The moment we get behind the wheel

The moment we get behind the wheel of a car and start driving we become involved in a series of events that take a toll on our stress levels. Even predictable events such as maintaining a steady speed, braking and pulling away at the lights or just sitting in traffic increases stress. Add other issues such as being followed too closely by another vehicle, being cut up, having to break hard to avoid a collision and it soon becomes clear why driving can rate as one of the most stressful activities.

We tend to view driving as some natural extension of daily activity but actually there are quite a few differences. People will do things in a car they simply wouldn't consider in another context. The subtle norms we acquire during normal development, and that allow us to operate cooperatively as social animals, appear to fragment. Driving is a risky, error prone endeavor that is too often associated with a lack of emotional control. So, exactly what are the issues that cause so much stress in drivers?

Our bodies are designed around a simple fight-or-flight mechanism; ideally we use one or the other to dissipate stress when it occurs. Sitting in a car is incompatible with stress build up. There is no physical outlet. We can't fight and we can't run, so tension simply builds with no obvious outlet. When an outlet does present itself, for example when we perceive another driver to be taking advantage or not paying due attention, there's a danger of reacting aggressively (so-called road rage).

In studies of driver behavior and driver stress certain things emerge as typical causes of tension. They include:

Being stuck in traffic or start-stop driving associated with congestion.
Being caught in traffic flow where all the driver can do is join in.
Perceived over-regulation involving traffic signs, road works and speed restrictions on roads that appear open and largely free of traffic.
Impatient or aggressive driving by other road users.
Unpredictable events resulting in increased danger.
Perceiving that the concentration of other drivers is being affected by equipment in their car.
Lack of signaling.
Jumping lights.
Being the victim of abuse by other road users.
Being pressured to drive faster by vehicles following.
Drivers forgetting to put on lights, or lights incorrectly set.
Being forced to brake hard for various reasons.
Detours.
Inconsiderate parking.

Actually the list is a lot longer but a point here is such frustrations lead to a lack of objectivity and the venting of anger where the other person is invariably seen to be at fault. The fact that we feel protected within the confines of a vehicle may explain why some drivers shout and gesture at other road users. There is a notion that it's better to get stress out of the system than bottle it up. This may have an element of truth in it but the evidence actually tells us that repeated venting takes a toll on the heart and the immune system. This is because venting is rather like an iceberg; the physical component (the tip) may only last a second or two but the negative thoughts and anger below the surface tend to hang around. This in turn can impair judgment, lead to verbal and physical conflict, and rash decisions.


I took my driving test around 40 years ago: my daughter took hers around three years ago. It's a more demanding test but despite the change in traffic volume and traffic conditions it surprises me that the emphasis is still almost exclusively on the mechanism of driving and the rules of the road. The real craft of driving is something we have to learn over time, but I wonder if we should be paying more attention to the psychology of driver behavior and how best to cope with the stresses of driving?

We have a good level of personal control over driver stress and it's important to acknowledge this. Allowing extra time on the commute to work reduces the risk of unforeseen hold-ups. A little relaxing music can help. Driving is as much a state of mind as anything else. If you can accept that there are limits to the amount of control you can exert as a driver it helps. Otherwise the same rules for driver stress apply to other aspects of your life. Exercise, good diet, low or no alcohol and regular sleep will all contribute to an overall sense of health and well-being.
- See more at: http://www.healthcentral.com/anxiety/c/4182/150277/driver-stress/#sthash.HfGyA3ox.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขณะนี้เรารับหลังล้อรถ และเริ่มขับรถเราจะเกี่ยวข้องกับชุดของเหตุการณ์ที่ใช้โทรในระดับความเครียดของเรา กิจกรรมยังได้รักษาความเร็วที่มั่นคง เบรค และดึงเก็บที่ไฟ หรือพี่เลี้ยงในการเข้าชมเพียงเพิ่มความเครียด เพิ่มปัญหาอื่น ๆ เช่นการติดตามอย่างใกล้ชิดเกินไปโดยยานพาหนะอื่น ๆ การลดค่า มีการยากที่จะหลีกเลี่ยงการชนกันและเร็ว ๆ นี้จะล้างทำไมขับรถสามารถจัดอันดับเป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดเครียด เรามักจะดูการขับรถเป็นบางนามสกุลธรรมชาติของกิจกรรมประจำวัน ได้จริง มีความแตกต่างค่อนข้างน้อย คนจะทำสิ่งต่าง ๆ ในรถเขาก็จะไม่พิจารณาในบริบทอื่น บรรทัดฐานรายละเอียดที่เราได้รับในระหว่างการพัฒนาปกติ และที่ให้เราทำงาน cooperatively เป็นสัตว์สังคม จะ แยกส่วน ขับรถเป็นการมีความเสี่ยง ข้อผิดพลาดมักแข่งขันที่มากเกินไปมักสัมพันธ์กับการขาดการควบคุมอารมณ์ มันคืออะไรดังนั้นปัญหาที่ทำให้เกิดความเครียดมากในไดรเวอร์ ร่างกายของเราจะออกแบบกลไกต่อสู้ หรือบินง่าย ห้องเราใช้หนึ่งหรืออื่น ๆ เพื่อกระจายไปความเครียดเมื่อเกิด นั่งในรถไม่เข้ากันกับสร้างความเครียดขึ้น มีร้านไม่มีอยู่จริง เราไม่สู้ และเราไม่สามารถทำ งาน ดังนั้นก็สร้างความตึงเครียดกับเต้าเสียบไม่ชัดเจน เมื่อเต้าเสียบแสดงข้อความ ตัวอย่างเช่นเมื่อเราสังเกตโปรแกรมควบคุมอื่นที่จะได้ประโยชน์ หรือไม่ยอมจ่ายเงินครบกำหนดสนใจ มีอันตรายจากปฏิกิริยาอุกอาจ (โกรธเรียกว่าถนน) ในการศึกษาลักษณะการทำงานของโปรแกรมควบคุมและโปรแกรมควบคุมความเครียด สิ่งบางอย่างเกิดเป็นสาเหตุทั่วไปของความตึงเครียด รวม: กำลังติดอยู่ในการจราจรหรือเริ่มหยุดขับรถเกี่ยวข้องกับแออัดถูกจับในโปรแกรมควบคุมสามารถทำได้ทั้งหมดเข้าร่วมในกระแสจราจรมองเห็นการจราจรที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบมากเกิน งานถนน และจำกัดความเร็วบนถนนที่ปรากฏส่วนใหญ่ฟรีจราจร และเปิดรัก หรือก้าวร้าวขับ โดยผู้ใช้ถนนอื่น ๆเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเพิ่มขึ้นPerceiving ที่ความเข้มข้นของโปรแกรมควบคุมอื่น ๆ ได้รับผลกระทบจากอุปกรณ์ในรถยนต์ไม่มีสัญญาณกระโดดไฟมีเหยื่อถูกล่วงละเมิดโดยผู้ใช้ถนนอื่น ๆการกดดันขับเร็ว ด้วยยานพาหนะดังต่อไปนี้ไดรเวอร์ไปใส่ไฟ หรือไฟไม่ถูกต้องได้ถูกบังคับห้ามยากสำหรับเหตุผลต่าง ๆDetoursจอดรถพิมพ์ดีดรบกวน จริง ๆ แล้วรายการมีความยาวมาก แต่จุดที่นี่เป็นลูกค้าเป้าหมายขาดปรวิสัยและการระบายอากาศความโกรธหลงดังกล่าวที่ผู้อื่นจะคงเส้นคงวาเห็นจะผิด ความจริงที่เรารู้สึกป้องกันภายในขอบเขตของรถอาจอธิบายทำไมบางโปรแกรมควบคุมตะโกน และรูปแบบลายเส้นที่ใช้ถนน มีแนวคิดที่ว่า จะดีกว่าจะได้รับความเครียดจากระบบกว่าขวดค่า นี้อาจมีองค์ประกอบของความจริงนั้น แต่หลักฐานจริงบอกว่า ระบายอากาศซ้ำเวลาโทรกลางและระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้เนื่องจากระบายอากาศจะค่อนข้างเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนประกอบทางกายภาพ (แนะนำ) อาจเฉพาะล่าสุดที่สองหรือสอง แต่คิดลบและความโกรธด้านล่างพื้นผิวมักจะ ป้วนเปี้ยน นี้จะสามารถทำคำพิพากษา นำไปสู่ความขัดแย้งด้วยวาจา และกายภาพ และตัดสินใจพราก ฉันเอาฉันทดสอบขับประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา: ลูกสาวของฉันเอาเธอประมาณสามปีที่ผ่านมา เป็นการทดสอบความต้องการมากขึ้น แต่แม้ มีการเปลี่ยนแปลงในปริมาณและสภาพจราจร มัน surprises ฉันที่เน้นอยู่ยังเกือบเฉพาะในกลไกของการขับรถและในกฎจราจร งานฝีมือที่แท้จริงของการขับรถเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เหนือเวลา แต่ฉันสงสัยถ้าเราควรจ่ายความสำคัญกับจิตวิทยาควบคุมพฤติกรรม และวิธีดีที่สุดเพื่อรับมือกับความเครียดของการขับรถ เรามีบุคคลควบคุมโปรแกรมควบคุมความเครียดในระดับดี และสิ่งสำคัญคือต้องยอมรับนี้ ให้เวลาในการเดินทางไปทำงานลดความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันค้าง-ups เพลงผ่อนคลายเล็กน้อยสามารถช่วย ขับรถเป็นมากที่สุดเป็นสภาวะของจิตใจเป็นอะไร ถ้าคุณสามารถยอมรับว่า มีการจำกัดจำนวนตัวควบคุม คุณสามารถสำแดงเป็นโปรแกรมควบคุมจะช่วย มิฉะนั้น กฎเดียวกันสำหรับโปรแกรมควบคุมความเครียดใช้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตของคุณ ออกกำลังกาย อาหาร ต่ำ หรือ ไม่มีแอลกอฮอล์ และนอนหลับปกติจะทั้งหมดนำไปสู่ความรู้สึกโดยรวมของสุขภาพ-ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.healthcentral.com/anxiety/c/4182/150277/driver-stress/#sthash.HfGyA3ox.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ช่วงเวลาที่เราได้รับล้อหลังของรถและเริ่มต้นการขับรถที่เรามีส่วนร่วมในชุดของเหตุการณ์ที่ใช้โทรในระดับความเครียดของเรา แม้เหตุการณ์ที่คาดเดาได้เช่นการรักษาความเร็วคงที่เบรกและดึงออกไปที่ไฟหรือเพียงแค่นั่งอยู่ในการจราจรเพิ่มความเครียด เพิ่มปัญหาอื่น ๆ เช่นการปฏิบัติตามอย่างใกล้ชิดเกินไปโดยยานพาหนะอื่นถูกตัดขึ้น, ต้องทำลายยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะและเร็ว ๆ นี้จะกลายเป็นที่ชัดเจนว่าทำไมขับรถสามารถจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เครียดมากที่สุด. เรามักจะดูขับรถเป็นธรรมชาติบางอย่าง การขยายตัวของกิจกรรมประจำวัน แต่ที่จริงมีค่อนข้างแตกต่างน้อย คนจะทำสิ่งที่อยู่ในรถของพวกเขาก็จะไม่พิจารณาในบริบทอื่น บรรทัดฐานที่ลึกซึ้งที่เราได้รับในระหว่างการพัฒนาตามปกติและที่ช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกันเป็นสัตว์สังคมที่ปรากฏส่วน ขับรถจะมีความเสี่ยงความพยายามคว่ำข้อผิดพลาดที่มักจะถูกเกินไปที่เกี่ยวข้องกับการขาดการควบคุมอารมณ์ ? ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความเครียดมากในไดรเวอร์ร่างกายของเราได้รับการออกแบบรอบกลไกการต่อสู้หรือเที่ยวบินง่าย ความนึกคิดที่เราใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรืออื่น ๆ เพื่อขจัดความเครียดเมื่อมันเกิดขึ้น นั่งอยู่ในรถไม่สามารถใช้กับความเครียดสร้างขึ้น ไม่มีทางออกทางกายภาพ เราไม่สามารถต่อสู้และเราไม่สามารถเรียกใช้เพื่อให้ความตึงเครียดก็สร้างด้วยไม่มีทางออกที่ชัดเจน เมื่อเต้าเสียบจะนำเสนอตัวเองตัวอย่างเช่นเมื่อเรารับรู้ขับรถคันอื่นที่จะได้รับผลประโยชน์หรือไม่ได้ให้ความสนใจเนื่องจากมีอันตรายจากการทำปฏิกิริยาในเชิงรุก (ที่เรียกว่าโกรธถนน). ในการศึกษาพฤติกรรมของคนขับรถและคนขับรถบางสิ่งความเครียดออกมาเป็น สาเหตุทั่วไปของความตึงเครียด พวกเขารวมถึงการติดอยู่ในการจราจรหรือเริ่มหยุดขับรถที่เกี่ยวข้องกับความแออัด. ได้รับการติดอยู่ในการจราจรที่ทุกคนขับสามารถทำคือการเข้าร่วมในการ. การรับรู้ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมากกว่าสัญญาณจราจรงานถนนและข้อ จำกัด ความเร็วบนถนนที่ปรากฏที่เปิดกว้างและ ส่วนใหญ่ของการเข้าชมฟรี. ใจร้อนหรือการขับรถเชิงรุกโดยผู้ใช้ถนนอื่น ๆ . เหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาผลในอันตรายที่เพิ่มขึ้น. เห็นว่าความเข้มข้นของไดรเวอร์อื่น ๆ จะถูกผลกระทบจากอุปกรณ์ในรถของพวกเขา. ขาดการส่งสัญญาณ. ไฟกระโดด. เป็นเหยื่อของการละเมิดโดย ผู้ใช้ถนนอื่น ๆ . ถูกกดดันให้ขับรถได้เร็วขึ้นโดยยานพาหนะต่อไป. ไดรเวอร์ลืมที่จะใส่ในไฟหรือไฟไม่ถูกต้องตั้ง. ถูกบังคับให้เบรกยากสำหรับเหตุผลต่างๆ. อ้อม. ที่จอดรถไม่เกรงใจ. ที่จริงรายการเป็นจำนวนมากอีกต่อไป แต่จุดที่นี่ เป็นความผิดหวังดังกล่าวนำไปสู่การขาดความเป็นกลางและระบายความโกรธที่คนอื่น ๆ มีให้เห็นอย่างสม่ำเสมอว่ามีที่ผิด ความเป็นจริงที่เรารู้สึกว่าการป้องกันภายในขอบเขตของรถอาจอธิบายว่าทำไมไดรเวอร์บางตะโกนและท่าทางที่ผู้ใช้ถนนอื่น มีความคิดที่ว่ามันจะดีกว่าที่จะได้รับความเครียดออกจากระบบกว่าขวดมันขึ้นมาเป็น นี้อาจจะมีองค์ประกอบของความจริงในเรื่องนี้ แต่หลักฐานที่จะบอกเราว่าซ้ำระบายจะโทรในหัวใจและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะนี่คือการระบายอากาศค่อนข้างเหมือนภูเขาน้ำแข็ง; องค์ประกอบทางกายภาพ (ปลาย) เท่านั้นอาจมีอายุการใช้สองหรือสอง แต่ความคิดเชิงลบและความโกรธใต้พื้นผิวมีแนวโน้มที่จะไปไหนมาไหน นี้ในการเปิดสามารถทำให้เสียความยุติธรรมนำไปสู่ความขัดแย้งทางวาจาและทางกายภาพและการตัดสินใจผื่น. ฉันเอาการทดสอบการขับขี่ของฉันรอบ 40 ปีที่ผ่านมา: ลูกสาวของฉันเอาเธอไปรอบสามปีที่ผ่านมา มันเป็นแบบทดสอบที่เรียกร้องมากขึ้น แต่แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในปริมาณการจราจรและสภาพการจราจรมันน่าประหลาดใจฉันที่เน้นยังคงเป็นเกือบเฉพาะในกลไกของการขับรถและกฎระเบียบของถนน งานฝีมือที่แท้จริงของการขับรถเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา แต่ผมสงสัยว่าเราควรจะให้ความสนใจมากขึ้นในการจิตวิทยาของพฤติกรรมของคนขับและวิธีการที่ดีที่สุดในการรับมือกับความเครียดในการขับรถหรือไม่เรามีระดับที่ดีของการควบคุมส่วนบุคคลมากกว่า ความเครียดคนขับรถและมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะยอมรับนี้ ปล่อยให้เวลาในการเดินทางไปทำงานที่ช่วยลดความเสี่ยงของการที่ไม่คาดฝันไว้อัพ เพลงผ่อนคลายเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้ ขับรถเป็นเท่าสภาวะของจิตใจเป็นสิ่งอื่น ถ้าคุณสามารถยอมรับว่ามีข้อ จำกัด กับปริมาณของการควบคุมที่คุณสามารถออกกำลังกายเป็นคนขับมันจะช่วยให้ มิฉะนั้นกฎเดียวกันสำหรับความเครียดขับรถนำไปใช้ด้านอื่น ๆ ของชีวิตของคุณ การออกกำลังกาย, อาหารที่ดี, ต่ำหรือไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการนอนหลับปกติทั้งหมดจะนำไปสู่ความรู้สึกโดยรวมของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี. - ดูเพิ่มเติมได้ที่: http://www.healthcentral.com/anxiety/c/4182/150277/driver -stress / # sthash.HfGyA3ox.dpuf

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เวลาที่เราได้รับหลังล้อของรถและเริ่มต้นการขับรถเรากลายเป็นที่เกี่ยวข้องในชุดของเหตุการณ์ที่ใช้โทรระดับความเครียดของเรา แม้จะคาดเดาเหตุการณ์ เช่น รักษาความเร็วคงที่ , เบรกและดึงไปที่ไฟหรือเพียงแค่นั่งอยู่ในการจราจรเพิ่มความเครียด เพิ่มอื่น ๆ ปัญหา เช่น ถูกติดตามอย่างกระชั้นชิด โดยยานพาหนะอื่น ถูกตัดขึ้นมีการแบ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะ และเร็วๆ นี้จะชัดเจนว่าทำไมขับรถได้คะแนนเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เครียดมากที่สุด

เรามักจะดูการขับขี่บางธรรมชาติขยายกิจกรรมทุกวัน แต่จริงๆแล้วมีความแตกต่าง คนเราจะทำอะไรในรถ เขาก็จะไม่พิจารณาในบริบทอื่น บางบรรทัดฐานที่เราได้รับการพัฒนาในช่วงปกติและที่ให้เราทำงานร่วมกันเป็นสัตว์สังคม ปรากฏเศษ . ขับรถมีความเสี่ยง ความผิดพลาดมักจะพยายามที่มากเกินไปมักจะเกี่ยวข้องกับการขาดการควบคุมอารมณ์ ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความเครียดมากในไดรเวอร์ ?

ร่างกายของเราได้รับการออกแบบที่มีการต่อสู้ง่ายหรือกลไกการบิน ; ซึ่งเราใช้หนึ่งหรืออื่น ๆ เพื่อระบายความเครียด เมื่อมันเกิดขึ้นนั่งอยู่ในรถนั้นเข้ากันไม่ได้กับความเครียดที่สร้างขึ้น ไม่มีร่างกาย เต้าเสียบ เราไม่สามารถต่อสู้และเราวิ่งไม่ได้ ดังนั้น แรงเพียงแค่สร้างกับไม่ชัดเต้าเสียบ เมื่อร้านไม่เสนอตัวเอง ตัวอย่างเช่น เมื่อเรารับรู้อีก คนขับจะได้ประโยชน์หรือไม่จ่ายเนื่องจากความสนใจ ไม่มีอันตรายจากปฏิกิริยาเลยเถิด ( Rage ถนนเรียกว่า ) .

ในการศึกษาพฤติกรรมของผู้ขับขี่และควบคุมความเครียดบางอย่างออกมาเป็นปกติ สาเหตุของความเครียด พวกเขารวม :

ติดอยู่ในการจราจรหรือเริ่มหยุดการขับรถที่เกี่ยวข้องกับความแออัด .
ติดอยู่ในการจราจรที่คนขับจะเข้าร่วมในการรับรู้มากกว่าระเบียบที่เกี่ยวข้อง .
ป้ายจราจร งานถนนและข้อ จำกัด ความเร็วบนถนนเปิดและฟรีที่ปรากฏส่วนใหญ่ของการจราจร .
ใจร้อนหรือการขับรถก้าวร้าวโดยผู้ใช้ถนนอื่น ๆ ได้มากขึ้น ส่งผลให้เหตุการณ์

เห็นว่าอันตราย ความเข้มข้นของไดรเวอร์อื่น ๆที่ได้รับผลกระทบ โดยอุปกรณ์ในรถยนต์ของตนเอง ขาดการส่งสัญญาณ
.

ไฟกระโดด เป็นเหยื่อของการละเมิดโดยผู้ใช้ถนนอื่น ๆ .
ถูกกดดันให้ขับรถเร็ว โดยยานพาหนะ ดังนี้
ลืมใส่คนขับรถไฟหรือไฟชุดอย่างไม่ถูกต้อง .
ถูก เบรคหนักๆ จอดรถไม่เกรงใจ

แวะ . .

จริงรายการยาวมาก แต่ จุดนี้เป็นปัญหานำไปสู่การขาดเป้าหมายและระบายความโกรธที่บุคคลอื่นจะต้องเห็นเป็นผิดความจริงที่เรารู้สึกปลอดภัยภายในขอบเขตของรถอาจจะอธิบายได้ว่า ทำไมบางไดรเวอร์ตะโกนและท่าทางที่ผู้ใช้ถนนอื่น ๆ มีความคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะได้รับความเครียดจากระบบกว่าขวดแล้ว นี้อาจมีองค์ประกอบของความจริงในนั้นแต่หลักฐานจริงบอกเราว่าซ้ำระบายใช้เวลาโทรในหัวใจและระบบภูมิคุ้มกันนี้เป็นเพราะระบายค่อนข้างเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ; ส่วนประกอบทางกายภาพ ( ปลาย ) อาจใช้เวลาหนึ่งหรือสองวินาที แต่ความคิดเชิงลบและอารมณ์ใต้ผิวมีแนวโน้มที่จะแขวนรอบ ๆ นี้ในการเปิดจะทำให้เสียความยุติธรรม นำไปสู่ความขัดแย้งทางวาจาและร่างกาย และการตัดสินใจผื่น


ฉันพาฉันขับรถทดสอบประมาณ 40 ปีก่อน ลูกสาวผมเอาเธอประมาณสามปีมันเป็นมากกว่าความเปลี่ยนแปลงในการทดสอบ แต่แม้จะมีปริมาณจราจรและสภาพการจราจรมันทำให้ฉันประหลาดใจที่เน้นยังเกือบเฉพาะในกลไกของการขับรถและกฎของถนน ฝีมือที่แท้จริงของการขับรถ เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ตลอดเวลาแต่ผมสงสัยว่าเราควรจะให้ความสนใจมากขึ้นกับจิตวิทยาพฤติกรรมของผู้ขับขี่ และวิธีที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับความเครียดในการขับรถ ?

เราได้ในระดับที่ดีของการควบคุมส่วนบุคคลมากกว่าควบคุมความเครียดและมันสำคัญที่จะยอมรับนี้ อนุญาตให้เพิ่มเวลาในการเดินทางไปทำงาน ช่วยลดความเสี่ยงของการไม่อาจถือ UPS เพลงผ่อนคลายเล็กน้อยสามารถช่วยขับรถเป็นสภาวะของจิตใจเป็นอย่างอื่น หากคุณสามารถยอมรับว่ามีขีด จำกัด กับปริมาณของการควบคุมคุณสามารถคน เป็นคนขับ มันช่วย มิฉะนั้นกฎเดียวกันสำหรับคนขับความเครียดใช้ด้านอื่น ๆของชีวิตของคุณ การออกกำลังกาย , อาหารดี , ต่ำ หรือ แอลกอฮอล์ และนอนปกติไม่ทั้งหมดจะนำไปสู่ความรู้สึกโดยรวมของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- ดูเพิ่มเติมที่ : http://www.healthcentral .ดอทคอม / ความวิตกกังวล / C / รูป / 150277 / ความเครียด / # sthash.hfgya3ox.dpuf ไดรเวอร์