irregularly periodical climate chan

irregularly periodical climate change caused by variations in sea surface temperatures over the tropical eastern Pacific Ocean, affecting much of the tropics and subtropics. The warming phase is known as El Niño and the cooling phase as La Niña. The two variations are coupled: El Niño is accompanied with high, and La Niña with low air surface pressure in the tropical western Pacific.[1][2] The two periods last several years each (typically three to four) and their effects vary in intensity.[3]

The two phases relate to the Walker circulation, discovered by Gilbert Walker during the early twentieth century. The Walker circulation is caused by the pressure gradient force that results from a high pressure system over the eastern Pacific ocean, and a low pressure system over Indonesia. When the Walker circulation weakens or reverses, an El Niño results, causing the ocean surface to be warmer than average, as upwelling of cold water occurs less or not at all. An especially strong Walker circulation causes a La Niña, resulting in cooler ocean temperatures due to increased upwelling.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่สม่ำเสมอเป็นครั้งคราวก่อรูปในอุณหภูมิพื้นผิวของทะเลเขตร้อนตะวันออกมหาสมุทรแปซิฟิก มากของระดับชาติและส่งผลกระทบต่อ ระยะร้อนเรียกว่าซันโตเอลนิโญและตระ La Niña ระบายความร้อน รูปสองเป็นควบคู่: ซันโตเอลนิโญเป็นพร้อมกับสูง La Niña กับความกดอากาศต่ำผิวในแปซิฟิกตะวันตกเขตร้อน [1] [2] สองรอบระยะเวลาสุดท้ายหลายปี (ปกติ 3-4) และผลของพวกเขาแตกต่างกันในความเข้ม [3]ระยะสองเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนวอล์คเกอร์ ค้นพบ โดย Gilbert Walker ในระหว่างศตวรรษที่ยี่สิบต้น วอล์คเกอร์โลหิตเกิดจากกองทัพไล่ระดับความดันที่เป็นผลจากระบบความดันสูงเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก และระบบความดันต่ำกว่าอินโดนีเซีย เมื่อหมุนเวียนแบบวอล์คเกอร์อ่อน หรือย้อน กลับ ผลซันโตเอลนิโญ ทำให้เกิดพื้นผิวมหาสมุทรจะอุ่นมากกว่าค่าเฉลี่ย เป็น upwelling ของ น้ำเกิดขึ้นน้อย หรือไม่เลย หมุนเวียนวอล์คเกอร์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ Niña ลา ในอุณหภูมิมหาสมุทรเย็นเนื่องจาก upwelling เพิ่มขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นระยะบางครั้งบางคราวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในช่วงเขตร้อนตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีผลต่อมากของเขตร้อนและ subtropics ในช่วงภาวะโลกร้อนเป็นที่รู้จักกันเป็นเอลนีโญและขั้นตอนการระบายความร้อนลานีญาเป็น ทั้งสองรูปแบบเป็นคู่: เอลนีโญจะมาพร้อมกับสูงและลานีญาที่มีความดันพื้นผิวอากาศต่ำในเขตร้อนแปซิฟิกตะวันตก [1] [2] สองช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาแต่ละคน (โดยทั่วไป 3-4) และผลกระทบที่แตกต่างกัน. ในความรุนแรง. [3] ทั้งสองขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการไหลเวียนของวอล์คเกอร์ค้นพบโดยกิลเบิร์วอล์คเกอร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ การไหลเวียนของวอล์คเกอร์มีสาเหตุมาจากแรงกดดันทางลาดที่เป็นผลมาจากความกดอากาศสูงเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและระบบความดันต่ำกว่าอินโดนีเซีย เมื่อการไหลเวียนของวอล์คเกอร์อ่อนตัวหรือกลับเป็นเอลนีโญส่งผลทำให้เกิดพื้นผิวมหาสมุทรที่จะอุ่นกว่าค่าเฉลี่ยในขณะที่ท่วมท้นของน้ำเย็นที่เกิดขึ้นน้อยลงหรือไม่ได้เลย หมุนเวียนวอล์คเกอร์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดการลานีญาที่เกิดในเย็นอุณหภูมิมหาสมุทรเนื่องจากการเพิ่มขึ้นเต็มตื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิพื้นผิวทะเลข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกที่มีผลต่อขนาดของเขตร้อนและ subtropics . ร้อนระยะที่เรียกว่า El ni á n ) และเย็นเป็นลานีญา . ทั้งสองรูปแบบเป็นคู่ : El Ni á o คือไม่สูง และลานีญาที่มีความดันอากาศต่ำในเขตร้อนแถบแปซิฟิค[ 1 ] [ 2 ] สองช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ละ ( ปกติ 3-4 ) และผลของพวกเขาแตกต่างกันไปในความรุนแรง . [ 3 ]

สองขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับวอล์คเกอร์หมุนเวียน , ค้นพบโดยกิลเบิร์ตวอล์คเกอร์ในศตวรรษที่ยี่สิบต้น วอล์คเกอร์หมุนเวียนเกิดจากความดันที่เกิดจากการบังคับระบบความดันสูงเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและระบบแรงดันต่ำกว่าอินโดนีเซีย เมื่อเดินเวียนอ่อนตัวหรือย้อนกลับ , เอล ni á n ผล ทำให้เกิดพื้นผิวมหาสมุทรจะอุ่นกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่กระบวนการน้ำผุดจากน้ำหนาวเกิดขึ้นได้น้อย หรือไม่ได้เลย การไหลเวียนของวอล์คเกอร์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดลานีญา ส่งผลให้อุณหภูมิเย็นในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นจากกระบวนการน้ำผุด .