียได้กระมัง

แกจึงให้หลานชายแต่งงานกับสาวนางหนึ่งในหมู่บ้าน ดูท่าว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระยะหนึ่ง แต่สองสามเดือนต่อมาป้าและลุงเกิดตายลง พ่อจอมกระล่อนเริ่มเที่ยวโป้ปดมดเท็จหลองโกงผู้คนต่อไปเหมือนอย่างเคยอีก

วันหนึ่งเขาเข้าไปเตร็ดเตร่อยู่ในป่า ไปพบเอาลูกเสือสองสามตัวนอนอยู่บนหญ้า เนื่องจากเขาเป็นหนุ่งนิสัยเลว จึงจับลูกเสือเหล่านั้นมาหักอุ้งเท้ามันเสีย ลูกเสือพากันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด พลัน เขาก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างน่าสะพึงกลัวออกมาจากที่ใดที่หนึ่งใกล้ๆ คงเป็นแม่ของลูกเสือเหล่านั้นนั่นเอง จอมมุสาจึงรีบวิ่งไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้..........

ชั่วครู่ต่อมาเสือแม่ลูกอ่อนก็วิ่งมาหาลูก พอเห็นลูกกำลังเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะอะไร มันก็คาบลูกไปที่โคนต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่ง ซึ่งมีใบสีเขียวๆ มันทึ้งใบไม้สองสามใบจากต้นใส่ปากเคี้ยว แล้วก็คาบใบไม้ในปากออกใส่อุ้งเท้าของลูกๆ แล้วพ่อยอดกระล่อนก็อัศจรรย์ใจเหลือ ที่ภายในไม่กี่นาทีแผลของลูกเสือก็หายเป็นปลิดทิ้งเจ้าหนุ่มคอยทีอยู่จนเสือทั้งแม่ลูกไปแล้ว เขาก็ขุดต้นไม้นั้นนำมาบ้าน เอามาปลูกในสนาม ตั้งชื่อว่า ต้นไทร

นับแต่วันนั้นมา เขาเฝ้าดูแลต้นไม้อย่างระวังระไว บอกแก่ภรรยาว่า เทพเจ้าให้ต้นไม้นี้แก่เขา ใบของมันรักษาแผลได้ทุกชนิด รักษาโรคภัยได้สารพัดแม้กระทั่งช่วยคนตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาก็ยังได้ ขอให้ภรรยาของเขาคอยรักษาต้นไม้ให้สะอาดสะอ้าน

" อย่าเอาขยะมูลฝอยไปเทที่โคนต้นนะ ถ้าขืนทำต้นไม้จะเหาะหนีไปเสีย เขาพร่ำเตือนแล้วเตือนอีก

แรกๆภรรยาก็ทำตามที่สามีบอก แต่ไม่ช้านางก็ขัดใจกับสามีที่รักต้นไม้มากกว่าตัวนาง นางเบื่อที่จะฟังคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของสามีอลู่แล้วด้วย วันหนึ่งเกิดวิวาทกันขึ้นเรื่องต้นไม้ นางจึงอารมณ์เสียสุดจะยับยั้ง ตะโกนใส่เขาว่า " ข้าจะเอาขยะไปเทใส่ต้นไม้เสียเมื่อไ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
นิทานอาเซียนประเทศเวียดนามเรื่องจอมกะล่อน

กาลครั้งหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งคนพากันเรียกว่าจอมกะล่อนเขาเป็นเด็กฉลาดแต่ก็เหมือนกับชื่อของเขาที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้าคือเขาใช้ความฉลาดส่วนใหญ่ไปในการเที่ยวพูดโป้ปดมดเท็จต่างๆนานา ไม่มีผู้ใดรอดจากการเป็นเหยื่อให้เขาหลอกต้มไปได้เลยแม้แต่ป้าและลุงผู้ซึ่งเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่หลังจากพ่อแม่ของเขาตายจากไป

