UV Light Ultraviolet (UV) light is

UV Light Ultraviolet (UV) light is non-ionizing radiation that has a wavelength between X-rays and
visible light in the electromagnetic spectrum . The UV spectrum can be subdivided into UVA
(315-400 nm), UV-B (280-315 nm) and UV-C (200-280 nm). While UV-C is the germicidal range as it
effectively inactivates bacteria and viruses.
UV-C light has been approved by U.S. Food and Drug Administration (FDA) as an
intervention technology to decontaminate liquid foods and water, food contact surfaces, and food
surfaces.

UV radiation
between 250 and 260 nm is lethal to most microorganisms, such as bacteria, viruses, protozoa,
mycelial fungi, yeasts, and algae (11). UV generated using low-pressure mercury lamps emits
UV primarily at 254 nm. This wavelength is the most efficient as it is absorbed most by nucleic
acids (58). The germicidal effects of UV at 254 nm is therefore used for disinfection of surfaces,
water, and some food products (37).
UV radiation offers some other advantages over existing sanitation methods: it does not
leave any residue; it does not have legal restrictions; it does not require installation of extensive
safety equipment (100, 104); it is easy to use; and it is economical (11).
The only disadvantage is 16 the limited penetration (74).
The efficacy of UV light depends on the surface structure and
topography (34), the doses applied, and the distance between the UV light source and the treated
sample (29). Temperatures between 5 and 37°C have little, if any, impact on the effectiveness of
UV-C light (56).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แสง UV แสงอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นไม่ใช่รังสีที่มีความยาวคลื่นระหว่างรังสีเอกซ์ และแสงที่มองเห็นในสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมรังสียูวีสามารถจะถูกแบ่งออกเป็นยูวีเอ(315-400 nm), รังสียูวีบี (280-315 nm) และ UV-C (200-280 nm) ในขณะที่ยูวี ช่วงสำหรับมันinactivates แบคทีเรียและไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ แสงยูวีได้รับการอนุมัติ โดยสหรัฐอเมริกาอาหารและยา (FDA) เป็นการเทคโนโลยีแทรกแซงการ decontaminate อาหารเหลว และน้ำ พื้นผิวสัมผัสอาหาร และอาหารพื้นผิว รังสียูวีระหว่าง 250 และ 260 nm จะตายไปส่วนใหญ่จุลินทรีย์ แบคทีเรีย ไวรัส โปรโต ซัวเชื้อรา mycelial ยีสต์ และสาหร่าย (11) ปล่อยรังสียูวีที่สร้างโดยใช้หลอดไอปรอทแรงดันต่ำUV เป็นหลักที่ 254 nm คลื่นนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่มันถูกดูดซึมมากที่สุด โดย nucleicกรด (58) สำหรับผลกระทบของรังสียูวีที่ 254 นาโนเมตรดังนั้นใช้สำหรับฆ่าเชื้อพื้นผิวน้ำ และบางผลิตภัณฑ์อาหาร (37)รังสีมีข้ออื่น ๆ ที่ดีขึ้นกว่าวิธีการสุขาภิบาลที่มีอยู่: ไม่ได้ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย ไม่ต้องติดตั้งอย่างละเอียดอุปกรณ์ความปลอดภัย (100, 104); มันใช้งานง่าย และก็ประหยัด (11) ข้อเสียเดียวคือ เจาะจำกัด (74) 16 ประสิทธิภาพของรังสีขึ้นกับโครงสร้างพื้นผิว และลักษณะภูมิประเทศ (34), ปริมาณที่ใช้ และระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดแสง UV และการบำบัดตัวอย่าง (29) อุณหภูมิระหว่าง 5 และ 37 ° C มีน้อย ถ้ามี ผลกระทบต่อประสิทธิผลของแสงยูวี (56)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รังสียูวีแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นระหว่างรังสีเอกซ์และรังสีที่ไม่ใช่
แสงที่มองเห็นในสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมรังสียูวีสามารถแบ่งออกเป็นรังสียูวีเอ
(315-400 นาโนเมตร), UV-B (280-315 นาโนเมตร) และ UV-C (200-280 นาโนเมตร) ในขณะที่รังสี UV-C เป็นช่วงที่ฆ่าเชื้อโรคในขณะที่มัน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัส.
แสง UV-C ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐอเมริกาอาหารและยา (FDA) ในฐานะที่เป็น
เทคโนโลยีการแทรกแซงการปนเปื้อนอาหารเหลวและน้ำพื้นผิวที่สัมผัสกับอาหารและอาหาร
ผิว .

รังสียูวี
ระหว่าง 250 และ 260 นาโนเมตรเป็นตายจุลินทรีย์มากที่สุดเช่นแบคทีเรียไวรัสโปรโตซัว
เชื้อราเส้นใยยีสต์และสาหร่าย (11) UV สร้างขึ้นโดยใช้โคมไฟปรอทความดันต่ำเปล่ง
รังสียูวีหลักที่ 254 นาโนเมตร ความยาวคลื่นนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่มันจะถูกดูดซึมมากที่สุดโดยนิวคลีอิก
กรด (58) ผลกระทบของรังสียูวีฆ่าเชื้อโรคที่ 254 นาโนเมตรจึงถูกนำมาใช้สำหรับการฆ่าเชื้อโรคของพื้นผิว
ของน้ำและบางผลิตภัณฑ์อาหาร (37).
รังสียูวีมีข้อดีอื่น ๆ บางกว่าวิธีการสุขาภิบาลที่มีอยู่ก็ไม่ได้
ทิ้งสารตกค้างใด ๆ มันไม่ได้มีข้อ จำกัด ทางกฎหมาย; มันไม่จำเป็นต้องติดตั้งอย่างกว้างขวาง
อุปกรณ์ความปลอดภัย (100, 104); ก็คือการใช้งานง่าย; และมันจะประหยัด (11).
เสียอย่างเดียวคือ 16 การเจาะ จำกัด (74).
ประสิทธิภาพของแสงยูวีขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นผิวและ
ลักษณะภูมิประเทศ (34) ยาที่ใช้และระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดแสง UV และที่ ได้รับการรักษา
ตัวอย่าง (29) อุณหภูมิระหว่าง 5 และ 37 องศาเซลเซียสมีน้อยถ้ามีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ
แสง UV-C (56)