Long-term archaeological data gathe

Long-term archaeological data gathering in the southern Netherlands may deliver an unprecedented regionalcomparison that could be exemplary for the Pleistocene sand areas of the Northwest European Plain. On amicro-scale level, it has become clear that Bronze Age (2000–800 BC) and Iron Age (800–12 BC) farmers intensivelyused the landscape, resulting in a relatively dense distribution pattern of settlements all over the ridges andplanes of the cover sand landscape. However, this agricultural use of the landscape—related to the “celtic field”system—led to a process of soil degradation by increased acidification during which Umbric Podzols graduallytransformed into Carbic Podzols that could no longer be used as farmland. According to established “models,”this process of “secondary podzolization” particularly affected those sections of the landscape thatwere dominatedby dry sandy soils with a low loam content (loam = clay and silt, between c. 10% and 20%). In the Late Iron Age(250–12 BC), the changing soil conditions resulted in a dramatic shift in the habitation pattern that clearlymanifestsitself in the Roman period (12 BC–410 AD); on the local scale, the habitation moved from the degenerated soils tonearby areaswith better soil conditions (higher loam content),which became more densely inhabited nowthan intheBronzeAge/EarlyIronAge (2000–500 BC). The introduction of newlandmanagement (in the later Iron Age, andalso by Romans) could also have been important for soil degradation. The areas where the Roman period settlementsconcentrated became also the areas where we can find the early medieval habitation (447–751 AD) andwhere the Plaggic Anthrosols started to develop in the late medieval period (1270–1500 AD). This paper is basedon the analysis of soil properties.Measured loamvalues of soil samples (n=181) in Veldhoven, southern Netherlands, are in agreement with thedescribedmodel that the plaggen cover is located on soils containing high combined silt and clay content (N25%)and that Carbic Podzols with no plaggen cover have low combined silt and clay content (b15%). Local spatial aswell as vertical variations in loam content of sand layers have shown to occur, warning against single parameterresearch. Other potential causes for the deviation of the model are as follows: (a) impact of fluctuating groundwaterlevels; (b) impact of different hydrological properties in the shallow subsurface, depending on the grainsize and transmissivity of the sediments; (c) organic matter content; (d) land management; and (e) climatechange.© 2014 Elsevier B.V. All rights reserved

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รวบรวมในเนเธอร์แลนด์ตอนใต้ข้อมูลทางโบราณคดีระยะยาวอาจส่งเป็น regionalcomparison เป็นประวัติการณ์ที่อาจระบุเรื่อง Pleistocene ทรายของราบยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ในระดับมาตราส่วน amicro มันได้กลายเป็นชัดเจนว่า ยุคสำริด (2000 – 800 BC) และอายุ (800 – 12 BC) เกษตรกร intensivelyused ภูมิทัศน์ ในรูปแบบกระจายค่อนข้างหนาแน่นของการชำระเงินทั่ว andplanes เคลื่อนของแนวทรายปก อย่างไรก็ตาม นี้ใช้เกษตรภูมิทัศน์ — ที่เกี่ยวข้องกับระบบ "เซลติกฟิลด์" ซึ่งนำไปสู่กระบวนการย่อยสลายดิน โดยยูเพิ่มขึ้นในช่วงที่ graduallytransformed Umbric Podzols เป็น Podzols Carbic ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่การเกษตรไม่ ตามกำหนด "รูปแบบ กระบวนการนี้ของ"รอง podzolization"โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่ส่วนของนอน thatwere dominatedby แห้งทรายดินเนื้อปูนกับเนื้อหา loam ต่ำ (loam =ดินเหนียวและตะกอน ระหว่างราว 10% และ 20%) ในปลายยุคเหล็ก (250 – 12 BC), สภาพดินเปลี่ยนแปลงให้กะละครในรูปแบบ habitation ที่ clearlymanifestsitself ในช่วงเวลาที่โรมัน (12 BC – 410 AD); ในระดับท้องถิ่น habitation ที่ย้ายจากดินเนื้อปูน degenerated tonearby areaswith ดีสภาพดิน (เนื้อหา loam สูง), ที่เป็นมากกว่าคนอยู่อาศัยหนาแน่นไป nowthan intheBronzeAge/EarlyIronAge (2000 – 500 BC) แนะนำของ newlandmanagement (ในภายหลังยุคเหล็ก andalso โดยโรม) ยังมีความสำคัญต่อการย่อยสลายดิน พื้นที่ที่ระยะโรมัน settlementsconcentrated ยังเป็น พื้นที่ที่เราสามารถพบ habitation ยุคกลางตอนต้น (447 – 751 AD) andwhere Plaggic Anthrosols เริ่มพัฒนาในช่วงปลายยุคกลาง (1270 – 1500 AD) กระดาษนี้คือ basedon การวิเคราะห์คุณสมบัติของดินวัด loamvalues ดินตัวอย่าง (n = 181) ใน Veldhoven ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะยังคง thedescribedmodel ว่า plaggen ครอบคลุมอยู่ในดินเนื้อปูนประกอบด้วยสูงรวมตะกอนและดินเหนียวเนื้อหา (N25%) และที่ Podzols Carbic กับปก plaggen ไม่มีต่ำรวมเนื้อหาตะกอนและดินเหนียว (b15%) Aswell พื้นที่ภายในเป็นรูปแนวตั้งใน loam เนื้อหาของชั้นทรายมีแสดงเกิดขึ้น คำเตือนกับ parameterresearch เดียว สาเหตุอื่น ๆ อาจเกิดการเบี่ยงเบนของรูปแบบจะเป็นดังนี้: (a) ผลกระทบของความ groundwaterlevels (ข) ผลกระทบของคุณสมบัติด้านชลศาสตร์ต่าง ๆ ในตื้น subsurface, grainsize และ transmissivity ตะกอน (ค) อินทรีย์เนื้อหา (d) การจัดการที่ดิน และ (e) climatechange © 2014 Elsevier b.v สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะยาวการรวบรวมข้อมูลทางโบราณคดีในภาคใต้ของเนเธอร์แลนด์อาจส่ง regionalcomparison ประวัติการณ์ที่อาจจะเป็นแบบอย่างสำหรับพื้นที่ทราย Pleistocene ของภาคตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปธรรมดา ในระดับ amicro ใหญ่, มันได้กลายเป็นที่ชัดเจนว่ายุคสำริด (2000-800 BC) และยุคเหล็ก (800-12 BC) เกษตรกร intensivelyused ภูมิทัศน์ที่มีผลในรูปแบบการกระจายความหนาแน่นของการตั้งถิ่นฐานทั่วสันเขา andplanes ของฝาครอบ ภูมิทัศน์ทราย แต่นี้ใช้ในการเกษตรของภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับ "สนามเซลติก" ระบบจะนำไปสู่​​กระบวนการของการย่อยสลายในดินโดยกรดที่เพิ่มขึ้นในระหว่างที่ Umbric Podzols graduallytransformed เป็น Carbic Podzols ที่สามารถนำมาใช้ไม่เป็นพื้นที่เพาะปลูก ตามที่จัดตั้งขึ้น "นางแบบ" กระบวนการของ "podzolization รอง" นี้ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่ของภูมิทัศน์อบดินทราย dominatedby แห้งด้วยเนื้อหาดินร่วนปนต่ำ (ดินร่วนปนดินเหนียว = และตะกอนระหว่างค. 10% และ 20%) ในยุคเหล็กปลาย (250-12 BC) สภาพดินที่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ clearlymanifestsitself ในสมัย​​โรมัน (12 BC-410 AD); ในระดับท้องถิ่นที่อยู่อาศัยย้ายจากดิน degenerated tonearby areaswith ดีกว่าสภาพดิน (ปริมาณดินสูงกว่า) ซึ่งกลายเป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากขึ้น nowthan intheBronzeAge / EarlyIronAge (2000-500 BC) แนะนำของ newlandmanagement (ในภายหลังยุคเหล็ก andalso โดยชาวโรมัน) นอกจากนี้ยังจะได้รับความสำคัญสำหรับการย่อยสลายในดิน พื้นที่ที่สมัยโรมัน settlementsconcentrated กลายเป็นยังพื้นที่ที่เราสามารถหาที่อยู่อาศัยในช่วงต้นยุคกลาง (447-751 AD) andwhere Plaggic Anthrosols เริ่มต้นในการพัฒนาในช่วงยุคปลาย (1270-1500 AD) กระดาษนี้เป็นปฏิกิริยาลูกวิเคราะห์ของดิน properties.Measured loamvalues​​ ของตัวอย่างดิน (n = 181) ใน Veldhoven, ภาคใต้ของเนเธอร์แลนด์, อยู่ในข้อตกลงกับ thedescribedmodel ที่ปก plaggen ตั้งอยู่บนดินที่มีตะกอนรวมสูงและปริมาณดินเหนียว (N25%) และที่ Carbic Podzols กับปก plaggen ไม่มีตะกอนรวมต่ำและเนื้อหาดิน (B15%) เช่นกันเชิงพื้นที่ท้องถิ่นเป็นรูปแบบแนวตั้งในเนื้อหาของดินชั้นทรายได้แสดงให้เห็นว่าจะเกิดขึ้นเตือนกับ parameterresearch เดียว สาเหตุที่มีศักยภาพอื่น ๆ สำหรับการเบี่ยงเบนของรูปแบบดังต่อไปนี้ (ก) ผลกระทบของ groundwaterlevels ผันผวน; (ข) ผลกระทบของคุณสมบัติที่แตกต่างกันทางอุทกวิทยาในดินตื้นขึ้นอยู่กับ grainsize และการส่งผ่านของตะกอน; (ค) เนื้อหาเรื่องอินทรีย์ (ง) การจัดการที่ดิน; และ (จ) climatechange. © 2014 Elsevier BV สงวนลิขสิทธิ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระยะยาว โบราณคดี การเก็บรวบรวมข้อมูล ในเนเธอร์แลนด์ ภาคใต้อาจส่งเป็นประวัติการณ์ regionalcomparison ที่สามารถเป็นแบบอย่างสำหรับ Pleistocene ทรายพื้นที่ที่ราบยุโรปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในระดับมาตราส่วน amicro , มันได้กลายเป็นที่ชัดเจนว่ายุคสำริด ( 2000 – 800 ปีก่อนคริสตกาล ) และยุคเหล็ก ( 800 – 12 BC ) เกษตรกร intensivelyused ภูมิทัศน์ส่งผลให้รูปแบบการกระจายการตั้งถิ่นฐานหนาแน่นทั่วร่อง andplanes ของปกทรายแนวนอน อย่างไรก็ตาม ทางการเกษตรใช้ภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับ " ระบบเซลติกฟิลด์ " นำไปสู่กระบวนการของการย่อยสลายด้วยกรดในดินเพิ่มขึ้น ซึ่ง umbric พอดซอลส์ graduallytransformed เป็น carbic พอดซอลส์ที่อาจไม่สามารถใช้เป็นฟาร์มตามการจัดตั้ง " นางแบบ " กระบวนการ " รอง podzolization " โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบเหล่านั้นส่วนของ dominatedby กับภูมิทัศน์บริการดินทรายที่มีปริมาณต่ำ ( ดินร่วนดินเหนียวร่วน = และตะกอนระหว่าง C 10% และ 20% ) ในยุคเหล็กสาย ( 250 – 12 ก่อนคริสต์ศักราช )การเปลี่ยนแปลงสภาพดินก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในที่อยู่อาศัยรูปแบบ ที่ clearlymanifestsitself ในยุคโรมัน ( 12 เมษายน– 410 ลงประกาศ ) ; ในระดับท้องถิ่น ซึ่งย้ายจาก ดินเสื่อมสภาพ tonearby areaswith สภาพดินดี ( เนื้อหาเฉลี่ยสูงกว่า ) ซึ่งกลายเป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่น nowthan inthebronzeage / earlyironage ( 2000 – 500 ปีก่อนคริสตกาล )การ newlandmanagement ( ในยุคหลัง และ เหล็ก โดยชาวโรมัน ) ยังสามารถได้รับความสําคัญดินเสื่อมโทรม พื้นที่ที่สมัยโรมัน settlementsconcentrated ก็ยังพื้นที่ที่เราสามารถหาที่อยู่อาศัยยุคต้น ( 555 ) ส่วนโฆษณา ) andwhere ที่ plaggic anthrosols เริ่มพัฒนาในช่วงยุคปลาย ( 1270 ) 1500 AD )บทความนี้จากการวิเคราะห์คุณสมบัติของดิน ตัวอย่างดินวัด loamvalues ( n = 5 ) ในเวลโฮเวน , ภาคใต้ของเนเธอร์แลนด์ ในข้อตกลงกับ thedescribedmodel ที่ plaggen ครอบคลุมตั้งอยู่บนดินที่มีปริมาณทรายแป้งและดินเหนียวผสมสูง ( n25 % ) และพอดซอลส์ carbic ไม่มี plaggen ครอบคลุมต่ำรวมกันทรายแป้งและดินเหนียวเนื้อหา ( b15 % )ท้องถิ่น ตลอดจนพื้นที่แนวตั้งรูปแบบในเนื้อหาของชั้นทรายดินร่วนมีแสดงเกิดขึ้น เตือนเดียว parameterresearch . สาเหตุที่มีศักยภาพอื่น ๆ ในส่วนของรูปแบบมีดังนี้ : ( 1 ) ผลกระทบของความผันผวน groundwaterlevels ; ( b ) ผลกระทบที่แตกต่างกันทางอุทกวิทยา คุณสมบัติในดินตื้น และขึ้นอยู่กับใหญ่ขึ้น transmissivity ของตะกอน ;( c ) สารอินทรีย์เนื้อหา ; ( d ) การจัดการที่ดิน และ ( จ ) ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง . สงวนลิขสิทธิ์ 2014 นอกจากนี้บริษัทสงวนสิทธิทั้งหมด