วันหนึ่งลุงของเขาออกไปไถนาซึ่งอยู่ห่างจากบ่านไปไม่ไกลนักส่วนป้าก็อยู่บ้านทำงานบ้านขณะที่เขาเฝ้าดูป้าทำอะไรง่วนอยู่ในครัวพ่อจอมกะล่อนก็เกิดความคิดแวบขึ้นมา เขารีบย่องออกจากบ้านวิ่งไปท้องนาที่ลุงกำลังไถอยู่

เขาตะโกนเรียกลุงเมื่อเขาวิ่งไปถึงนา "ลุงครับลุง"

"กลับบ้านเดี๋ยวนี้เร็วๆเข้าป้าตกกระไดลงมาเลือดโชกทีเดียวผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี"

ลุงเผ่นผลุงกลับบ้านทันทีโดยไม่ทันพูดอะไรสักคำแต่พ่อจอมมุสากลับวิ่งไปตามทางลัดตัดถึงบ้านก่อนหน้าลุงจะไปถึงเขาวิ่งถลันเข้าไปในบ้านตะโกนลั่น

"ป้าครับป้าลุงถูกควายขวิดที่ท้องนาแน่ะดูเหมือนขวิดเอาท้องทะลุเลยไปเร็วๆเถอะครับเดี๋ยวลุงจะตายเสีย"

เขาพูดยังไม่ทันจบป้าก็วิ่งถลาออกจากบ้านไปแล้วเขามองตามหลังป้าไปแล้วก็หัวเราะยิงฟันสนุกสุขใจเป็นกำลังและเข้าไปหลบซ่อนอยู่หลังบ้าน

ป้าออกวิ่งวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาจะพาตัวแกไปไหวกระนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ทันใจพอถึงหัวเลี้ยวตรงมุมถนนป้าก็ชนโครมเข้าให้กับใครคนหนึ่งสามีของป้านั่นเองกำลังหอบแฮ่กๆเหงื่อโซมกาย
"ไอ้จอมโกหกนั่นอีกแล้ว" ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าโดนเล่ห์เก๊ของเจ้าหลานชายเข้าอีกแล้วทั้งลุงและป้าโมโหโกรธาใหญ่

"ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเสียทีที่จะยอมให้อ้ายตัวร้ายมันหลอกเรา" ลุงพูดออกมา

แล้วทั้งสองคนก็เข้าบ้านพบพ่อจอมกะล่อนซ่อนอยู่หลังบ้านจึงลากตัวมาใส่ลงในกรงไม้ไผ่กรงใหญ่ปิดฝาเสียแน่นหนา

"อยู่ในนี้แหละจนกว่าตะวันจะตกดิน" ลุงว่า "แล้วป้าของเจ้ากับข้าจะลากกรงไปโยนลงแม่น้ำเจ้าจะได้ไม่เที่ยวพูดโกหกพกลมหลอกใครๆอีก"
ตกเย็นป้าและลุงก็หามกรงไปที่แม่น้ำขณะที่โยนลงในแม่น้ำพ่อจอมกะล่อนก็ร้องออกมาว่า

"คุณลุงคุณป้าครับผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วผมก็พร้อมแล้วที่จะก้มหน้ารับโทษแต่ได้โปรดทำอะไรให้ผมสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเถิดครับผมมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อศิลปะแห่งการพูดปด ขอหนังสือเล่มนั้นให้ผมก่อนเถิดครับผมจะได้เอาไปอ่านในนรกด้วย"

ทั้งลุงทั้งป้าต่างก็ไม่ใจร้ายที่จะปฎิเสธคำขอร้องสุดท้ายของหลานชายได้ลงคอนอกจากนั้นลุงก็ชักอยากจะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นบอกไว้ว่ากระไรบ้างลุงและป้าจึงกลับบ้านไปเอาหนังสือมาให้หลานชาย ชายตาบอดคนหนึ่งก็เดินมาตามริมแม่น้ำเด็กหนุ่มก็ตะโกนเรียก

"คุณตาบอดครับโปรดมาทางนี้หน่อยครับถ้าคุณอยากให้นัยน์ตามองเห็นอีก"

ชายตาบอดได้ยินเสียงเรียกก็คลำทางมาที่กรงไม้ไผ่เด็กหนุ่มก็บอกว่า

"เร็วๆหน่อยครับรีบแก้เชือกที่ฝากรงก่อนแล้วผมจะบอกวิธีรักษาตาของคุณให้หายบอด"

