The chemical composition of the fru

The chemical composition of the fruit pulp is an important
criteria needed for the evaluation of fruit quality. Normally,
biochemical changes of mangoes during ripening include a
reduction of titratable acidity (TA) and increase of pH, ascorbic
acid, and total soluble solids (TSS). The changes in the chemical
composition of mangoes after eight days of storage were studied
(Table 3). Titratable acidity decreased in all the mangoes, both
treated and untreated, and uncoated mangoes had the maximum
fall in acidity. pH increased from the initial value of 3.61 in the
uncoated mangoes (4.88). There was not a significantly different
change observed between control and coated fruit.
During ripening, TSS increased due to the degradation of
polysaccharides present in the fruit. In this study, there was no
significant difference between values of coated and uncoated
mangoes and reference values. However uncoated fruit showed a
maximum value of 14.8% TSS after eight days of storage. Initially,
fruit are rich in ascorbic acid but its level usually decreases during
maturation. After eight days of storage, ascorbic acid in uncoated
fruit fell significantly (5.84 mg/100 mL) compared to coated fruit
(23–26 mg/100 mL) (Table 3). Slowing maturation caused by the
coating of chitosan, thus reduced degradation of ascorbic acid.
An overall comparison between chitosan treatments showed
that there was no significant difference between chitosan
concentrations of 1% and 1.5%. Application of chitosan exhibited
a beneficial effect on the contents of TA, TSS, pH and ascorbic acid.
This could be due to low respiration of coated fruit. The presence of
the enzyme system did not influence chemical composition
changes in the fruit.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

องค์ประกอบทางเคมีของเนื้อผลไม้เป็นสำคัญเกณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการประเมินคุณภาพผลไม้ โดยปกติการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีของมะม่วงสุกในช่วงรวมถึงการลดลงของปริมาณกรด(TA) และการเพิ่มขึ้นของค่า pH, วิตามินซีกรดและปริมาณของแข็งที่ละลายรวม(TSS) การเปลี่ยนแปลงในทางเคมีที่องค์ประกอบของมะม่วงหลังจากแปดวันของการจัดเก็บข้อมูลที่มีการศึกษา(ตารางที่ 3) ปริมาณกรดลดลงในทุกมะม่วงทั้งสองได้รับการรักษาและได้รับการรักษาและไม่เคลือบผิวมะม่วงมีสูงสุดที่ตกอยู่ในความเป็นกรด ค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้นจากค่าเริ่มต้นของ 3.61 ในมะม่วงเคลือบผิว(4.88) มีไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตระหว่างการควบคุมและการเคลือบผลไม้. ในระหว่างการสุก TSS เพิ่มขึ้นจากการย่อยสลายของสารที่มีอยู่ในผลไม้ ในการศึกษานี้ไม่พบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างค่าของการเคลือบและไม่เคลือบผิวมะม่วงและค่าอ้างอิง แต่ผลไม้เคลือบผิวพบว่ามีค่าสูงสุด 14.8% TSS หลังจากแปดวันของการจัดเก็บข้อมูล ในขั้นต้นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีแต่ระดับมักจะลดลงในช่วงการเจริญเติบโต หลังจากแปดวันของการจัดเก็บวิตามินซีในการเคลือบผิวผลไม้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (5.84 มก. / 100 มล) เมื่อเทียบกับผลไม้เคลือบ (วันที่ 23-26 มก. / 100 มล) (ตารางที่ 3) การเจริญเติบโตชะลอตัวที่เกิดจากการเคลือบไคโตซานที่ลดลงทำให้การย่อยสลายของวิตามินซี. การเปรียบเทียบระหว่างการรักษาโดยรวมของไคโตซานที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างไคโตซานความเข้มข้น1% และ 1.5% การประยุกต์ใช้ไคโตซานแสดงผลประโยชน์ในเนื้อหาของ TA, TSS ค่า pH และวิตามินซี. ซึ่งอาจจะเกิดจากการหายใจต่ำของผลไม้เคลือบ การปรากฏตัวของระบบเอนไซม์ไม่มีผลต่อองค์ประกอบทางเคมีการเปลี่ยนแปลงในผลไม้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

องค์ประกอบทางเคมีของผลผลิตสำคัญคือ
เกณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการประเมินคุณภาพของผลไม้ ปกติแล้ว การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีระหว่างการสุกของมะม่วง

ลดปริมาณรวมของกรด ( TA ) และการเพิ่มขึ้นของค่า pH , กรดแอสคอร์บิก
และปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายน้ำได้ ( TSS ) การเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบของสารเคมี
มะม่วงหลังวันที่แปดของกระเป๋าได้
( ตารางที่ 3 )ปริมาณกรดทั้งหมดลดลงในมะม่วงทั้ง
รักษาและมะม่วงดิบ และ ไม่เคลือบผิว ได้ตกสูงสุด
ในเม . pH เพิ่มขึ้นจากค่าเริ่มต้นของ 3.61 ใน
มะม่วงเคลือบผิว ( 4.88 ) มีไม่แตกต่างกันมากระหว่างการควบคุมและการเปลี่ยนแปลงที่สังเกต

ผลไม้เคลือบ ระหว่างการสุก ปริมาณของ TSS เพิ่มขึ้นเนื่องจากการสลาย
polysaccharides ที่มีอยู่ในผลไม้ในการศึกษานี้ไม่พบความแตกต่างระหว่างค่า

มะม่วงเคลือบและไม่เคลือบผิว และค่าอ้างอิง แต่เคลือบผิวผลไม้ให้
มูลค่าสูงสุด 14.8% TSS หลังวันที่แปดของการจัดเก็บ ตอนแรก
ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี แต่ระดับของมันมักจะลดลงในช่วง
บ่ม หลังจากวันของการเก็บวิตามินซีในผลไม้เคลือบ
ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ( 584 มก. / 100 มล. ) เทียบกับ
เคลือบผลไม้ ( 23 – 26 มก. / 100 มล. ) ( ตารางที่ 3 ) ชะลอการเจริญเติบโตที่เกิดจาก
เคลือบไคโตซาน จึงลดการสลายตัวของกรดแอสคอร์บิค
การเปรียบเทียบโดยรวมระหว่างไคโตแซนรักษาพบ
ว่ามีความแตกต่างระหว่างไคโตแซน
ความเข้มข้น 1% และ 1.5% ตามลำดับ การประยุกต์ใช้ไคโตซานมี
ผลประโยชน์ในเนื้อหาของปริมาณของ TSS , TA ,ด่างและกรดแอสคอร์บิก .
นี้อาจเนื่องจากการหายใจต่ำของผลไม้เคลือบ การปรากฏตัวของ
ระบบเอนไซม์ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมี

ในผลไม้