Labour began to be important to nat

Labour began to be important to national prosperity as more people left the agricultural community and migrated to the cities to work in the new factories that developed during the industrial revolution. It was here that wages, or a person’s time, were included as a accost factor in determining prices. However, despite this innovative consideration, most mercantilists felt that it was even more important that wages be kept to a minimum since too much money would lead to higher birth rates, which in turn, with more people seeking employment, would cause wages to fall perhaps even to below subsistence levels and thus cause untold human suffering, In this fashion, according to economists of the day, the worker was saved from himself and paid only what was necessary to live on. It was in this context that Karl Marx, seeing the abject misery of workers in the steam-driven sweatshops of England, concocted his version of labour as a source of value directly, or as it was contained in tools or machines and plants.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แรงงานเริ่มให้ความสำคัญเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติเป็นคนซ้ายมากขึ้นชุมชนเกษตร และย้ายไปเมืองทำงานในโรงงานใหม่ที่พัฒนาขึ้นในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรม มันมีที่นี่ที่ค่าจ้าง หรือเวลาของคน ถูกรวมเป็นตัว accost ในการกำหนดราคา อย่างไรก็ตาม แม้ มีการพิจารณานวัตกรรมนี้ mercantilists ส่วนใหญ่รู้สึกว่า มันยิ่งสำคัญเก็บไว้ที่ค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่เงินมากเกินไปจะนำไปเกิดอัตราที่สูงขึ้น จะ มีคนหางาน จะทำให้ค่าจ้างลดลงบางทีแม้จะต่ำกว่าระดับชีพ และจึง ทำให้เกิดบุคคลแห่ง ทุกข์ นี้แฟชั่น ตามนักเศรษฐศาสตร์ประจำวัน ผู้ปฏิบัติงานที่ถูกบันทึกจากตัวเอง และจ่ายเฉพาะ สิ่งจำเป็นต้องอาศัยอยู่ใน ก็ในบริบทนี้ Marx ที่คาร์ล เห็นทุกข์ abject ของแรงงานใน sweatshops อบไอน้ำขับเคลื่อนของอังกฤษ แต่งแรงงานรุ่นของเขาเป็นแหล่งที่มาของค่าโดยตรง หรือประกอบอยู่ในเครื่องมือ หรือเครื่องจักร และโรงงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แรงงานเริ่มที่จะมีความสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติเป็นคนมากขึ้นออกจากชุมชนเกษตรและอพยพไปยังเมืองที่จะทำงานในโรงงานใหม่ที่พัฒนาขึ้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม มันอยู่ที่นี่ว่าค่าจ้างหรือเวลาของบุคคลที่ถูกรวมเป็นปัจจัย Accost ในการกำหนดราคา อย่างไรก็ตามแม้จะมีการพิจารณานวัตกรรมนี้ mercantilists ส่วนใหญ่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นว่าค่าจ้างจะถูกเก็บไว้ให้น้อยที่สุดตั้งแต่เงินมากเกินไปจะนำไปสู่​​อัตราการเกิดที่สูงขึ้นซึ่งจะมีผู้คนจำนวนมากที่กำลังมองหาการจ้างงานจะทำให้เกิดค่าจ้างจะลดลงอาจจะ แม้จะต่ำกว่าระดับการดำรงชีวิตจึงทำให้เกิดความทุกข์ทรมานของมนุษย์ไม่ได้บอกเล่าในแฟชั่นนี้ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ของว​​ันที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวเองและจ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่บน มันอยู่ในบริบทนี้ที่คาร์ลมาร์กซ์เห็นความทุกข์ยากน่าสังเวชของคนงานในโรงงานนรกที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำของอังกฤษแต่งรุ่นของเขาแรงงานเป็นแหล่งที่มาของค่าโดยตรงหรือเป็นมันก็มีอยู่ในเครื่องมือหรือเครื่องจักรและพืช

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แรงงานเริ่มมีความสำคัญกับความมั่งคั่งแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นคนมากขึ้นจากชุมชนเกษตรและอพยพไปยังเมืองที่จะทำงานในโรงงานใหม่ที่พัฒนาในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม มันอยู่ที่ค่าจ้าง หรือของคนเวลารวมเป็นทักปัจจัยในการกำหนดราคา . อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการพิจารณาใหม่นี้mercantilists ที่สุดรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้ค่าจ้างถูกเก็บไว้ให้น้อยที่สุดตั้งแต่เงินมากเกินไปจะทำให้อัตราการเกิดที่สูงขึ้น ซึ่งในทางกลับ กับผู้คนมากขึ้นการแสวงหาการจ้างงาน ทำให้ค่าจ้างตกบางทีแม้จะต่ำกว่าระดับยังชีพและจึงก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานของมนุษย์มากมาย ในแฟชั่นนี้ , ตามที่นักเศรษฐศาสตร์ของ วันคนงานที่ถูกบันทึกไว้จากตัวเองและจ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นกับชีวิต มันอยู่ในบริบทนี้ว่า คาร์ล มาร์กซ์ ได้เห็นความทุกข์ยากน่าสังเวชของคนงานในไอน้ำขับเคลื่อน sweatshops อังกฤษรุ่นของเขาของแรงงานเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของค่าโดยตรง หรือมันอยู่ในเครื่องมือหรือเครื่องจักร และพืช .