Cohesiveness of the Group Affects P

Cohesiveness of the Group Affects Productivity
If members spend their time strictly on business—the surface agenda—and ignore interpersonal relationships and hidden agendas, misunderstandings can increase. Communication may be severely limited, subjects to be discussed are highly controlled, and members rely on the "grapevine" and other informal systems to meet their personal needs. In this situation, each individual does his or her job but steadfastly remains uninvolved with other members as people.
On the other hand, if members spend a great deal of the, work time getting acquainted, building personal relationships, and developing increased listening skills and influence on each other, there may be high personal satisfaction, at least for some, but no time or energy invested in the task. High personal involvement may mean high morale but little effort on task activity and, consequently, low productivity. The dilemma of whether to sacrifice productivity or member relations is ever present.
However, there is evidence (Thelen, 1954) that if the group spends more time initially on the interpersonal relationships, there will be greater long-run efficiency. If, during the initial phases of the group, members talk to each other, discuss their personal goals, and get to know each other, they build a common frame of reference, a step toward problem solving.
Elias, Johnson, and Fonman, (1989) found that when group members disclosed information about themselves, they later reported a significantly higher "group cohesiveness, commitment to task, and productivity." Furthermore, these researchers suggest that the function of self-disclosure may be to evoke cooperative behavior in task-oriented groups for resolving problems, reducing stressful conflicts, and enhancing positive communication among individuals.
Consider the following example:
An affluent community WaS having difficulty coping with drug problems among its youth. To develop strategies, the pastor of the leading church invited heads of six organizations concerned with youth to meet with him: the head of youth services in the township, the head of the juvenile division
of the police force, the executive director of the YMCA, the principal of an elementary school, the principal of a high school, and the executive director of a rehabilitation center. All agreed to serve, but none was really I clear about how to proceed, how they should organize, and what they could do to reduce the influence of drugs on young people. Two of the seven members knew each other. The others had met at various public functions but had, at best, a nodding acquaintance. Although each was committed to the goal, all were busy and could commit only two hours per month to this group. Even deciding on a meeting time agreeable to all had been a major accomplishment. Although members were willing and committed, they were frustrated by the first two meetings and questioned why they had agreed to serve. Very, very little was happening.
Because the meetings occurred from 8:00 to 10:00 A.m. (to reduce the amount of time taken from work), the group decided to meet at 7:00, have breakfast together, and then proceed. That should have produced horror at getting up and to a central location at such an early hour. Instead, the group, in its first enthusiastic decision, agreed.
The effectiveness of the committee markedly changed after that first breakfast meeting. While eating their eggs, the members socialized and developed a knowledge of one another that greatly enhanced their ability to make decisions on how they would proceed with their task. Members came to like each other in the process and became committed to becoming a "terrific" task force. One member jokingly said that he enjoys the breakfast meetings so much that he eats breakfast at the restaurant every Thursday morning so that he won't miss the meetings (the group met the second Thursday of the month).
Members learn over time that some issues are to be avoided whereas others can be readily discussed. They learn which subjects are special favorites of particular members and in what areas members agree. Members develop a clearer view of their roles and where they fit into the group.
Frequently, more cohesive groups are more productive than less cohesive groups (Norris and Niebuhr, 1980). The more attractive the group is to members, the more membership is valued, and the more members can influence each other. There seems to be a general circular relationship between group solidarity and efficiency. Group solidarity, satisfaction, quality of interaction, and goal attainment have all been shown to be positively correlated (Wheeless, Wheeless, and Dickson-Markman, 1982). As members work together and come to see one another as competent, they are drawn even closer together, and this relationship increases the likelihood of successful performance.
However, increased cohesiveness does not always mean increased productivity. Increased cohesiveness means that members are able to influence one another more. If they decide to use this influence for increased productivity, they could be very effective. However, low productivity may have several related causes within
a group or organization, in which case simply increasing the cohesiveness of the group will not solve the productivity problem.