ชายตาบอดเอามือคลำๆกรงไปจนในที่สุดก็จัดการเปิดฝาออกมาได้ทันทีที่ฝากรงเปิดพ่อจอมกระล่อนก็กระโดดผลุงออกจากกรงวิ่งอ้าวไปเสียแล้วเมื่อลุงกับป้ากลับมาหมายจะบอกหลานชายว่าหาหนังสือไม่พบ เห็นแต่ชายตาบอดมายืนอยู่แทนที่คอยรับรู้ว่าจะรักษานัยน์ตาด้วยวิธีใดทั้งสามคนโดนตุ๋นอีกครั้งหนึ่งจนได้

ยอดกระล่อนวิ่งฝ่าเข้าไปในกอไม้ไผ่กอหนาใกล้แม่น้ำนั้นขณะที่เขาเดินเที่ยวสำรวจหาทางออกจากกอไผ่บังเอิญไปพบหม้อเก่าๆเข้าใบหนึ่งในหม้อมีทองคำเต็มโชคดีเสียนี่กระไรเขาเอาทองกลับบ้านไปให้ป้ากับลุง

น่าขอบใจมหาสมบัตินั่นแท้ ๆ ครอบครัวของเขาร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีไปแล้วตอนนี้ป้ากับลุงยอมรับแล้วว่ายิ่งดุด่าหลานชายเท่าใดก็ไม่ทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนนิสัยของเขาได้เลยทั้งสองคนจึงคิดว่า ให้แต่งงานกับมันสักคนหนึ่งเจ้าเด็กหนุ่งนี่อาจยุติการปั้นน้ำเป็นตัวเลิกเที่ยวเตร่ไม่ทำการทำงานเสียได้กระมัง

แกจึงให้หลานชายแต่งงานกับสาวนางหนึ่งในหมู่บ้านดูท่าว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระยะหนึ่งแต่สองสามเดือนต่อมาป้าและลุงเกิดตายลง
วันหนึ่งเขาเข้าไปเตร็ดเตร่อยู่ในป่าไปพบเอาลูกเสือสองสามตัวนอนอยู่บนหญ้าเนื่องจากเขาเป็นหนุ่งนิสัยเลวจึงจับลูกเสือเหล่านั้นมาหักอุ้งเท้ามันเสียลูกเสือพากันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดพลัน คงเป็นแม่ของลูกเสือเหล่านั้นนั่นเองจอมมุสาจึงรีบวิ่งไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้.........

ชั่วครู่ต่อมาเสือแม่ลูกอ่อนก็วิ่งมาหาลูกพอเห็นลูกกำลังเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะอะไรมันก็คาบลูกไปที่โคนต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่งซึ่งมีใบสีเขียว ๆ มันทึ้งใบไม้สองสามใบจากต้นใส่ปากเคี้ยว แล้วพ่อยอดกระล่อนก็อัศจรรย์ใจเหลือที่ภายในไม่กี่นาทีแผลของลูกเสือก็หายเป็นปลิดทิ้งเจ้าหนุ่มคอยทีอยู่จนเสือทั้งแม่ลูกไปแล้วเขาก็ขุดต้นไม้นั้นนำมาบ้านเอามาปลูกในสนามตั้งชื่อว่าต้นไทร

นับแต่วันนั้นมาเขาเฝ้าดูแลต้นไม้อย่างระวังระไวบอกแก่ภรรยาว่าเทพเจ้าให้ต้นไม้นี้แก่เขาใบของมันรักษาแผลได้ทุกชนิดรักษาโรคภัยได้สารพัดแม้กระทั่งช่วยคนตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาก็ยังได้
"อย่าเอาขยะมูลฝอยไปเทที่โคนต้นนะถ้าขืนทำต้นไม้จะเหาะหนีไปเสียเขาพร่ำเตือนแล้วเตือนอีก

แรกๆภรรยาก็ทำตามที่สามีบอกแต่ไม่ช้านางก็ขัดใจกับสามีที่รักต้นไม้มากกว่าตัวนางนางเบื่อที่จะฟังคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของสามีอลู่แล้วด้วยวันหนึ่งเกิดวิวาทกันขึ้นเรื่องต้นไม้ ตะโกนใส่เขาว่า "ข้าจะเอาขยะไปเทใส่ต้นไม้เสียเมื่อไ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
นิทานอาเซียน ประเทศเวียดนาม เรื่อง จอมกะล่อน

กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คนพากันเรียกว่า จอมกะล่อน เขาเป็นเด็กฉลาด แต่ก็เหมือนกับชื่อของเขาที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า คือ เขาใช้ความฉลาดส่วนใหญ่ไปในการเที่ยวพูดโป้ปดมดเท็จต่างๆนานา เขาสนุกสนานกับการหลอกคนอื่นได้รอบบ้าน ไม่มีผู้ใดรอดจากการเป็นเหยื่อให้เขาหลอกต้มไปได้เลย แม้แต่ป้าและลุงผู้ซึ่งเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่หลังจากพ่อแม่ของเขาตายจากไป

วันหนึ่งลุงของเขาออกไปไถนา ซึ่งอยู่ห่างจากบ่านไปไม่ไกลนัก ส่วนป้าก็อยู่บ้านทำงานบ้าน ขณะที่เขาเฝ้าดูป้าทำอะไรง่วนอยู่ในครัว พ่อจอมกะล่อนก็เกิดความคิดแวบขึ้นมา นึกกลวิธีที่จะล้อป้าและลุงของตนออกมาได้อย่างหนึ่ง เขารีบย่องออกจากบ้านวิ่งไปท้องนาที่ลุงกำลังไถอยู่

"ลุงครับ ลุง" เขาตะโกนเรียกลุงเมื่อเขาวิ่งไปถึงนา

"กลับบ้านเดี๋ยวนี้เร็วๆเข้า ป้าตกกระไดลงมา เลือดโชกทีเดียว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี"

ลุงเผ่นผลุงกลับบ้านทันทีโดยไม่ทันพูดอะไรสักคำ แต่พ่อจอมมุสากลับวิ่งไปตามทางลัดตัดถึงบ้านก่อนหน้าลุงจะไปถึง เขาวิ่งถลันเข้าไปในบ้าน ตะโกนลั่น

"ป้าครับป้า ลุงถูกควายขวิดที่ท้องนาแน่ะ ดูเหมือนขวิดเอาท้องทะลุเลย ไปเร็วๆเถอะครับเดี๋ยวลุงจะตายเสีย"

เขาพูดยังไม่ทันจบ ป้าก็วิ่งถลาออกจากบ้านไปแล้ว เขามองตามหลังป้าไปแล้วก็หัวเราะยิงฟันสนุกสุขใจเป็นกำลัง และเข้าไปหลบซ่อนอยู่หลังบ้าน

ป้าออกวิ่ง วิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาจะพาตัวแกไปไหว กระนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ทันใจ พอถึงหัวเลี้ยวตรงมุมถนน ป้าก็ชนโครมเข้าให้กับใครคนหนึ่ง สามีของป้านั่นเอง กำลังหอบแฮ่กๆเหงื่อโซมกาย ทั้งคู่มองดูกันอย่างตะลึงพรึงเพริดพูดไม่ออก

"ไอ้จอมโกหกนั่นอีกแล้ว" ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าโดนเล่ห์เก๊ของเจ้าหลานชายเข้าอีกแล้ว ทั้งลุงและป้าโมโหโกรธาใหญ่

"ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเสียทีที่จะยอมให้อ้ายตัวร้ายมันหลอกเรา" ลุงพูดออกมา

แล้วทั้งสองคนก็เข้าบ้าน พบพ่อจอมกะล่อนซ่อนอยู่หลังบ้าน จึงลากตัวมาใส่ลงในกรงไม้ไผ่กรงใหญ่ ปิดฝาเสียแน่นหนา

"อยู่ในนี้แหละ จนกว่าตะวันจะตกดิน" ลุงว่า "แล้วป้าของเจ้ากับข้าจะลากกรงไปโยนลงแม่น้ำ เจ้าจะได้ไม่เที่ยวพูดโกหกพกลมหลอกใครๆอีก"
ตกเย็นป้าและลุงก็หามกรงไปที่แม่น้ำ ขณะที่โยนลงในแม่น้ำ พ่อจอมกะล่อนก็ร้องออกมาว่า

"คุณลุงคุณป้าครับ ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ผมก็พร้อมแล้วที่จะก้มหน้ารับโทษ แต่ได้โปรดทำอะไรให้ผมสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเถิดครับ ผมมีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อศิลปะแห่งการพูดปด ผมแอบเก็บไว้ข้างหลังกระบุงข้าวที่ในบ้าน ขอหนังสือเล่มนั้นให้ผมก่อนเถิดครับ ผมจะได้เอาไปอ่านในนรกด้วย"

ทั้งลุงทั้งป้าต่างก็ไม่ใจร้ายที่จะปฎิเสธคำขอร้องสุดท้ายของหลานชายได้ลงคอ นอกจากนั้นลุงก็ชักอยากจะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นบอกไว้ว่ากระไรบ้าง ลุงและป้าจึงกลับบ้านไปเอาหนังสือมาให้หลานชาย ขณะที่ยอดกระล่อนคอยอยู่ในกรง ชายตาบอดคนหนึ่งก็เดินมาตามริมแม่น้ำ เด็กหนุ่มก็ตะโกนเรียก

"คุณตาบอดครับ โปรดมาทางนี้หน่อยครับ ถ้าคุณอยากให้นัยน์ตามองเห็นอีก"

ชายตาบอดได้ยินเสียงเรียกก็คลำทางมาที่กรงไม้ไผ่ เด็กหนุ่มก็บอกว่า

"เร็วๆหน่อยครับ รีบแก้เชือกที่ฝากรงก่อน แล้วผมจะบอกวิธีรักษาตาของคุณให้หายบอด"

ชายตาบอดเอามือคลำๆกรงไป จนในที่สุดก็จัดการเปิดฝาออกมาได้ ทันทีที่ฝากรงเปิด พ่อจอมกระล่อนก็กระโดดผลุงออกจากกรงวิ่งอ้าวไปเสียแล้ว เมื่อลุงกับป้ากลับมาหมายจะบอกหลานชายว่าหาหนังสือไม่พบ หลานชายก็หายไปจากกรงเสียแล้ว เห็นแต่ชายตาบอดมายืนอยู่แทนที่ คอยรับรู้ว่าจะรักษานัยน์ตาด้วยวิธีใด ทั้งสามคนโดนตุ๋นอีกครั้งหนึ่งจนได้

ยอดกระล่อนวิ่งฝ่าเข้าไปในกอไม้ไผ่กอหนาใกล้แม่น้ำนั้น ขณะที่เขาเดินเที่ยวสำรวจหาทางออกจากกอไผ่ บังเอิญไปพบหม้อเก่าๆเข้าใบหนึ่ง ในหม้อมีทองคำเต็ม โชคดีเสียนี่กระไร เขาเอาทองกลับบ้านไปให้ป้ากับลุง

น่าขอบใจมหาสมบัตินั่นแท้ๆ ครอบครัวของเขาร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว ตอนนี้ป้ากับลุงยอมรับแล้วว่า ยิ่งดุด่าหลานชายเท่าใด ก็ไม่ทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนนิสัยของเขาได้เลย ทั้งสองคนจึงคิดว่า บางทีถ้าเราหาผู้หญิงที่ดีๆ ให้แต่งงานกับมันสักคนหนึ่ง เจ้าเด็กหนุ่งนี่อาจยุติการปั้นน้ำเป็นตัว เลิกเที่ยวเตร่ไม่ทำการทำงานเสียได้กระมัง

แกจึงให้หลานชายแต่งงานกับสาวนางหนึ่งในหมู่บ้าน ดูท่าว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระยะหนึ่ง แต่สองสามเดือนต่อมาป้าและลุงเกิดตายลง พ่อจอมกระล่อนเริ่มเที่ยวโป้ปดมดเท็จหลองโกงผู้คนต่อไปเหมือนอย่างเคยอีก

