Introduction: Midwifery students ex

Introduction: Midwifery students experience high levels of stress during their initial clinical practices. Addressing the learner's source of anxiety and discomfort can ease the learning experience and lead to better outcomes. The aim of this study was to find out the effect of a simulation-based course, using simulated patients and simulated gynecologic models on student anxiety and comfort while practicing to provide intrauterine device (IUD) services.

Methods: Fifty-six eligible midwifery students were randomly allocated into simulation-based and traditional training groups. They participated in a 12-hour workshop in providing IUD services. The simulation group was trained through an educational program including simulated gynecologic models and simulated patients. The students in both groups then practiced IUD consultation and insertion with real patients in the clinic. The students' anxiety in IUD insertion was assessed using the "Spielberger anxiety test" and the "comfort in providing IUD services" questionnaire.

Results: There were significant differences between students in 2 aspects of anxiety including state (P < 0.001) and trait (P = 0.024) and the level of comfort (P = 0.000) in providing IUD services in simulation and traditional groups. "Fear of uterine perforation during insertion" was the most important cause of students' anxiety in providing IUD services, which was reported by 74.34% of students.

Conclusions: Simulated patients and simulated gynecologic models are effective in optimizing students' anxiety levels when practicing to deliver IUD services. Therefore, it is recommended that simulated patients and simulated gynecologic models be used before engaging students in real clinical practice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำ: นักเรียนหมอตำแยประสบการณ์ระดับสูงของความเครียดในระหว่างการปฏิบัติการทางคลินิกเริ่มต้น แก้ปัญหาของผู้เรียนแหล่งที่มาของความวิตกกังวลและรู้สึกไม่สบายสามารถง่ายประสบการณ์การเรียนรู้ และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า มีจุดมุ่งหมายของการศึกษานี้เพื่อ หาลักษณะพิเศษของแบบจำลองสถานการณ์หลักสูตร ใช้รูปจำลองทางนรีเวชและผู้ป่วยจำลองนักเรียนความวิตกกังวลและความสะดวกสบายในขณะฝึกการบริการอุปกรณ์ intrauterine (ห่วงอนามัย)วิธีการ: เอ็ดหมอตำแยสิทธินักเรียนถูกสุ่มการปันส่วนเป็นกลุ่มแบบจำลองสถานการณ์ และแบบฝึก พวกเขาเข้าร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการ 12 ชั่วโมงในการให้บริการของห่วงอนามัย กลุ่มจำลองได้รับการฝึกอบรมผ่านโปรแกรมการศึกษาแบบจำลองทางนรีเวชและผู้ป่วยจำลอง นักเรียนทั้งกลุ่มแล้วปฏิบัติปรึกษาห่วงอนามัยและแทรกกับผู้ป่วยจริงในคลินิก ความวิตกกังวลของนักเรียนในห่วงอนามัยแทรกถูกประเมินโดยใช้แบบสอบถาม "ความสะดวกสบายในการให้บริการห่วงอนามัย" และ "Spielberger วิตกทดสอบ"ผลลัพธ์: มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างนักเรียนใน 2 ด้านของรัฐรวมทั้งความวิตกกังวล (P < 0.001) และติด (P = 0.024) และระดับของความสะดวกสบาย (P = 0.000) ในการให้บริการห่วงอนามัยในการจำลองและกลุ่มดั้งเดิม "ความกลัว perforation มดลูกในระหว่างการแทรก" เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของนักเรียนความวิตกกังวลในการให้บริการห่วงอนามัย ซึ่งถูกรายงาน โดย 74.34% ของนักเรียนสรุป: ผู้ป่วยจำลองและแบบจำลองทางนรีเวชมีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพระดับความวิตกกังวลของนักเรียนเมื่อฝึกการบริการห่วงอนามัย ดังนั้น มันจะแนะนำว่า รูปจำลองทางนรีเวชและผู้ป่วยจำลองใช้ห้องเรียนในคลินิกจริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำ: นักเรียนผดุงครรภ์มีประสบการณ์ระดับสูงของความเครียดในระหว่างการปฏิบัติทางคลินิกของพวกเขาเริ่มต้น ที่อยู่ของแหล่งเรียนรู้ของความวิตกกังวลและไม่สบายได้ง่ายประสบการณ์การเรียนรู้และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้เพื่อหาผลของการเรียนการสอนที่ใช้การจำลองโดยใช้ผู้ป่วยจำลองและการจำลองแบบจำลองทางนรีเวชต่อความวิตกกังวลและความสะดวกสบายในขณะที่นักเรียนฝึกเพื่อให้มดลูกอุปกรณ์ (IUD) บริการ. วิธีการ: ห้าสิบหกนักเรียนผดุงครรภ์มีสิทธิ์เป็น จัดสรรแบบสุ่มเข้าไปในแบบจำลองที่ใช้และกลุ่มการฝึกอบรมแบบดั้งเดิม พวกเขามีส่วนร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบ 12 ชั่วโมงในการให้บริการอนามัย กลุ่มที่ได้รับการฝึกฝนการจำลองผ่านโปรแกรมการศึกษารวมทั้งรูปแบบจำลองทางนรีเวชและผู้ป่วยจำลอง นักเรียนทั้งสองกลุ่มนั้นได้รับการฝึกฝนให้คำปรึกษาและอนามัยแทรกกับผู้ป่วยจริงในคลินิก ความวิตกกังวลของนักเรียนในการแทรกอนามัยได้รับการประเมินโดยใช้ "การทดสอบความวิตกกังวล Spielberger" และ "ความสะดวกสบายในการให้บริการอนามัย" แบบสอบถาม. ผลการศึกษา: มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างนักศึกษาใน 2 แง่มุมของความวิตกกังวลรวมทั้งของรัฐ (p <0.001) และลักษณะ ( p = 0.024) และระดับของความสะดวกสบาย (P = 0.000) ในการให้บริการอนามัยในการจำลองและกลุ่มดั้งเดิม "ความกลัวของการเจาะมดลูกในช่วงแทรก" เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของนักเรียนความวิตกกังวลในการให้บริการอนามัยซึ่งได้รับรายงานจาก 74.34% ของนักเรียน. สรุป: ผู้ป่วยจำลองและการจำลองแบบจำลองทางนรีเวชที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพของนักเรียนระดับความวิตกกังวลเมื่อฝึกไป ให้บริการอนามัย ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ป่วยจำลองและแบบจำลองทางนรีเวชจำลองนำมาใช้ก่อนที่จะมีส่วนร่วมของนักเรียนในการปฏิบัติทางคลินิกที่แท้จริง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ : นักเรียนผดุงครรภ์ ประสบการณ์สูง ระดับของความเครียดในระหว่างการปฏิบัติของพวกเขาครั้งแรกที่คลินิก แหล่งที่อยู่ของผู้เรียนของความกังวลและไม่สบายได้ง่ายประสบการณ์การเรียนรู้และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือ เพื่อดูผลของการใช้หลักสูตรตามการใช้ผู้ป่วยจำลองและจำลองแบบทางนรีเวชวิทยา ความวิตกกังวล และความสะดวกสบายในขณะที่การฝึกนักเรียนให้ใช้ห่วงคุมกําเนิดบริการ

วิธีการ : ห้าสิบหกสิทธินักเรียนผดุงครรภ์ สุ่มเข้าจำลองและกลุ่มที่ใช้แบบฝึก พวกเขามีส่วนร่วมในการประชุมเชิงปฏิบัติการ 12 ชั่วโมงในการให้บริการการป้องกัน .กลุ่มการฝึกผ่านหลักสูตรการศึกษารวมทั้งช่วยจำลองรูปแบบและผู้ป่วยจำลอง นักเรียนทั้งสองกลุ่มแล้วฝึกปรึกษา IUD และแทรกกับผู้ป่วยจริงในคลินิก นักเรียนมีความวิตกกังวลในการแทรก IUD และใช้ " ผลต่อความวิตกกังวลของสปีลเบอร์เกอร์ " และ " ความสะดวกสบายในการให้บริการการป้องกัน "

ผลแบบสอบถามมีความแตกต่างระหว่างนักเรียนในลักษณะของความวิตกกังวลรวมทั้งรัฐ ( p < 0.001 ) และลักษณะ ( p = 0.024 ) และระดับความสะดวกสบาย ( p = 0.000 ) ในการให้บริการการป้องกันการจำลองและกลุ่มแบบดั้งเดิม” ความกลัวของการรั่วระหว่างแทรก " ที่สำคัญคือ สาเหตุของความวิตกกังวลของนักเรียนในการให้บริการการป้องกันซึ่งถูกรายงานโดย 74.34

% ของนักเรียนสรุป : ผู้ป่วยนรีเวช โมเดลจำลองจำลองและมีประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับความกังวลของนักเรียน เมื่อมีการส่งมอบบริการ IUD . ดังนั้นผู้ป่วยนรีเวช โมเดลจำลองจำลองและใช้ก่อนการเรียนในภาคปฏิบัติจริง