When groups seem bogged down in movement on their goals, one way of understanding the difficulty is to examine the relationships between time spent on task and time spent on interpersonal relations (task and maintenance behaviors). Or, to put it differently, study the relationship between effectiveness and efficiency.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Cohesiveness ของกลุ่มมีผลกระทบต่อผลผลิต ถ้าสมาชิกใช้เวลาอย่างเคร่งครัดในธุรกิจ — วาระผิว — และละเว้นมนุษยสัมพันธ์และวาระที่ซ่อนอยู่ สามารถเพิ่มการเกิดความเข้าใจผิด การสื่อสารอาจถูกจำกัดอย่างรุนแรง เรื่องหารือเรื่องสูงควบคุม และสมาชิกพึ่ง "grapevine" และระบบอื่น ๆ เป็นการตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล ในกรณีนี้ แต่ละคนไม่งาน แต่ steadfastly ยังคง uninvolved กับสมาชิกคนอื่น ๆ เป็นคน ในทางกลับกัน ถ้าสมาชิกใช้ดีแจกของ เวลาทำงานการทำความคุ้นเคย สร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และการพัฒนาทักษะการฟังมากขึ้นและอิทธิพลที่มีต่อกัน อาจมีความพอใจส่วนบุคคลสูง น้อยสำหรับบางคน แต่ไม่มีเวลาหรือพลังงานที่ลงทุนในงาน มีส่วนร่วมส่วนบุคคลสูงอาจหมายถึง ขวัญกำลังใจสูงแต่ความพยายามเพียงเล็กน้อยในกิจกรรมงาน และ จึง ต่ำผลผลิต ลำบากใจว่าจะเสียสละความสัมพันธ์ของผลผลิตหรือสมาชิกจะคงอยู่ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐาน (Thelen, 1954) ว่า ถ้าได้ใช้ครั้งแรกในมนุษยสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพการทำงานระยะยาวมากกว่า ถ้า ในระยะแรกของกลุ่ม สมาชิกคุยกัน หารือเกี่ยวกับเป้าหมายส่วนบุคคล รู้จักกัน พวกเขาสร้างกรอบของบริษัท ขั้นตอนการแก้ปัญหา เอเลีย Johnson และ Fonman, (1989) พบว่า เมื่อสมาชิกของกลุ่มการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง พวกเขาภายหลังรายงานตัวอย่างมีนัยสำคัญ "กลุ่ม cohesiveness ภารกิจ และผลผลิต" นอกจากนี้ นักวิจัยเหล่านี้แนะนำว่า การทำงานของตนเองเปิดเผยอาจให้ เรามอบให้ลักษณะการทำงานแบบมีส่วนร่วมในกลุ่มงานที่มุ่งเน้น การแก้ไขปัญหา การลดความขัดแย้งเครียด เพิ่มบวกการสื่อสารระหว่างบุคคลพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้: ชุมชนแต่ละตัวมีความยากลำบากในการเผชิญกับปัญหายาเสพติดของเยาวชน การพัฒนากลยุทธ์ ศิษยาภิบาลของคริสตจักรชั้นนำเชิญหัวหกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนกับเขา: หัวหน้าบริการเยาวชนในเมือง หัวหน้าฝ่ายเยาวชนบังคับให้ตำรวจ กรรมการบริหารวายเอ็มซีเอ หลักของการประถมศึกษา ครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยม และกรรมการบริหารของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งหมดตกลงที่จะให้บริการ แต่ไม่มีจริง ๆ ฉันชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ วิธีควรจัดระเบียบ และสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อลดอิทธิพลของยาเสพติดในเยาวชน สองสมาชิกเจ็ดรู้กัน อื่น ๆ ได้ตามที่สาธารณะฟังก์ชันต่าง ๆ แต่ มี ที่สุด ความใกล้ชิดกับ nodding แม้ว่าแต่ละถูกส่งไปเป้าหมาย ทั้งหมดไป และสามารถกระทำเพียงสองชั่วโมงต่อเดือนกลุ่มนี้ Deciding แม้ในเวลาประชุมเห็นด้วยกับทั้งหมดได้ความสำเร็จที่สำคัญ ถึงแม้ว่าสมาชิกมีความมุ่งมั่น และเต็มใจ พวกเขาถูกความผิดหวังจากการประชุมสอง และสอบสวนเหตุพวกเขาได้ตกลงให้บริการ มาก มากน้อยเกิดขึ้น เนื่องจากการประชุมเกิดขึ้นจาก 8:00 10:00 น. (เพื่อลดเวลาที่ใช้งาน), กลุ่มการตัดสินใจที่จะตอบสนองเวลา 7:00 รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน และดำเนินการ ที่ควรผลิตสยองขวัญที่ได้รับขึ้น และสะดวกในชั่วโมงดังกล่าวก่อนการ แทน กลุ่ม ตัดสินใจกระตือรือร้นแรก ตกลง ประสิทธิภาพของคณะกรรมการอย่างเด่นชัดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ประชุมเช้าแรก ในขณะที่กินไข่ สมาชิก socialized และพัฒนาความรู้ด้านอื่นที่เพิ่มความสามารถในการทำการตัดสินใจเกี่ยวกับว่าพวกเขาจะดำเนินการงานของพวกเขา สมาชิกมาชอบกันในกระบวนการ และเป็นความมุ่งมั่นที่จะเป็น แรงงาน "ยอดเยี่ยม" สมาชิกหนึ่งได้กล่าวว่า เขาชอบมากที่เขากินอาหารเช้าที่ร้านอาหารเช้าทุกวันพฤหัสบดีเพื่อว่าเขาจะไม่พลาดการประชุมประชุมเช้าเล่น (กลุ่มตรงกับวันพฤหัสบดีที่สองของเดือน) สมาชิกเรียนรู้เวลาที่จะหลีกเลี่ยงในขณะที่คนอื่นสามารถจะพร้อมอภิปรายบางประเด็น พวกเขาเรียนรู้เรื่องใดเป็นรายการโปรดพิเศษเฉพาะสมาชิก และในพื้นที่สมาชิกใดยอมรับ สมาชิกพัฒนามุมมองที่ชัดเจนของบทบาทของพวกเขาและการที่พวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่ม บ่อย กลุ่มเหนียวมากจะมีประสิทธิผลมากขึ้นกว่ากลุ่มควบน้อย (นอร์ริสและ Niebuhr, 1980) น่าสนใจมากขึ้นกลุ่มสมาชิก สมาชิกเพิ่มเติมคือบริษัท และสมาชิกอื่น ๆ สามารถมีอิทธิพลต่อกัน มีน่าจะ เป็นความสัมพันธ์แบบวงกลมทั่วไประหว่างกลุ่มเอกภาพและประสิทธิภาพ กลุ่มเอกภาพ ความพึงพอใจ คุณภาพของการโต้ตอบ และเป้าหมายโดยมีทั้งหมดถูกแสดง correlated บวก (Wheeless, Wheeless และดิ๊กสัน-Markman, 1982) สมาชิกทำงานร่วมกัน และมาดูกันเป็นอำนาจ พวกเขาจะวาดยิ่งกัน และความสัมพันธ์นี้เพิ่มโอกาสสำเร็จผล อย่างไรก็ตาม cohesiveness เพิ่มไม่เสมอหมายความว่า ผลผลิตเพิ่มขึ้น Cohesiveness เพิ่มขึ้นหมายความ ว่า สมาชิกจะสามารถมีอิทธิพลต่อกันมากกว่า ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะใช้อิทธิพลนี้สำหรับผลผลิตที่เพิ่มขึ้น พวกเขาอาจมีประสิทธิภาพมาก อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพต่ำอาจมีสาเหตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องภายในกลุ่มหรือองค์กร ซึ่ง เพิ่ม cohesiveness ของกลุ่มก็จะไม่แก้ปัญหาผลผลิต เมื่อกลุ่มดูเหมือน bogged ลงบนเป้าหมายที่เคลื่อนไหว วิธีหนึ่งของการทำความเข้าใจความยากลำบากคือการ ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ใช้ในงานและเวลาที่ใช้ในความสัมพันธ์มนุษยสัมพันธ์ (ลักษณะงานและการบำรุงรักษา) ขึ้น ใส่แตก ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลและประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเหนียวแน่นของกลุ่มมีผลต่อผลผลิตหากสมาชิกใช้เวลาอย่างเคร่งครัดในธุรกิจผิววาระและไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและวาระที่ซ่อนอยู่สามารถเพิ่มความเข้าใจผิด
การสื่อสารอาจจะมี จำกัด อย่างรุนแรงเรื่องที่จะกล่าวถึงจะถูกควบคุมอย่างมากและสมาชิกพึ่งพา "องุ่น" และระบบทางการอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวของพวกเขา ในสถานการณ์เช่นนี้แต่ละคนจะทำงานของเขาหรือเธอ แต่อย่างเหนียวแน่นยังคงเป็นอิสระกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในขณะที่คน.
ในทางกลับกันถ้าสมาชิกใช้จ่ายการจัดการที่ดีของเวลาการทำงานรับรู้, การสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและการพัฒนาเพิ่มขึ้นทักษะการฟังและการ อิทธิพลในแต่ละอื่น ๆ อาจจะมีความพึงพอใจส่วนตัวสูงอย่างน้อยบางส่วน แต่ไม่มีเวลาหรือพลังงานที่ลงทุนในงาน การมีส่วนร่วมส่วนบุคคลสูงอาจหมายถึงกำลังใจในการทำงานสูง แต่ความพยายามเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมงานและดังนั้นผลผลิตต่ำ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะเสียสละผลผลิตหรือความสัมพันธ์ที่เคยเป็นสมาชิกปัจจุบัน. the
อย่างไรก็ตามมีหลักฐาน (Thelen, 1954) ว่าถ้ากลุ่มใช้เวลามากขึ้นครั้งแรกในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว ถ้าในระหว่างขั้นตอนการเริ่มต้นของกลุ่มสมาชิกพูดคุยกันหารือเกี่ยวกับเป้าหมายส่วนบุคคลของพวกเขาและได้รับรู้กันพวกเขาสร้างกรอบของการอ้างอิงขั้นตอนต่อการแก้ปัญหา.
อีเลียสจอห์นสันและ Fonman ( 1989) พบว่าเมื่อสมาชิกในกลุ่มได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองพวกเขาในภายหลังที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ "cohesiveness กลุ่มมุ่งมั่นในการงานและการผลิต." นอกจากนี้นักวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าฟังก์ชั่นของการเปิดเผยตนเองอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมความร่วมมือในกลุ่มงานที่มุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาการลดความขัดแย้งเครียดและเสริมสร้างการสื่อสารในเชิงบวกในหมู่ประชาชน.
พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้:
ชุมชนร่ำรวยก็มีความยากลำบากในการรับมือ ที่มีปัญหายาเสพติดในหมู่เยาวชน การพัฒนากลยุทธ์บาทหลวงของโบสถ์ชั้นนำได้รับเชิญหัวหกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนที่จะพบกับเขาหัวของบริการเยาวชนในเขตการปกครองของหัวหน้าแผนกเด็กและเยาวชนของกรมตำรวจ, ผู้อำนวยการบริหารของซีเอ หลักของโรงเรียนประถมครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมและผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ
ทั้งหมดตกลงที่จะทำหน้าที่ แต่ไม่มีผมที่ชัดเจนมากเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการวิธีการที่พวกเขาควรจะจัดระเบียบและสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อลดอิทธิพลของยาเสพติดในคนหนุ่มสาว สองในเจ็ดคนรู้จักกัน คนอื่น ๆ ที่ได้พบกันที่ฟังก์ชั่นต่างๆ แต่ที่ดีที่สุด, ความใกล้ชิดพยักหน้า แม้ว่าแต่ละคนมุ่งมั่นในเป้าหมายที่ทุกคนไม่ว่างและสามารถกระทำเพียงสองชั่วโมงต่อเดือนกลุ่มนี้ แม้การตัดสินใจในการประชุมครั้งที่สอดคล้องกับทุกคนจะได้รับความสำเร็จที่สำคัญ แม้ว่าสมาชิกมีความเต็มใจและความมุ่งมั่นที่พวกเขาผิดหวังโดยสองคนแรกของการประชุมและถามว่าทำไมพวกเขาได้ตกลงที่จะให้บริการ มากน้อยมากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น.
เพราะการประชุมที่เกิดขึ้น 8:00-10:00 (เพื่อลดระยะเวลาที่นำมาจากที่ทำงาน) กลุ่มที่ตัดสินใจที่จะตอบสนองความต้องการที่ 7:00, รับประทานอาหารเช้าร่วมกันและแล้วดำเนินการต่อ ที่ควรได้ผลิตหนังสยองขวัญที่ได้รับการขึ้นและตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ดังกล่าวในช่วงต้นชั่วโมง แต่กลุ่มที่มีความกระตือรือร้นในการตัดสินใจครั้งแรกตกลง.
ประสิทธิผลของคณะกรรมการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดหลังจากการประชุมครั้งแรกที่รับประทานอาหารเช้า ในขณะที่การกินไข่ของพวกเขาสมาชิกสังสรรค์และการพัฒนาความรู้ของอีกคนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากความสามารถในการตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะดำเนินการกับงานของพวกเขา สมาชิกที่เข้ามาจะชอบกันในกระบวนการและกลายเป็นความมุ่งมั่นที่จะกลายเป็น "ยอดเยี่ยม" กำลังงาน หนึ่งในสมาชิกติดตลกกล่าวว่าเขามีความสุขการประชุมเช้ามากว่าเขากินอาหารเช้าที่ร้านอาหารทุกเช้าวันพฤหัสบดีเพื่อที่เขาจะไม่พลาดการประชุม (กลุ่มพบกันวันพฤหัสบดีที่สองของเดือน).
สมาชิกได้เรียนรู้ในช่วงเวลาที่ปัญหาบางอย่าง จะต้องหลีกเลี่ยงขณะที่คนอื่นสามารถพูดคุยได้อย่างง่ายดาย พวกเขาเรียนรู้วิชาซึ่งเป็นรายการโปรดพิเศษของสมาชิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งและในสิ่งที่สมาชิกในพื้นที่เห็นด้วย สมาชิกพัฒนามุมมองที่ชัดเจนของบทบาทและของพวกเขาที่พวกเขาใส่ลงไปในกลุ่ม.
ที่พบบ่อย, กลุ่มเหนียวมากขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่ากลุ่มเหนียวน้อย (นอร์ริและ Niebuhr, 1980) ที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกกลุ่มคือสมาชิกสมาชิกมากขึ้นมีมูลค่าและสมาชิกสามารถมีอิทธิพลต่อกันและกัน ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่วงกลมทั่วไประหว่างกลุ่มความเป็นปึกแผ่นและมีประสิทธิภาพ ความเป็นปึกแผ่นของกลุ่มความพึงพอใจในคุณภาพของการทำงานร่วมกันและการบรรลุเป้าหมายของทุกคนได้รับการแสดงที่จะมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก (Wheeless, Wheeless และดิ๊กสัน-Markman, 1982) ในฐานะที่เป็นสมาชิกทำงานร่วมกันและมาดูอีกคนหนึ่งมีอำนาจพวกเขาจะวาดได้ใกล้ชิดกันและความสัมพันธ์นี้จะเพิ่มโอกาสของการประสบความสำเร็จได้.
แต่เพิ่มขึ้นติดกันไม่ได้หมายความว่าผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ติดกันที่เพิ่มขึ้นหมายความว่าสมาชิกสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อคนอื่นมากขึ้น หากพวกเขาตัดสินใจที่จะใช้อิทธิพลนี้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นพวกเขาอาจจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ผลผลิตต่ำอาจมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องในหลายกลุ่มหรือองค์กรซึ่งในกรณีนี้ก็เพิ่มขึ้นติดกันของกลุ่มจะไม่แก้ปัญหาการผลิต. เมื่อกลุ่มดูเหมือนจะจมลงในการเคลื่อนไหวในเป้าหมายของพวกเขาวิธีหนึ่งในการทำความเข้าใจความยากลำบากเป็น เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ใช้ในงานและเวลาที่ใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (งานและพฤติกรรมการบำรุงรักษา) หรือจะนำมันแตกต่างกันศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การทำงานในกลุ่มมีผลต่อผลผลิต
ถ้าสมาชิกใช้เวลาของพวกเขาอย่างเคร่งครัดในธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และละเว้นพื้นผิววาระวาระที่ซ่อนความเข้าใจผิดสามารถเพิ่ม การสื่อสารอาจจะถูกจำกัดอย่างมาก วิชาที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก การควบคุม และสมาชิกพึ่งพา " องุ่น " และระบบนอกระบบอื่น ๆเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของพวกเขาในสถานการณ์นี้ แต่ละคนก็งานของเขาหรือเธอ แต่ยังคงใช้กับสมาชิกคนอื่น ๆและเป็นคน
บนมืออื่น ๆถ้าสมาชิกใช้จ่ายการจัดการที่ดีของเวลาในการทำงาน , ทำความรู้จัก , อาคารความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และพัฒนาเพิ่มทักษะการฟังและมีอิทธิพลต่อกันและกัน อาจจะมีความพึงพอใจส่วนบุคคลสูง อย่างน้อยสำหรับบางแต่ไม่มีเวลาหรือพลังงานลงทุนในงาน การดูแลส่วนบุคคลสูงอาจหมายถึง กำลังใจสูง แต่ความพยายามเพียงเล็กน้อยในกิจกรรมของงาน และ จากนั้น ผลผลิตต่ำ ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของว่าจะเสียสละผลผลิตหรือสมาชิกสัมพันธ์ที่เคยเป็นปัจจุบัน
แต่มีหลักฐาน ( เธเลน , 1954 ) ซึ่งหากกลุ่มใช้เวลาเริ่มต้นในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะมีประสิทธิภาพในระยะยาวมากกว่า ถ้า ในช่วงระยะเริ่มต้นของกลุ่มสมาชิก คุยกัน ปรึกษาเป้าหมายส่วนบุคคลของพวกเขาและได้รับรู้ว่าแต่ละอื่น ๆ พวกเขาสร้างกรอบทั่วไปของการอ้างอิง , ขั้นตอนต่อการแก้ปัญหา .
อิไลอัส จอห์นสัน และ fonman ( 1989 ) พบว่า เมื่อสมาชิก เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองต่อมาพวกเขารายงานกลุ่มสูงกว่า " มุ่งมั่นกับงาน และการผลิต นอกจากนี้ นักวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าฟังก์ชั่นของการเปิดเผยตนเอง อาจจะทำให้พฤติกรรมการร่วมมือในกลุ่มงานที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหา ลดความขัดแย้ง เคร่งเครียด และส่งเสริมการสื่อสารที่ดีระหว่างบุคคล

ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้ :เป็นชุมชนที่ร่ำรวยลำบาก เผชิญกับปัญหายาเสพติดในหมู่เยาวชนของ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ , บาทหลวงของโบสถ์นำเชิญหัวหน้าหกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน เพื่อไปพบกับเขา : หัวหน้างานบริการเยาวชนในเขตชุมชน หัวหน้าแผนกคดีเยาวชน
ของตำรวจ ผู้อำนวยการบริหารของวายเอ็มซีเอ ครูใหญ่ของโรงเรียนประถมอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน และผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ฟื้นฟู ตกลงที่จะให้บริการ แต่ไม่มีผู้ใดถูกจริงๆผมที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ วิธีที่พวกเขาควรจัดระเบียบและสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อลดอิทธิพลของยาเสพติดในเยาวชน สองในเจ็ดสมาชิกรู้จักกัน คนอื่นที่เคยเจอที่งานสาธารณะต่าง ๆ แต่ มี ดีที่สุด พยักหน้าและคนรู้จักถึงแม้ว่าทุกคนมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมาย ทั้งยุ่งและอาจจะเพียงสองชั่วโมงต่อเดือน ในกลุ่มนี้ แม้การตัดสินใจในการประชุมเวลาคบหาทั้งหมดได้รับความสำเร็จที่สำคัญ ถึงแม้ว่าสมาชิกเต็มใจและมุ่งมั่นที่พวกเขาผิดหวังโดยทั้งสองการประชุมครั้งแรกและถามเหตุผลที่พวกเขาได้ตกลงที่จะให้บริการ มาก เล็ก ๆน้อย ๆเกิดขึ้น
เพราะการประชุมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 8.00 10.00 น. ( เพื่อลดปริมาณของเวลาที่ถ่ายจากงาน ) , กลุ่มตัดสินใจนัดเจอ 7 โมง กินข้าวเช้าด้วยกัน แล้วดำเนินการต่อ ว่าควรจะผลิตสยองขวัญที่ลุกขึ้นและตำแหน่งกลางเช่นในช่วงต้นชั่วโมง แทน , กลุ่ม , การตัดสินใจ , กระตือรือร้นครั้งแรก
เห็นด้วยประสิทธิผลของคณะกรรมการการลงทุนเปลี่ยนไปหลังจากนั้นแรกเช้าประชุม ในขณะที่การกินไข่ของพวกเขา สมาชิกในสังคม และพัฒนาความรู้ของอีกคนหนึ่งที่เพิ่มมากความสามารถในการตัดสินใจว่าพวกเขาจะดำเนินการกับงานของพวกเขา สมาชิกมาเหมือนกัน ในกระบวนการ และก็มุ่งมั่นที่จะกลายเป็น " งานที่ยอดเยี่ยม "หนึ่งในสมาชิกติดตลกกล่าวว่าเขาสนุกกับอาหารเช้าประชุมมากว่า เขากินอาหารเช้าที่ร้านอาหารทุกวันพฤหัสเช้า เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลาดการประชุม ( กลุ่มพบกันวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือน ) .
สมาชิกเรียนรู้ตลอดเวลาว่าบางประเด็นที่ต้องหลีกเลี่ยงในขณะที่คนอื่น ๆสามารถพร้อมกล่าวพวกเขาเรียนวิชาพิเศษที่รายการโปรดของสมาชิกโดยเฉพาะ และในพื้นที่ใด สมาชิกเห็นด้วย สมาชิกพัฒนามุมมองที่ชัดเจนของบทบาทของพวกเขาและที่พวกเขาพอดีในกลุ่ม
บ่อยกลุ่มเหนียวมากขึ้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มที่น่าสนใจน้อยลง ( นอริส และ นีบุร์ , 1980 ) ที่น่าสนใจ กลุ่ม คือ สมาชิก สมาชิกมากขึ้น มูลค่าและสมาชิกสามารถมีอิทธิพลต่อกันและกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องทั่วไป กลม ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสมานฉันท์และประสิทธิภาพ กลุ่มสมานฉันท์ , ความพึงพอใจ , คุณภาพของปฏิสัมพันธ์และบรรลุเป้าหมายได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชิงบวก ( wheeless wheeless และ Dickson , markman , 1982 ) สมาชิกทำงานร่วมกันและมาเจออีกหนึ่งอย่างเชี่ยวชาญเขาวาดได้ใกล้ชิดกัน และความสัมพันธ์นี้จะเพิ่มโอกาสของความสำเร็จ .
แต่เพิ่มความเหนียวแน่นไม่ได้หมายความว่าผลผลิตเพิ่มขึ้น . เพิ่มความเหนียวแน่นหมายความว่าสมาชิกจะสามารถมีอิทธิพลต่อกันและกันมากขึ้น หากพวกเขาตัดสินใจที่จะใช้อิทธิพลเพื่อเพิ่มผลผลิต , พวกเขาอาจจะ ที่มีประสิทธิภาพมาก อย่างไรก็ตามผลผลิตต่ำ อาจมีหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องภายใน
กลุ่มหรือองค์กร ซึ่งในกรณีนี้เพียง แต่เพิ่มความเหนียวแน่นของกลุ่มจะไม่แก้ปัญหาผลผลิต .
เมื่อกลุ่มดูเหมือนจะจมลงในการเคลื่อนไหวของเป้าหมายของพวกเขาวิธีหนึ่งของความเข้าใจ ความยาก คือ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง เวลาที่ใช้ในงานและเวลาที่ใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ( งานซ่อมบำรุงและพฤติกรรม ) หรือ ที่จะนำมันแตกต่างกัน การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลและประสิทธิภาพ .