นักวิชาการแนวเสรีนิยมใหม่พยายามจะอธิบายอาเซียนผ่านการศึกษาการรวมตัวระหว่างประเทศด้วยทฤษฎี
หน้าที่นิยม (Functionalist Theory) โดยเสนอว่า ความร่วมมือในอาเซียนพัฒนาไปสู่การสร้างสถาบันจากล่างขึ้นบน
(bottom-up) ซึ่งอ านาจการตัดสินใจเป็นไปอย่างกว้างขวางในอาเซียน5
งานเขียนบางชิ้นมองว่า อาเซียนเป็นหน่วยงาน
ทท่ีา หน้าทป่ีระสานนโยบาย เป็นเวทสีา หรบั การเปิดเสรทีางการคา้ ทา หน้าทแ่ีบ่งปนัขอ้ มลู ขา่ วสาร และเป็นเวทีส าหรับ
ต่อรองร่วมกัน6
ดังนั้น ระบบระเบียบในภูมิภาคจึงมีเพิ่มขึ้นจากการพึ่งพากัน (interdependence) ที่ขยายตัวมากขึ้น
ผ่านการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงระหว่างกันทางเศรษฐกิจ7
นักวิชาการแนวสถาบันนิยมแบบเสรีได้ท้าทายว่า นักสัจจนิยมได้มองข้ามผลงานในการสร้างสันติภาพและ
ความมั่นคงระดับภูมิภาคของอาเซียน อาเซียนมีความเชื่อมั่นและมีระดับความโปร่งใสที่สูงขึ้น อีกทั้งยังได้ลดความไม่
แน่นอนและความเป็นปรปกัษ์ต่อกนัในความสมัพนัธภ์ ายในภูมภิาคอย่างมีนัยส าคัญ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการถ่วงดุล หรือ
บทบาทของสหรัฐ แต่เป็นกระบวนการสร้างสถาบันในหมู่ชาติอาเซียนเองต่างหากที่ก่อให้เกิดความร่วมมือด้านความ
มั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคขึ้นมา8
ต่อเรื่องนี้ ศาสตราจารย์ ดอน เอ็มเมอร์สัน (Don Emmerson) แห่งมหาวิทยาลัย
สแตนฟอร์ด ได้จัดให้อาเซียนเป็น “ระบอบความมั่นคง” (security regime) ซึ่งรัฐอาเซียนจะไม่ใช้ก าลังต่อรัฐอาเซียน
ด้วยกัน ในขณะที่ ศาสตราจารย์ นารายานัน กาเนซัน (Narayanan Ganesan) แห่งมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา วิเคราะห์ว่า