วันหนึ่งเขาเข้าไปเตร็ดเตร่อยู่ในป่า ไปพบเอาลูกเสือสองสามตัวนอนอยู่บนหญ้า เนื่องจากเขาเป็นหนุ่งนิสัยเลว จึงจับลูกเสือเหล่านั้นมาหักอุ้งเท้ามันเสีย ลูกเสือพากันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด พลัน เขาก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างน่าสะพึงกลัวออกมาจากที่ใดที่หนึ่งใกล้ๆ คงเป็นแม่ของลูกเสือเหล่านั้นนั่นเอง จอมมุสาจึงรีบวิ่งไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้..........

ชั่วครู่ต่อมาเสือแม่ลูกอ่อนก็วิ่งมาหาลูก พอเห็นลูกกำลังเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะอะไร มันก็คาบลูกไปที่โคนต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่ง ซึ่งมีใบสีเขียวๆ มันทึ้งใบไม้สองสามใบจากต้นใส่ปากเคี้ยว แล้วก็คาบใบไม้ในปากออกใส่อุ้งเท้าของลูกๆ แล้วพ่อยอดกระล่อนก็อัศจรรย์ใจเหลือ ที่ภายในไม่กี่นาทีแผลของลูกเสือก็หายเป็นปลิดทิ้งเจ้าหนุ่มคอยทีอยู่จนเสือทั้งแม่ลูกไปแล้ว เขาก็ขุดต้นไม้นั้นนำมาบ้าน เอามาปลูกในสนาม ตั้งชื่อว่า ต้นไทร

นับแต่วันนั้นมา เขาเฝ้าดูแลต้นไม้อย่างระวังระไว บอกแก่ภรรยาว่า เทพเจ้าให้ต้นไม้นี้แก่เขา ใบของมันรักษาแผลได้ทุกชนิด รักษาโรคภัยได้สารพัดแม้กระทั่งช่วยคนตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาก็ยังได้ ขอให้ภรรยาของเขาคอยรักษาต้นไม้ให้สะอาดสะอ้าน

" อย่าเอาขยะมูลฝอยไปเทที่โคนต้นนะ ถ้าขืนทำต้นไม้จะเหาะหนีไปเสีย เขาพร่ำเตือนแล้วเตือนอีก

แรกๆภรรยาก็ทำตามที่สามีบอก แต่ไม่ช้านางก็ขัดใจกับสามีที่รักต้นไม้มากกว่าตัวนาง นางเบื่อที่จะฟังคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของสามีอลู่แล้วด้วย วันหนึ่งเกิดวิวาทกันขึ้นเรื่องต้นไม้ นางจึงอารมณ์เสียสุดจะยับยั้ง ตะโกนใส่เขาว่า " ข้าจะเอาขยะไปเทใส่ต้นไม้เสียเมื่อไ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
นิทานอาเซียนประเทศเวียดนามเรื่องจอมกะล่อน

กาลครั้งหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งคนพากันเรียกว่าจอมกะล่อนเขาเป็นเด็กฉลาดแต่ก็เหมือนกับชื่อของเขาที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้าความเขาใช้ความฉลาดส่วนใหญ่ไปในการเที่ยวพูดโป้ปดมดเท็จต่างๆนานาไม่มีผู้ใดรอดจากการเป็นเหยื่อให้เขาหลอกต้มไปได้เลยแม้แต่ป้าและลุงผู้ซึ่งเลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่หลังจากพ่อแม่ของเขาตายจากไป

วันหนึ่งลุงของเขาออกไปไถนาซึ่งอยู่ห่างจากบ่านไปไม่ไกลนักส่วนป้าก็อยู่บ้านทำงานบ้านขณะที่เขาเฝ้าดูป้าทำอะไรง่วนอยู่ในครัวพ่อจอมกะล่อนก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาเขารีบย่องออกจากบ้านวิ่งไปท้องนาที่ลุงกำลังไถอยู่

" ลุงครับลุง " เขาตะโกนเรียกลุงเมื่อเขาวิ่งไปถึงนา

" กลับบ้านเดี๋ยวนี้เร็วๆเข้าป้าตกกระไดลงมาเลือดโชกทีเดียวผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี "

ลุงเผ่นผลุงกลับบ้านทันทีโดยไม่ทันพูดอะไรสักคำแต่พ่อจอมมุสากลับวิ่งไปตามทางลัดตัดถึงบ้านก่อนหน้าลุงจะไปถึงเขาวิ่งถลันเข้าไปในบ้านตะโกนลั่น

" ป้าครับป้าลุงถูกควายขวิดที่ท้องนาแน่ะดูเหมือนขวิดเอาท้องทะลุเลยไปเร็วๆเถอะครับเดี๋ยวลุงจะตายเสีย "

เขาพูดยังไม่ทันจบป้าก็วิ่งถลาออกจากบ้านไปแล้วเขามองตามหลังป้าไปแล้วก็หัวเราะยิงฟันสนุกสุขใจเป็นกำลังและเข้าไปหลบซ่อนอยู่หลังบ้าน

ป้าออกวิ่งวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาจะพาตัวแกไปไหวกระนั้นก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ทันใจพอถึงหัวเลี้ยวตรงมุมถนนป้าก็ชนโครมเข้าให้กับใครคนหนึ่งสามีของป้านั่นเองกำลังหอบแฮ่กๆเหงื่อโซมกาย
" ไอ้จอมโกหกนั่นอีกแล้ว " ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าโดนเล่ห์เก๊ของเจ้าหลานชายเข้าอีกแล้วทั้งลุงและป้าโมโหโกรธาใหญ่

" ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเสียทีที่จะยอมให้อ้ายตัวร้ายมันหลอกเรา " ลุงพูดออกมา

แล้วทั้งสองคนก็เข้าบ้านพบพ่อจอมกะล่อนซ่อนอยู่หลังบ้านจึงลากตัวมาใส่ลงในกรงไม้ไผ่กรงใหญ่ปิดฝาเสียแน่นหนา

" อยู่ในนี้แหละจนกว่าตะวันจะตกดินลุงว่า " แล้วป้าของเจ้ากับข้าจะลากกรงไปโยนลงแม่น้ำเจ้าจะได้ไม่เที่ยวพูดโกหกพกลมหลอกใครๆอีก "
"ตกเย็นป้าและลุงก็หามกรงไปที่แม่น้ำขณะที่โยนลงในแม่น้ำพ่อจอมกะล่อนก็ร้องออกมาว่า

" คุณลุงคุณป้าครับผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วผมก็พร้อมแล้วที่จะก้มหน้ารับโทษแต่ได้โปรดทำอะไรให้ผมสักอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเถิดครับผมมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อศิลปะแห่งการพูดปด"
ขอหนังสือเล่มนั้นให้ผมก่อนเถิดครับผมจะได้เอาไปอ่านในนรกด้วย
ทั้งลุงทั้งป้าต่างก็ไม่ใจร้ายที่จะปฎิเสธคำขอร้องสุดท้ายของหลานชายได้ลงคอนอกจากนั้นลุงก็ชักอยากจะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นบอกไว้ว่ากระไรบ้างลุงและป้าจึงกลับบ้านไปเอาหนังสือมาให้หลานชายชายตาบอดคนหนึ่งก็เดินมาตามริมแม่น้ำเด็กหนุ่มก็ตะโกนเรียก

" คุณตาบอดครับโปรดมาทางนี้หน่อยครับถ้าคุณอยากให้นัยน์ตามองเห็นอีก "



ชายตาบอดได้ยินเสียงเรียกก็คลำทางมาที่กรงไม้ไผ่เด็กหนุ่มก็บอกว่า" เร็วๆหน่อยครับรีบแก้เชือกที่ฝากรงก่อนแล้วผมจะบอกวิธีรักษาตาของคุณให้หายบอด "

ชายตาบอดเอามือคลำๆกรงไปจนในที่สุดก็จัดการเปิดฝาออกมาได้ทันทีที่ฝากรงเปิดพ่อจอมกระล่อนก็กระโดดผลุงออกจากกรงวิ่งอ้าวไปเสียแล้วเมื่อลุงกับป้ากลับมาหมายจะบอกหลานชายว่าหาหนังสือไม่พบเห็นแต่ชายตาบอดมายืนอยู่แทนที่คอยรับรู้ว่าจะรักษานัยน์ตาด้วยวิธีใดทั้งสามคนโดนตุ๋นอีกครั้งหนึ่งจนได้

ยอดกระล่อนวิ่งฝ่าเข้าไปในกอไม้ไผ่กอหนาใกล้แม่น้ำนั้นขณะที่เขาเดินเที่ยวสำรวจหาทางออกจากกอไผ่บังเอิญไปพบหม้อเก่าๆเข้าใบหนึ่งในหม้อมีทองคำเต็มโชคดีเสียนี่กระไรเขาเอาทองกลับบ้านไปให้ป้ากับลุง

น่าขอบใจมหาสมบัตินั่นแท้ๆครอบครัวของเขาร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีไปแล้วตอนนี้ป้ากับลุงยอมรับแล้วว่ายิ่งดุด่าหลานชายเท่าใดก็ไม่ทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนนิสัยของเขาได้เลยทั้งสองคนจึงคิดว่าให้แต่งงานกับมันสักคนหนึ่งเจ้าเด็กหนุ่งนี่อาจยุติการปั้นน้ำเป็นตัวเลิกเที่ยวเตร่ไม่ทำการทำงานเสียได้กระมัง

แกจึงให้หลานชายแต่งงานกับสาวนางหนึ่งในหมู่บ้านดูท่าว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาไปได้ระยะหนึ่งแต่สองสามเดือนต่อมาป้าและลุงเกิดตายลง
วันหนึ่งเขาเข้าไปเตร็ดเตร่อยู่ในป่าไปพบเอาลูกเสือสองสามตัวนอนอยู่บนหญ้าเนื่องจากเขาเป็นหนุ่งนิสัยเลวจึงจับลูกเสือเหล่านั้นมาหักอุ้งเท้ามันเสียลูกเสือพากันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดพลันคงเป็นแม่ของลูกเสือเหล่านั้นนั่นเองจอมมุสาจึงรีบวิ่งไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ .

. . .ชั่วครู่ต่อมาเสือแม่ลูกอ่อนก็วิ่งมาหาลูกพอเห็นลูกกำลังเจ็บปวดทุรนทุรายเพราะอะไรมันก็คาบลูกไปที่โคนต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่งซึ่งมีใบสีเขียวๆมันทึ้งใบไม้สองสามใบจากต้นใส่ปากเคี้ยวแล้วพ่อยอดกระล่อนก็อัศจรรย์ใจเหลือที่ภายในไม่กี่นาทีแผลของลูกเสือก็หายเป็นปลิดทิ้งเจ้าหนุ่มคอยทีอยู่จนเสือทั้งแม่ลูกไปแล้วเขาก็ขุดต้นไม้นั้นนำมาบ้านเอามาปลูกในสนามตั้งชื่อว่าต้นไทร

นับแต่วันนั้นมาเขาเฝ้าดูแลต้นไม้อย่างระวังระไวบอกแก่ภรรยาว่าเทพเจ้าให้ต้นไม้นี้แก่เขาใบของมันรักษาแผลได้ทุกชนิดรักษาโรคภัยได้สารพัดแม้กระทั่งช่วยคนตายแล้วให้ฟื้นขึ้นมาก็ยังได้
" อย่าเอาขยะมูลฝอยไปเทที่โคนต้นนะถ้าขืนทำต้นไม้จะเหาะหนีไปเสียเขาพร่ำเตือนแล้วเตือนอีก

แรกๆภรรยาก็ทำตามที่สามีบอกแต่ไม่ช้านางก็ขัดใจกับสามีที่รักต้นไม้มากกว่าตัวนางนางเบื่อที่จะฟังคำเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของสามีอลู่แล้วด้วยวันหนึ่งเกิดวิวาทกันขึ้นเรื่องต้นไม้ตะโกนใส่เขาว่า " ข้าจะเอาขยะไปเทใส่ต้นไม้เสียเมื่อไ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: