The patients reported needs for emo

The patients reported needs for emotional support, family support, loneliness/need for connection and religious needs. The finding that patients with brain tumour express spiritual needs of loneliness and a need for connection supports previous research findings that neuro-oncology patients experience depression, isolation and a feeling of being deserted (Strang & Strang 2001, Strang et al. 2002). Patients identified a need for reassurance and solitude. It is interesting that both solitude and loneliness were identified as spiritual needs with solitude identified as the positive extreme of being alone. The finding with regard to the participants’ feelings that oscillate from loneliness to solitude is unique to this study because other studies have not identified this experience featuring in patients with cancer. Patients who value peace and solitude may appreciate being left alone so they can experience this. Nurses need to be sensitive to
patients who need solitude and create time and space for patients to experience peace and quiet. In the acute neurosurgical setting, this is likely to be problematic as the constant activities in such an environment inevitably lead to intrusion into the patient’s space. It would be difficult to reduce levels of activity as the patients’ physical condition in this setting requires high levels of input. Patients who express a need for solitude may be indicating that they do not wish healthcare professionals to be involved in their spiritual care and nurses need to respect this. Dossey (1993) believes that patients generally want to keep their spiritual feelings private and are not willing to share these feelings with medical staff. It should be noted, however, that Dossey’s theories are based on working with strongly religious patients who are likely to have access to spiritual support through their religious community.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้ป่วยรายงานความต้องการสำหรับการสนับสนุนทางอารมณ์ ครอบครัว ความเหงา อะจำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อและความต้องการทางศาสนา finding ผู้ป่วยเนื้องอกสมองความต้องการทางจิตวิญญาณของความเหงา และต้องการเชื่อมต่อรองรับ findings งานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ว่า ผู้ป่วยมะเร็งระบบประสาทที่พบโรคซึมเศร้า แยก และให้ความรู้สึกเป็นร้าง (นามและนาม 2001 นาม et al. 2002) ผู้ป่วย identified ต้อง reassurance และสันโดษ เป็นที่น่าสนใจว่า ความสันโดษและความเหงาได้ identified เป็นวิญญาณที่ต้องการ ด้วย identified สันโดษเป็นบวกมากคนเดียว finding เกี่ยวกับความรู้สึกของผู้เข้าร่วมที่ oscillate จากความเหงากับความสันโดษเป็นเอกลักษณ์ของการศึกษาครั้งนี้เนื่องจากมีการศึกษาอื่น ๆ ไม่ identified ประสบการณ์นี้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่สงบและสันโดษอาจชื่นชมถูกทิ้งคนเดียวดังนั้นพวกเขาสามารถประสบ พยาบาลต้องมีความไวต่อผู้ป่วยที่ต้องการความสันโดษ และสร้างเวลาและพื้นที่สำหรับผู้ป่วยที่จะได้สัมผัสความเงียบสงบ ในการตั้งค่าศัลยกรรมประสาทเฉียบพลัน นี้น่าจะเป็นกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมย่อมนำไปสู่การบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของผู้ป่วย มันจะ difficult เพื่อลดระดับของกิจกรรม ตามสภาพร่างกายของผู้ป่วยในต้องการป้อนข้อมูลในระดับสูง ผู้ป่วยที่แสดงต้องสันโดษอาจจะบ่งชี้ว่า พวกเขาไม่ต้องการดูแลสุขภาพการมีส่วนร่วมในการดูแลจิตวิญญาณ และพยาบาลต้องให้ความเคารพนี้ Dossey (1993) เชื่อว่า ผู้ป่วยโดยทั่วไปจะทำความรู้สึกจิตวิญญาณ และไม่ยินดีที่แบ่งปันความรู้สึกเหล่านี้กับเจ้าหน้าที่การแพทย์ ควรสังเกต อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีของ Dossey อิงทำงานกับผู้ป่วยทางศาสนาอย่างยิ่งที่มีโอกาสเข้าถึงการสนับสนุนทางจิตวิญญาณผ่านชุมชนทางศาสนาของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้ป่วยที่มีการรายงานความต้องการสำหรับการสนับสนุนทางอารมณ์การสนับสนุนจากครอบครัวเหงา / ความจำเป็นในการเชื่อมต่อและการตอบสนองความต้องการทางศาสนา nding Fi ที่ผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในสมองแสดงความต้องการทางจิตวิญญาณของความเหงาและความจำเป็นในการเชื่อมต่อรองรับ ndings วิจัย Fi ก่อนหน้านี้ที่ผู้ป่วยระบบประสาทเนื้องอกได้สัมผัสกับภาวะซึมเศร้าเหงาและความรู้สึกของการถูกทิ้งร้าง (ที่แปลกและแปลกปี 2001 แปลก et al. 2002) ผู้ป่วย Fi ระบุ ed ความจำเป็นสำหรับความมั่นใจและความสันโดษ เป็นที่น่าสนใจว่าทั้งความเหงาและความเหงาเป็นเอ็ด Fi ระบุเป็นความต้องการทางจิตวิญญาณที่มีความสันโดษเอ็ด Fi ระบุเป็นมากในเชิงบวกของการอยู่คนเดียว Fi จะ nding ในเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้เข้าร่วมที่สั่นจากความเหงาความเหงาที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในการศึกษาครั้งนี้เพราะการศึกษาอื่น ๆ ที่มี Fi เอ็ดไม่ระบุประสบการณ์นี้เนื้อเรื่องในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีค่าความสงบและสันโดษอาจชื่นชมถูกทิ้งไว้เพียงอย่างเดียวเพื่อให้พวกเขาสามารถสัมผัสนี้ พยาบาลจะต้องมีความไวต่อ
ผู้ป่วยที่ต้องการความสันโดษและสร้างเวลาและพื้นที่สำหรับผู้ป่วยที่จะได้สัมผัสกับความสงบและความเงียบสงบ ในการตั้งค่าศัลยกรรมประสาทเฉียบพลันนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาทั้งกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมเช่นหลีกเลี่ยงไม่ได้นำไปสู่การบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของผู้ป่วย มันจะยากที่จะลดระดับของกิจกรรมเป็นสภาพร่างกายของผู้ป่วยในการตั้งค่านี้ต้องระดับสูงของการป้อนข้อมูล ผู้ป่วยที่แสดงความจำเป็นในการสันโดษอาจจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะมีส่วนร่วมในการดูแลทางจิตวิญญาณของพวกเขาและพยาบาลต้องเคารพนี้ Dossey (1993) เชื่อว่าผู้ป่วยทั่วไปต้องการที่จะเก็บความรู้สึกทางจิตวิญญาณของพวกเขาส่วนตัวและไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันความรู้สึกเหล่านี้กับบุคลากรทางการแพทย์ มันควรจะสังเกตได้อย่างไรว่าทฤษฎี Dossey อยู่บนพื้นฐานของการทำงานร่วมกับผู้ป่วยทางศาสนาอย่างยิ่งผู้ที่มีแนวโน้มที่จะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางจิตวิญญาณผ่านชุมชนศาสนาของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้ป่วยมีความต้องการสนับสนุนอารมณ์ครอบครัว ความเหงาต้องการเชื่อมต่อและความต้องการทางศาสนา จึงหาที่ผู้ป่วยเนื้องอกสมองแสดงความต้องการทางจิตวิญญาณของความเหงาและความต้องการการเชื่อมต่อรองรับก่อนหน้าวิจัยจึง ndings ว่าผู้ป่วยมะเร็งประสาทประสบการณ์ภาวะซึมเศร้า , การแยกและความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้ง ( แปลก & แปลก 2001 แปลก et al . 2002 ) ผู้ป่วย identi จึงเอ็ดต้องการความมั่นใจและความสันโดษ เป็นที่น่าสนใจว่า ทั้งความเหงาและความเหงาได้ identi จึงเอ็ดขณะที่ความต้องการทางจิตวิญญาณกับความโดดเดี่ยว identi จึงเอ็ดเป็นบวกมากของการอยู่คนเดียว จึงหาเกี่ยวกับผู้เข้าร่วม ' ความรู้สึกที่แกว่งไปมาจากความเหงา เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของการศึกษา เพราะการศึกษาอื่น ๆได้ identi จึงเอ็ดนี้ประสบการณ์ที่มีในผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่อาจมีมูลค่าและความสงบ ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ดังนั้นพวกเขาสามารถ ประสบการณ์นี้ พยาบาลต้องจะไวต่อผู้ป่วยที่ต้องการความเงียบสงบและสร้างเวลาและพื้นที่สำหรับผู้ป่วยเพื่อประสบการณ์ความสงบและเงียบ ในการตั้งค่าศัลยกรรมประสาทเฉียบพลันนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา เป็นกิจกรรมที่คงที่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ย่อมนำไปสู่การบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของคนไข้ มันจะแยกศาสนาจึงลดระดับของกิจกรรมที่ผู้ป่วยสภาพทางกายภาพในการตั้งค่านี้ต้องใช้ระดับสูงของการป้อนข้อมูล ผู้ป่วยที่แสดงความต้องการที่อาจจะระบุว่า พวกเขาไม่ต้องการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้มีส่วนร่วมในการดูแลด้านจิตวิญญาณของพยาบาลต้องส่วนนี้ dossey ( 1993 ) เชื่อว่าผู้ป่วยโดยทั่วไปต้องการให้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณของพวกเขาส่วนบุคคล และไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันความรู้สึกเหล่านี้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ มันควรจะสังเกต แต่ที่ dossey ทฤษฎีจะขึ้นอยู่กับการทำงานกับศาสนาอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีแนวโน้มที่จะมีการเข้าถึงการสนับสนุนทางจิตวิญญาณผ่านชุมชนทางศาสนา