Milton Friedman was more of a laiss

Milton Friedman was more of a laissez faire economist. He was for minimizing the role of government in a free market as the means of creating political and social freedom. These ideas formed the basis of his book "Capitalism and Freedom" (1962). He is perhaps best known for promoting free markets and credited with modern currency markets. His flotation in unregulated and unpegged markets was to the tune of "money is worth what people think it is worth." His works were even circulated underground during the Cold War, and were the basis for a consumption-tax based economy rather than an income tax or wealth tax.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มิลตันฟรีดแมนได้นักเศรษฐศาสตร์ที่ laissez ภาคอีสานมากขึ้น กำลังเพื่อลดบทบาทของรัฐบาลในตลาดเสรีเป็นวิธีการสร้างเสรีภาพทางการเมือง และสังคม ความคิดเหล่านี้รูปแบบพื้นฐานของหนังสือของเขา "ทุนนิยมและเสรีภาพ" (1962) เขาอาจจะรู้จักกันดีในการส่งเสริมการตลาดฟรี และเครดิตกับตลาดสกุลเงินทันสมัย Flotation ของเขาในตลาดขนบ และ unpegged ถูกของ "เงินคือมูลค่าที่คนคิดว่า คุ้มค่า" แม้งานของเขาถูกหมุนเวียนไปใต้ดินในช่วงสงครามเย็น และมีพื้นฐานสำหรับการใช้ภาษีตามเศรษฐกิจมากกว่าภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีให้เลือกมากมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มิลตันฟรีดแมนได้มากขึ้นจากนักเศรษฐศาสตร์ไม่รู้ไม่ชี้ เขาเป็นเพื่อลดบทบาทของรัฐบาลในตลาดเสรีเป็นวิธีการสร้างเสรีภาพทางการเมืองและสังคม ความคิดเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของหนังสือของเขา "ทุนนิยมและเสรีภาพ" (1962) เขาอาจจะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการส่งเสริมตลาดเสรีและให้เครดิตกับตลาดสกุลเงินที่ทันสมัย ลอยของเขาในตลาดอลหม่านและ unpegged คือการปรับแต่งของ "เงินเป็นมูลค่าสิ่งที่ผู้คนคิดว่ามันจะคุ้มค่า." ผลงานของเขาได้รับการหมุนเวียนใต้ดินแม้ในช่วงสงครามเย็นและเป็นพื้นฐานสำหรับเศรษฐกิจตามปริมาณการใช้ภาษีมากกว่าภาษีเงินได้หรือภาษีความมั่งคั่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มิลตัน ฟรีดแมนเป็น Laissez Faire นักเศรษฐศาสตร์ เขาคือการลดบทบาทของรัฐในตลาดฟรีเป็นวิธีการของการสร้างการเมืองและเสรีภาพในสังคม ความคิดเหล่านี้รูปแบบพื้นฐานของหนังสือ " ทุนนิยมและเสรีภาพ " ( 1962 ) เขาอาจจะรู้จักกันดีที่สุดสำหรับการส่งเสริมตลาดฟรีและให้เครดิตกับสกุลเงินตลาดสมัยใหม่ลอยของเขาในตลาดเป็นระเบียบและ unpegged เพื่อปรับแต่งของ " เงินมีค่าอะไรที่คนคิดว่ามันคุ้มค่า " ผลงานของเขายังหมุนเวียนใต้ดินในช่วงสงครามเย็น และพื้นฐานของเศรษฐกิจภาษีการบริโภคตามมากกว่าภาษีเงินได้หรือภาษีความมั่งคั่ง