Sorghum [Sorghum bicolor (L.) Moenc

Sorghum [Sorghum bicolor (L.) Moench] is the fifth leading crop
worldwide and the third most important cereal crop behind wheat
and barley in Australia (Mahasukhonthachat, Sopade, & Gidley, 2010).
It plays an important role in sustainable grain production, particularly
in semi-arid regions of the world due to its drought and high temperature
tolerance and is therefore considered an important cereal crop
for food security in these regions (Taylor, Schober, & Bean, 2006). However,
in Australia sorghum grain is mainly used for animal feed (up
to 60% of the crop) and is still underutilised as a human food source
(Mahasukhonthachat et al., 2010). Several studies have shown that sorghumis
nutritionally comparable to other major cereals (Duodu, Taylor,
Belton, & Hamaker, 2003) and is a valuable source of health functional
ingredients including resistant starch (Dicko, Gruppen, Traore, Voragen,
& van Berkel, 2006; Ragaee, Abdel-Aal, & Noaman, 2006) and phenolic
compounds (Awika & Rooney, 2004; Dykes & Rooney, 2006).
Resistant starch is considered a low-calorie functional food component
that resists hydrolysis by enzymatic digestion in the small intestine
(Sajilata, Singhal, & Kulkarni, 2006); undergoes complete or partial
fermentation in the colon to produce beneficial short-chain fatty acids
(Ferguson, Tasman-Jones, Englyst, & Harris, 2000; Henningsson,
Margareta, Nyman, & Bjorck, 2003); and stimulates healthy gut microflora,
and hence has potential as a prebiotic (Voragen, 1998; Young &
Le Leu, 2004). The consumption of resistant starch in place of digestible
starch can also reduce postprandial glycaemia and insulinaemia as unlike
digestible starch it does result in glucose absorption in the small intestine
(Raben et al., 1994; Reader, Johnson, Hollander, & Franz, 1997). Despite
the fact that resistant starch is physiologically beneficial, its current estimated
daily intake of about 5 g/day is still lower than the recommended
intake of 20 g/day (Baghurst, Baghurst, & Record, 1996).
Phenolic compounds are a health functional component of sorghum
through their antioxidant properties (Dlamini, Taylor, & Rooney, 2007;
Dykes, Rooney, Waniska, & Rooney, 2005; Kamath, Chandrashekar, &
Rajini, 2004). Sorghum has higher levels of phenolic compounds compared
to other widely consumed cereals such as wheat, rice, barley
and millet (Ragaee et al., 2006). In sorghum these polyphenolics are
concentrated in the outer layers of the grain where they are found in
both free and bound forms (Awika & Rooney, 2004). While all sorghum
varieties contain phenolic compounds, the types and levels present are
related to pericarp colour and the presence of pigmented testa and
hence the overall grain colour. For instance, white-grained varieties
have awhite pericarp and containmainly simple phenolic acids,whereas
red and black-grained varieties have a red or black pericarp andcontain phenolic acids and anthocyanins. Some red and black-grained
varieties also have a pigmented testa and in addition to phenolic acids
and anthocyanins also contain condensed tannins (Awika & Rooney,
2004). Epidemiological studies have indicated that diets rich in phenolic
compoundsmay have protective effects against various chronic diseases
associated with oxidative stress such as diabetes, cancer and cardiovascular
disease (Halliwell, 2008; Temple, 2000). Food products containing
sorghum flour as an ingredient could act as vehicles for increased dietary
intake of phenolic compounds and thus provide chronic disease
protective effects.
Pasta is popular worldwide and is used as a staple food in many
countries. Conventional pasta is manufactured using durum wheat
semolina as the primary ingredient. Compared to other starchy foods
such as bread, pasta has beneficial physiological effects, including inducing
low postprandial glycaemic and insulinaemic responses (Aston,
Gambell, Lee, Bryant, & Jebb, 2008; Bornet et al., 1989). However, conventional
pasta products are not high in resistant starch nor in polyphenolic
antioxidants, both of which may further reduce the risk of chronic
diseases (He, Nowson, Lucas, & MacGregor, 2007; Pérez-Jiménez et al.,
2008). Several studies have reported the increased resistant starch
content and polyphenolic antioxidant levels of pasta through the addition
of non-durum wheat ingredients such as: unripe banana flour
(Ovando-Martinez, Sáyago-Ayerdi, Agama-Acevedo, Goñi, & Bello-
Pérez, 2009); chickpea flour (Fares & Menga, 2012); common bean
flour (Gallegos-Infante et al., 2010); wakame (Prabhasankar et al.,
2009); oregano and carrot leaf (Boroski et al., 2011); and barley flour
(Verardo, Gomez-Caravaca, Messia, Marconi, & Caboni, 2011).
There appears however to be no studies reporting the effect of
sorghum flour addition to durum wheat pasta on its resistant starch
content, phenolic profile and antioxidant capacity. Therefore, the objective
of thisworkwas to evaluate the effect in both uncooked and cooked
pasta, of substituting durum wheat semolina with red or white sorghum
flour on resistant starch content, phenolic profile and antioxidant
capacity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้าวฟ่าง [ข้าวฟ่าง bicolor (ลิตร) moench] เป็นพืชชั้นนำที่ห้า
ทั่วโลกและธัญพืชที่สามที่สำคัญที่สุดที่อยู่เบื้องหลัง
ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ในออสเตรเลีย (mahasukhonthachat sopade, & Gidley, 2010).
มันมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน การผลิตข้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค
กึ่งแห้งแล้งของโลกเนื่องจากภัยแล้งและอุณหภูมิสูง
ความอดทนและมีการพิจารณาจึงธัญพืชที่สำคัญ
เพื่อความปลอดภัยด้านอาหารในภูมิภาคนี้ (เทย์เลอร์, Schober, &ถั่ว, 2006) แต่
ในออสเตรเลียข้าวฟ่างเมล็ดส่วนใหญ่จะใช้สำหรับอาหารสัตว์ (
ขึ้นถึง 60% ของพืช) และยังคง underutilized เป็นแหล่ง
(mahasukhonthachat และคณะ. 2010) อาหารของมนุษย์ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า sorghumis
มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับธัญพืชอื่น ๆ ที่สำคัญ (duodu, เทย์เลอร์,
เบลตัน, & Hamaker, 2003) และเป็นแหล่งที่มีคุณค่าของสุขภาพการทำงาน
ส่วนผสมรวมทั้งแป้งทน (Dicko, Gruppen, traore, voragen
&รถตู้ Berkel 2006; ragaee, อับเดล-aal, noaman &, 2006) และฟีนอล
สารประกอบ (awika & rooney 2004. เลสเบี้ยน& rooney, 2006)
แป้งทนถือว่าต่ำแคลอรี่ส่วนอาหารทำงาน
ที่ต่อต้านการย่อยสลายโดยการย่อยของเอนไซม์ในลำไส้เล็ก
(sajilata singhal, & Kulkarni, 2006); ผ่านการหมักสมบูรณ์หรือบางส่วน
ในลำไส้ใหญ่เป็นประโยชน์ในการผลิตไขมันสายสั้น (; bjorck henningsson
Margareta, Nyman, & 2003 ferguson แทสมัน-jones, englyst, & harris, 2000) กรด
;และกระตุ้นจุลินทรีย์ในลำไส้มีสุขภาพดี,
และด้วยเหตุนี้มีศักยภาพในการเป็น prebiotic (voragen, 1998; หนุ่ม&
le ลิว, 2004) การบริโภคแป้งทนอยู่ในสถานที่ของการย่อยแป้ง
ยังสามารถลด glycaemia ภายหลังตอนกลางวันและ insulinaemia เป็นเหมือน
แป้งย่อยก็ไม่ส่งผลในการดูดซึมกลูโคสในลำไส้เล็ก
(Raben et al, 1994;. ผู้อ่าน, จอห์นสัน, ดัตช์, & franz , 1997)แม้จะมีความจริงที่ว่า
แป้งทนเป็นประโยชน์ทางสรีรวิทยาประมาณ
บริโภคประจำวันในปัจจุบันประมาณ 5 กรัม / วันยังคงต่ำกว่าที่แนะนำ
ปริมาณ 20 กรัม / วัน (baghurst, baghurst, &บันทึก, 1996). สารประกอบฟีนอล
มีสุขภาพเป็นส่วนประกอบการทำงานของข้าวฟ่าง
ผ่านคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของพวกเขา (มินิ, เทย์เลอร์, & rooney 2007;
เลสเบี้ยนรูนีย์, waniska, & rooney 2005;kamath, chandrashekar, &
ราชินี, 2004) ข้าวฟ่างมีระดับที่สูงขึ้นของสารฟีนอลเมื่อเทียบ
ธัญพืชอื่น ๆ ที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายเช่นข้าวสาลีข้าวบาร์เลย์และข้าวฟ่าง
(ragaee และคณะ. 2006) ในข้าวฟ่างโพลีฟีเหล่านี้
กระจุกตัวอยู่ในชั้นนอกของเมล็ดข้าวที่พวกเขาจะพบในรูปแบบ
ทั้งฟรีและผูกพัน (awika & rooney, 2004) ในขณะที่ข้าวฟ่างทั้งหมด
พันธุ์มีสารฟีนอลชนิดและระดับปัจจุบันจะ
เกี่ยวข้องกับสีเปลือกและการปรากฏตัวของเม็ดสีและเทสตา
จึงเม็ดสีโดยรวม เช่นพันธุ์ขาวเม็ดเล็ก
มีเปลือก awhite และกรดฟีนอลที่ง่าย containmainly ขณะ
พันธุ์สีแดงและสีดำเม็ดเล็กมีเปลือกสีแดงหรือสีดำ andcontain กรดฟีนอลและ anthocyaninsพันธุ์สีแดงและสีดำเม็ดเล็ก
บางส่วนยังมีเทสตาเม็ดสีและนอกเหนือไปจากฟีนอลและกรด
anthocyanins ยังมีการรวมตัวแทนนิน (awika & rooney,
2004) การศึกษาทางระบาดวิทยาได้แสดงให้เห็นว่าอาหารที่อุดมไปด้วยฟีนอล
compoundsmay มีผลป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ
เกี่ยวข้องกับความเครียดออกซิเดชันเช่นโรคเบาหวานโรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรค (ฮอล์ลิ 2008; วัด, 2000) ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีแป้ง
ข้าวฟ่างเป็นส่วนผสมสามารถทำหน้าที่เป็นยานพาหนะสำหรับการเพิ่มขึ้นของการบริโภคอาหารที่
ของสารประกอบฟีนอลและจึงให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
ป้องกันผลกระทบ.
พาสต้าเป็นที่นิยมทั่วโลกและจะใช้เป็นอาหารหลักในหลายประเทศ
พาสต้าธรรมดาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้ข้าวสาลี durum
semolina เป็นส่วนผสมหลักเมื่อเทียบกับอาหารประเภทแป้งอื่น ๆ
เช่นขนมปังพาสต้ามีผลกระทบทางสรีรวิทยาประโยชน์รวมทั้ง Inducing
ต่ำการตอบสนองของระดับน้ำตาลในเลือดภายหลังตอนกลางวันและ insulinaemic (แอสตัน,
gambell, lee, ไบรอันท์& Jebb 2008. bornet และคณะ, 1989) แต่ผลิตภัณฑ์
พาสต้าธรรมดาจะไม่สูงในแป้งทนไม่ในโพลีฟี
สารต้านอนุมูลอิสระซึ่งทั้งสองต่อไปอาจลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
โรค (เขา nowson lucas, &เกรเกอร์ 2007. Pérez-Jiménezเอตอัล,
2008) การศึกษาหลายแห่งมีการรายงานเพิ่มขึ้นทนแป้ง
เนื้อหาและสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีระดับของพาสต้าผ่านการเพิ่ม
ของส่วนผสมข้าวสาลีไม่ durum เช่นแป้งสุก​​กล้วย
(Ovando-มาร์ติเน Sayago-ayerdi, agama-Acevedo, Goñi, & bello -
pérez, 2009); แป้งถั่วเขียว (ค่าโดยสาร& Menga, 2012);ถั่วที่พบบ่อย
แป้ง (Gallegos Infante-et al, 2010.); Wakame (prabhasankar et al,,
2009.); ออริกาโนและใบแครอท (. boroski et al, 2011); และข้าวบาร์เลย์แป้ง
(Verardo โกเมซ-Caravaca, caboni Messia, มาร์โคนี& 2011).
มี แต่จะปรากฏขึ้นที่จะเป็นรายงานการศึกษาผลกระทบของข้าวฟ่าง
นอกจากนี้แป้ง durum พาสต้าข้าวสาลีบนแป้งทน
เนื้อหารายละเอียดฟีนอลและสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่มีดังนั้นวัตถุประสงค์ของ
thisworkwas การประเมินผลกระทบในพาสต้าที่ทั้งดิบและสุก
ของแทน durum semolina ข้าวสาลีข้าวฟ่างที่มีสีแดงหรือสีขาว
แป้งในปริมาณแป้งทนรายฟีนอลและสารต้านอนุมูลอิสระ
ความจุ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้าวฟ่าง [ข้าวฟ่าง bicolor (L.) Moench] เป็นพืชชั้นนำห้า
ทั่วโลก และพืชธัญพืชสำคัญสามหลังข้าวสาลี
และข้าวบาร์เลย์ในออสเตรเลีย (Mahasukhonthachat, Sopade & Gidley, 2010) .
จะมีบทบาทสำคัญในการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในพื้นที่กึ่งแห้งแล้งของโลกของภัยแล้งและอุณหภูมิสูง
ยอมรับ และดังนั้นจึงถือว่าเป็นการเพาะปลูกธัญพืชสำคัญ
สำหรับความปลอดภัยของอาหารในภูมิภาคเหล่านี้ (Taylor, Schober &ถั่ว 2006) อย่างไรก็ตาม,
ในออสเตรเลียข้าวฟ่าง เมล็ดส่วนใหญ่ใช้ในอาหารสัตว์ (ค่า
60% ของพืชผล) และยัง underutilised เป็นแหล่งอาหารมนุษย์
(Mahasukhonthachat et al., 2010) หลายการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่า sorghumis
คุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่ากับธัญพืชอื่น ๆ ที่สำคัญ (Duodu เทย์เลอร์,
Belton & Hamaker, 2003) และเป็นแหล่งมีคุณค่าของสุขภาพที่ทำงาน
เครื่องรวมทั้งแป้งทน (Dicko, Gruppen, Traore, Voragen,
& van Berkel, 2006 Ragaee Abdel Aal,, & Noaman, 2006) และฟีนอ
สารประกอบ (Awika &รูนีย์ 2004 Dykes &รูนีย์ 2006) .
แป้งทนถือว่าเป็นส่วนประกอบอาหารแคลอรี่ต่ำทำงาน
ที่พยายามขัดขวางไฮโตรไลซ์ โดยเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารในลำไส้เล็ก
(Sajilata, Singhal & Kulkarni, 2006); ผ่านทั้งหมด หรือบางส่วน
หมักในลำไส้ใหญ่ผลิตประโยชน์กรดไขมันห่วงโซ่สั้น
(เฟอร์กูสัน ทาสมานโจนส์ Englyst &แฮร์ริส 2000 Henningsson,
มาร์กาเรตา Nyman & Bjorck, 2003); กระตุ้นลำไส้เพื่อสุขภาพ microflora,
และมีศักยภาพเป็นพรีไบโอติกส์ (Voragen, 1998 ดังนั้น &หนุ่ม
เลอลัว 2004) ปริมาณของแป้งทนแทน digestible
แป้งยังสามารถลด postprandial glycaemia และ insulinaemia เป็นเท่า
digestible แป้งจะทำให้การดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในลำไส้เล็ก
(Raben et al., 1994 อ่าน จอห์นสัน Hollander &ฟรานซ์ 1997) แม้
จริงแป้งที่ทนเป็นประโยชน์ physiologically ปัจจุบันการประเมิน
บริโภคประจำวันประมาณ 5 กรัม/วันจะยังคงต่ำกว่าที่แนะนำ
ปริมาณ 20 กรัม/วัน (Baghurst, Baghurst &บันทึก 1996) .
ม่อฮ่อมเป็นส่วนประกอบทำงานสุขภาพของข้าวฟ่าง
โดยคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ (Dlamini เทย์เลอร์ &รูนีย์ 2007;
Dykes รูนีย์ Waniska &รูนีย์ 2005 & Kamath, Chandrashekar
Rajini, 2004) ข้าวฟ่างมีระดับสูงเปรียบเทียบม่อฮ่อม
กับธัญพืชอื่น ๆ ใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าว
และฟ่าง (Ragaee และ al., 2006) ในข้าวฟ่าง polyphenolics เหล่านี้มี
เข้มข้นในชั้นนอกของเมล็ดข้าวที่พวกเขาพบใน
ฟรี และผูก (Awika &รูนีย์ 2004) ขณะที่ข้าวฟ่างทั้งหมด
สายพันธุ์ประกอบด้วยสารฟีนอ ชนิดและระดับปัจจุบัน
สี pericarp และสถานะของหมึก testa และ
ดังนั้น โดยรวมเมล็ดสี เช่น เม็ดสีขาวพันธุ์
มี awhite pericarp และ containmainly อย่างฟีนอกรด ขณะ
หลากหลาย เม็ดสีดำ และสีแดงมีสีแดง หรือดำกรดฟีนอ andcontain pericarp และ anthocyanins บางสีแดง และสีดำเม็ด
พันธุ์มี testa หมึกและกรดฟีนอถึงแห่ง
และ anthocyanins ประกอบด้วย tannins บีบ (Awika &รูนีย์,
2004) ความมีระบุที่ diets อุดม phenolic
compoundsmay มีผลป้องกันต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ
เกี่ยวข้องกับความเครียด oxidative เช่นโรคเบาหวาน มะเร็ง และหลอดเลือดหัวใจ
โรค (Halliwell, 2008 วัด 2000) ผลิตภัณฑ์อาหารที่ประกอบด้วย
แป้งข้าวฟ่างเป็นส่วนผสมอาจทำหน้าที่เป็นยานพาหนะสำหรับอาหารสำหรับผู้เพิ่ม
บริโภคของ phenolic สารประกอบ และทำ ให้โรคเรื้อรัง
ผลป้องกันได้
พาสต้าเป็นที่นิยมทั่วโลก และใช้เป็นอาหารหลักในหลาย
ประเทศได้ ผลิตพาสต้าปกติใช้ข้าวสาลี durum
แป้งหมี่หยาบเป็นส่วนผสมหลัก เมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ ฟูม
เช่นขนมปัง พาสต้ามีประโยชน์ผลสรีรวิทยา รวม inducing
ต่ำ postprandial glycaemic และ insulinaemic การตอบสนอง (แอสตัน,
Gambell ลี ไบรอันท์ & Jebb, 2008 Bornet et al., 1989) อย่างไรก็ตาม ธรรมดา
พาสต้าผลิตภัณฑ์ไม่สูง ในแป้งทน หรือ ใน polyphenolic
สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทั้งสองอาจลดความเสี่ยงของโรค
โรค (เขา Nowson, Lucas & MacGregor, 2007 Pérez-Jiménez et al.,
2008) มีรายงานการศึกษาหลายแป้งทนเพิ่มขึ้น
ระดับสารต้านอนุมูลอิสระเนื้อหาและ polyphenolic พาสต้าผ่านการเพิ่ม
วัตถุดิบข้าวสาลี durum ไม่เช่น: แป้งกล้วยดิบ ๆ
(Ovando-มาติเน่ Sáyago Ayerdi อะกามา-Acevedo, Goñi & Bello-
Pérez, 2009); แกงถั่วเขียวแป้ง (Fares & Menga, 2012); ถั่วทั่วไป
แป้ง (อองฟองต์ Gallegos et al., 2010); wakame (Prabhasankar et al.,
2009); ใบออริกาโนและแครอท (Boroski et al., 2011); และข้าวบาร์เลย์แป้ง
(Verardo, Gomez-Caravaca, Messia, Marconi, & Caboni, 2011).
ปรากฏอย่างไรก็ตามจะ ไม่มีการรายงานผลของการศึกษา
นี้ข้าวฟ่างแป้งพาสต้าข้าวสาลี durum บนแป้งมันทน
เนื้อหา ฟีนอโปรไฟล์และสารต้านอนุมูลอิสระผลิต ดังนั้น วัตถุประสงค์
ของ thisworkwas ประเมินผลสุก และ uncooked
พาสต้า ของแทน durum แป้งหมี่หยาบข้าวสาลีกับข้าวฟ่างแดง หรือขาว
แป้งแป้งทนเนื้อหา ฟีนอโปรไฟล์ และสารต้านอนุมูลอิสระ
กำลังการผลิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้าวฟ่าง[ข้าวฟ่าง bicolor ( L .) moench ]เป็นที่ห้าชั้นนำทั่วโลกและพืช
ซึ่งจะช่วยให้ความสำคัญมากที่สุดที่สามซีเรียลพืชผลทางด้านหลังสาลี
และข้าวบาร์เลย์ในออสเตรเลีย( mahasukhonthachat , sopade ,& gidley , 2010 )..
สามารถเล่นที่สำคัญในการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะ
ในแบบกึ่งแห้งแล้ง ภูมิภาค ของโลกจากการที่ ภัย แล้งและ อุณหภูมิ สูง
fault tolerance และดังนั้นจึงได้รับการพิจารณาให้ผลผลิตข้าวที่สำคัญ
ซึ่งจะช่วยในการรักษาความ ปลอดภัย อาหารใน ภูมิภาค นี้( Taylor schober &เมล็ดกาแฟ 2006 ) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ในออสเตรเลียธัญพืชโดยส่วนใหญ่จะใช้ข้าวฟ่างสำหรับอาหารสัตว์(
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขึ้นถึง 60% ของผลผลิต)และมี underutilised เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์
( mahasukhonthachat et al . 2010 )ยัง การศึกษาหลายแห่งได้แสดงให้เห็นว่า sorghumis
ตามมาตรฐานลดน้ำหนักและอาหารเพื่อเทียบได้กับธัญพืชอื่นๆที่สำคัญ( duodu , Taylor ,
belton ,& hamaker , 2003 )และเป็นแหล่งที่มาของการดูแล สุขภาพ มีค่าเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอย
ส่วนผสมแป้ง,ทนต่อรวมถึง( dicko , gruppen , traore , voragen ,
&รถตู้ berkel , 2006 ; ragaee , abdel-aal ,& noaman , 2006 )และตัวเครื่อง Phenolic
สารประกอบ( awika &เวย์นรูนีย์, 2004 ,ทำโครงการกั้น&เวย์นรูนีย์, 2006 )..
ทนแป้งจะเป็นระดับต่ำ - แคลอรี่เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยอาหารคอมโพเนนต์หลักด้วย
ที่ยืนกรานโดย enzymatic ระบบย่อยอาหารในลำไส้เล็ก
( sajilata , singhal ,& kulkarni , 2006 );รางระบายหรือบาง
หมักในลำไส้ใหญ่ในการผลิตจะเป็นประโยชน์ต่อในระยะทางสั้นๆเพื่อไปเป็นกรดไขมัน
(คำบอกเล่า, tasman-jones , englyst ,& Harris , 2000 ; henningsson ,
margareta , nyman ,& bjorck , 2003 );และกระตุ้นจุลินทรีย์ชนิดกระเพาะมี สุขภาพ ดี
และดังนั้นจึงมี ศักยภาพ เป็น ประเภท นี้มีผลช่วยให้( voragen 1998 ,ลิวหนุ่ม&
Le 2004 ) การ บริโภค ของกันแป้งที่ย่อยง่าย
แป้งยังสามารถลด postprandial glycaemia และ insulinaemia
ย่อยง่ายและไม่เหมือนกับแป้งมันไม่ส่งผลให้กลูโคสช่วยดูดซับในลำไส้เล็ก
( raben et al ., 1994 ,เครื่องอ่าน, Johnson ,ชาวฮอลแลนด์,& Franz , 1997 )แม้ว่าจะมี
ซึ่งจะช่วยให้ความเป็นจริงที่ทนต่อแป้งเป็นในทางสรีรศาสตร์เป็นประโยชน์ให้เป็นปัจจุบันคาดว่าปริมาณการ บริโภค
ทุกวันประมาณ 5 กรัม/วันก็ยังต่ำกว่าที่แนะนำ
ปริมาณการ บริโภค 20 กรัม/วัน( baghurst , baghurst ,&บันทึก, 1996 )..
ตัวเครื่อง Phenolic สารประกอบที่มีต่อ สุขภาพ เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยของคอมโพเนนต์ข้าวฟ่าง
ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่มากโดยคุณสมบัติ( dlamini , Taylor ,&เวย์นรูนีย์, 2007 ;
ทำโครงการกั้น,เวย์นรูนีย์, waniska ,&เวย์นรูนีย์, 2005 ;kamath chandrashekar &
ก่อตั้งมหาวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญด้าน 2004 ) ข้าวฟ่างมีระดับสูงขึ้นของตัวเครื่อง Phenolic สารประกอบ
เมื่อเทียบกับกับธัญพืชอื่นๆ บริโภค กันอย่างแพร่หลายเช่นข้าวสาลีข้าวบาร์เลย์
และลูกเดือย( ragaee et al . 2006 ) ในข้าวฟ่าง polyphenolics เหล่านี้มี
โดยมากแล้วอยู่ในชั้นด้านนอกของธัญพืชที่พวกเขาถูกพบว่าในรูปแบบ
ทั้งสองแบบไม่เสียค่าบริการและผูกพัน( awika &รูนีย์ 2004 ) ในขณะที่ข้าวฟ่าง
ตามมาตรฐานทั้งหมดความหลากหลายมีสารประกอบตัวเครื่อง Phenolic ระดับและ ประเภท ที่มีอยู่มี
ที่เกี่ยวข้องกับปลอกเมล็ดข้าวสีและการมีอยู่ของ testa มีสีและ
ดังนั้นสีข้าวโดยรวม ตัวอย่างเช่นสีขาว - เนื้อละเอียดความหลากหลาย
มีกรดตัวเครื่อง Phenolic ปลอกเมล็ดข้าวและ containmainly awhite แบบเรียบง่ายในขณะที่
ความหลากหลายสีแดงและสีดำ - เนื้อละเอียดมี anthocyanins และกรดตัวเครื่อง Phenolic สีแดงหรือสีดำปลอกเมล็ดข้าว andcontain ที่ความหลากหลายสีแดงและสีดำมี
บางห้องยังมี testa มีสีและนอกจากนี้ยังเป็นกรดตัวเครื่อง Phenolic
และ anthocyanins นอกจากนั้นยังมีขนาดเล็กเป็นหยดน้ำ( awika &รูนีย์
2004 ) การศึกษาระบาดวิทยาจำนวนได้ระบุว่าอาหารในตัวเครื่อง Phenolic
compoundsmay มีผลช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง ภูมิต้านทาน เช่นโรคเบาหวานโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
โรค( halliwell 2008 วัด 2000 ) ผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบข้าวฟ่าง
ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำหน้าที่เป็นรถเพื่อเพิ่มการ บริโภค อาหาร
ซึ่งจะช่วยการ บริโภค ของคนไทยและทำให้ตัวเครื่อง Phenolic ให้เป็นโรคเรื้อรัง
ซึ่งจะช่วยป้องกันผลกระทบ.
พาสต้าได้รับความนิยมไปทั่วโลกและได้ใช้เป็นอาหารที่เป็นพื้นที่ในหลายประเทศ
พาสต้าแบบเดิมมีการผลิตโดยใช้ durum สาลี
semolina เป็นส่วนผสมหลักเมื่อเทียบกับอื่นๆอาหารจำพวกแป้ง
เช่นขนมปังพาสต้ามีผลกระทบทางสรีรวิทยาจากสนามแม่เหล็ก
ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เกิดประโยชน์รวมถึงการตอบกลับและคาร์โบไฮเดรต insulinaemic postprandial ต่ำ( Aston
gambell Lee Bryant & jebb 2008 bornet et al . 1989 ) แต่ถึงอย่างไรก็ตามสินค้า
ซึ่งจะช่วยพาสต้าแบบเดิมไม่ได้สูงในแป้งไม่ทนต่อสารต้านอนุมูลอิสระใน polyphenolic
ซึ่งจะช่วยทั้งสองของซึ่งอาจจะลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
โรค(เขา nowson Lucas & MacGregor ' s 2007 pérez-jiménez et al .
2008 ) การศึกษาหลายระดับมีรายงานว่าแป้ง
ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระอยู่มากและเนื้อหา polyphenolic กันเพิ่มขึ้นของพาสต้าโดยการเพิ่ม
ของส่วนผสมแป้งสาลีไม่ durum เช่นดิบแป้งกล้วย
( ovando-martinez sáyago - ayerdi agama-acevedo goñi & Bello -
pérez 2009 ) chickpea แป้ง(โดยสาร& menga 2012 )โดยทั่วไปเมล็ดกาแฟ
แป้ง( gallegos-infante et al ., 2010 ); wakame ( prabhasankar et al .,
2009 ),ออริกาโนและแครอทใบ( boroski et al ., 2011 );และแป้งข้าวบาร์เลย์
( verardo , gomez-caravaca , messia , Marconi ,& caboni , 2011 )..
ปรากฏว่ามีแต่จะไม่มีการศึกษาวิจัยที่มีผลการรายงานของ
ข้าวฟ่างแป้งรวมถึง durum สาลีพาสต้าที่ทนต่อแป้ง
เนื้อหา,ตัวเครื่อง Phenolic โปรไฟล์และต้านอนุมูลอิสระอยู่มากความสามารถ.ดังนั้นจึงมีวัตถุประสงค์ของ thisworkwas
ซึ่งจะช่วยในการประเมินผลในไม่ผ่านและอาหารที่ปรุงสุกแล้วพาสต้า
ซึ่งจะช่วยทั้งสองชิ้น semolina สาลี durum พร้อมด้วยสีแดงหรือสีขาวข้าวฟ่าง
แป้งที่ทนต่อเนื้อหาแป้งโปรไฟล์ตัวเครื่อง Phenolic และต่อต้านอนุมูลอิสระด้วย
ความจุ