Proton transport is plausible, beca

Proton transport is plausible, because MFCs work in a similar manner as hydrogen fuel cells. However, recent studies have found that cation transport may play a more important role than proton transport in the completion of cathodic reactions . The first experimental evidence of bioelectricity was found in the late eighteenth century by Luigi Galvani, who observed electric response by connecting frog legs to a metallic conductor . To further explore the potential of bioelectricity, Michael C. Potter built the first MFC in 1911. He demonstrated a current flow between two electrodes emerged in a bacterial culture and in sterile medium . In 1931, Barnett Cohen operated a potentiostat-poised half cell and obtained a current of 0.2 mA by applying þ0.5 V. He found that the capacity of this device could be improved by introducing potassium ferricyanide or benzoquinone as artificial electron mediators in the anode. During the 1960s, research on MFCs became popular due to the increased interest in converting organic waste into electric energy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ขนส่งโปรตอนเป็นเป็นไปได้ เพราะเดอร์ทำงานในลักษณะคล้ายกันเป็นเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดได้พบว่า การขนส่งไอออนอาจมีบทบาทสำคัญกว่าโปรตอนขนส่งในการทำปฏิกิริยา cathodic หลักฐานการทดลองแรกของ bioelectricity พบในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปด โดย Luigi Galvani ที่สังเกตเห็นไฟฟ้าตอบสนอง โดยการเชื่อมต่อขากบตัวนำโลหะ เพื่อสำรวจศักยภาพของ bioelectricity ไมเคิลพอตเตอร์ C. สร้าง MFC ครั้งแรกในปี 1911 เขาแสดงให้เห็นการไหลเวียนระหว่างสองขั้วไฟฟ้าโผล่ออกมา ในวัฒนธรรมแบคทีเรีย และฆ่าเชื้อกลาง ในปี 1931 โคเฮนบาร์เน็ตต์ดำเนินการทรงตัว potentiostat ครึ่งเซลล์ และรับกระแส 0.2 mA โดยใช้ þ0.5 V เขาพบว่า ความจุของอุปกรณ์นี้อาจดีขึ้น โดยการนำโพแทสเซียม ferricyanide หรือ benzoquinone เป็นผู้ไกล่เกลี่ยประดิษฐ์อิเล็กตรอนในขั้วบวก ในช่วงทศวรรษ 1960 วิจัยเกี่ยวกับเดอร์กลายเป็นที่นิยมเนื่องจากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแปลงขยะอินทรีย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขนส่งโปรตอนจะเป็นไปได้เพราะ MFCs ทำงานในลักษณะที่คล้ายกันเป็นเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่างไรก็ตามการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้พบว่าการขนส่งไอออนบวกอาจมีบทบาทสำคัญมากขึ้นกว่าการขนส่งโปรตอนในความสำเร็จของปฏิกิริยา cathodic หลักฐานการทดลองแรกของ bioelectricity พบว่าในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปดโดย Luigi Galvani ที่สังเกตการตอบสนองโดยการเชื่อมต่อไฟฟ้าขากบตัวนำโลหะ เพื่อไปสำรวจศักยภาพของ bioelectricity ที่ไมเคิลซีพอตเตอร์สร้างเอ็มเอฟครั้งแรกในปี 1911 เขาได้แสดงให้เห็นถึงการไหลของกระแสระหว่างสองขั้วไฟฟ้าโผล่ออกมาในวัฒนธรรมแบคทีเรียและฆ่าเชื้อในระดับปานกลาง ในปี 1931 บาร์เน็ตต์โคเฮนผู้ดำเนินการครึ่งเซลล์ potentiostat-ทรงตัวและได้รับในปัจจุบัน 0.2 mA โดยใช้þ0.5วีเขาพบว่าขีดความสามารถของอุปกรณ์นี้อาจจะดีขึ้นโดยการแนะนำโพแทสเซียม ferricyanide หรือ benzoquinone ไกล่เกลี่ยอิเล็กตรอนเทียมขั้วบวก . ในช่วงทศวรรษที่ 1960, งานวิจัยเกี่ยวกับ MFCs กลายเป็นที่นิยมเนื่องจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการแปลงขยะอินทรีย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โปรตอน การขนส่งเป็นไปได้เพราะ MFCs ทำงานในลักษณะที่คล้ายกันเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรเจน อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดพบว่า ในการขนส่งอาจมีบทบาทสำคัญมากกว่าโปรตอนการขนส่งในความสมบูรณ์ของปฏิกิริยา Cathodic หลักฐานการทดลองครั้งแรกของ bioelectricity ถูกพบในศตวรรษที่สิบแปดปลายโดยลุยจิ กัลวานี ผู้สังเกตการตอบสนองไฟฟ้าโดยเชื่อมขา กบในตัวนำโลหะ เพื่อสำรวจศักยภาพของ bioelectricity , Michael C . Potter สร้างช่องทางแรกใน 1911 เขาแสดงให้เห็นกระแสระหว่างสองขั้วไฟฟ้าเกิดขึ้นในแบคทีเรียในขนาดกลางและเป็นหมัน ในปี 1931 , Barnett Cohen ทำงานโพเทนทิโอทรงตัวครึ่งเซลล์ และได้รับกระแสมา 0.2 โดยใช้þ 0.5 โวลต์ เขาพบว่า ความจุของอุปกรณ์นี้อาจจะดีขึ้นโดยการแนะนำโพแทสเซียมเฟอร์ริกไซนาไนด์หรือเบนโซควินโนนประดิษฐ์เป็นสื่อกลางในอิเล็กตรอนขั้วบวก ในช่วงทศวรรษที่ 1960 , งานวิจัยเกี่ยวกับ MFCs กลายเป็นที่นิยมเนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในการแปลงขยะอินทรีย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า