The occurrence of red tides in some

The occurrence of red tides in some locations appears to be entirely natural (algal blooms are a seasonal occurrence resulting from coastal up welling, a natural result of the movement of certain ocean currents)[12][13] while in others they appear to be a result of increased nutrient loading from human activities.[14] The growth of marine phytoplankton is generally limited by the availability of nitrates and phosphates, which can be abundant in agricultural run-off as well as coastal up welling zones. Coastal water pollution produced by humans and systematic increase in sea water temperature have also been implicated as contributing factors in red tides[citation needed]. Other factors such as iron-rich dust influx from large desert areas such as the Saharan desert are thought to play a major role in causing red tides.[15] Some algal blooms on the Pacific coast have also been linked to occurrences of large-scale climatic oscillations such as El Niño events. While red tides in the Gulf of Mexico have been occurring since the time of early explorers such as Cabeza de Vaca,[16] it is unclear what initiates these blooms and how large a role anthropogenic and natural factors play in their development. It is also debated whether the apparent increase in frequency and severity of algal blooms in various parts of the world is in fact a real increase or is due to increased observation effort and advances in species identification methods.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเกิดขึ้นของกระแสน้ำสีแดงในบางสถานที่ดูเหมือนจะ เป็นธรรมชาติทั้งหมด (ปรากฎการณ์เกิดตามฤดูกาลที่เกิดจากค่าเบ้า ผลตามธรรมชาติของการเคลื่อนที่ของกระแสบางทะเลชายฝั่ง) [12] [13] ในขณะที่คนอื่น ๆ จะปรากฏเป็น ผลลัพธ์ของการโหลดธาตุอาหารเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์[14] โดยทั่วไปมีจำกัดการเติบโตของ phytoplankton ทะเล โดยความพร้อมของ nitrates และฟอสเฟต ซึ่งจะมีชุกชุมใน run-off เกษตร ตลอดจนชายฝั่งค่าเบ้าโซน มลพิษทางน้ำชายฝั่งผลิต โดยมนุษย์ และระบบเพิ่มอุณหภูมิของน้ำทะเลได้ยังแล้วอู๊ดเป็นเอื้อต่อปัจจัยในกระแสน้ำสีแดง [ต้องการอ้างอิง] ปัจจัยอื่น ๆ เช่นฝุ่นเหล็กรวยอีกจากพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่เช่นทะเลทรายซาฮาร่าอยู่คิดว่า จะมีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดกระแสน้ำสีแดง[15] บางปรากฎการณ์บนชายฝั่งแปซิฟิกยังมีการเชื่อมโยงให้เกิดแกว่ง climatic ขนาดใหญ่เช่นเหตุการณ์ซันโตเอลนิโญ ในขณะที่กระแสน้ำสีแดงในอ่าวเม็กซิโกมีการเกิดขึ้นตั้งแต่เวลาที่ของเอ็กซ์พลอเรอร์ก่อนเช่น Cabeza de Vaca, [16] เป็นที่ชัดเจนว่าเริ่มบลูมส์เหล่านี้และการมาของมนุษย์ และธรรมชาติบทบาทปัจจัยเล่นในการพัฒนาของพวกเขา มันยังจะยังคงว่า เพิ่มขึ้นชัดเจนในความถี่และความรุนแรงของปรากฎการณ์ในส่วนต่าง ๆ ของโลกจะเพิ่มขึ้นจริงในความเป็นจริง หรือเนื่องจากความพยายามเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น และความก้าวหน้าของวิธีการระบุชนิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเกิดขึ้นของกระแสน้ำสีแดงในสถานที่บางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง (บุปผาสาหร่ายจะเกิดขึ้นตามฤดูกาลที่เกิดจากชายฝั่งขึ้นที่เกาะเป็นผลตามธรรมชาติของการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำในมหาสมุทรบางอย่าง) [12] [13] ขณะที่คนอื่นที่พวกเขาดูเหมือนจะเป็น ผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณแร่ธาตุอาหารจากกิจกรรมของมนุษย์. [14] การเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนพืชในทะเลจะถูก จำกัด โดยทั่วไปความพร้อมของไนเตรตและฟอสเฟตซึ่งสามารถมากมายในการวิ่งออกทางการเกษตรรวมทั้งชายฝั่งโซนขึ้นที่เกาะ มลพิษทางน้ำชายฝั่งทะเลที่ผลิตโดยมนุษย์และการเพิ่มขึ้นของระบบในอุณหภูมิน้ำทะเลยังได้รับการที่เกี่ยวข้องเป็นปัจจัยสำคัญในกระแสน้ำสีแดง [อ้างจำเป็น] ปัจจัยอื่น ๆ เช่นการไหลบ่าเข้าฝุ่นเหล็กที่อุดมด้วยจากพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่เช่นทะเลทรายซาฮารามีความคิดที่มีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดกระแสน้ำสีแดง. [15] บางบุปผาสาหร่ายบนชายฝั่งแปซิฟิกยังได้รับการเชื่อมโยงกับการเกิดขึ้นของขนาดใหญ่ แนบแน่นภูมิอากาศเช่นเหตุการณ์ El Niño ขณะที่กระแสน้ำสีแดงในอ่าวเม็กซิโกได้รับการเกิดขึ้นตั้งแต่เวลาของการสำรวจในช่วงต้นเช่น Cabeza de Vaca, [16] มันยังไม่ชัดเจนสิ่งที่เริ่มต้นบุปผาเหล่านี้และวิธีที่มีขนาดใหญ่บทบาทของมนุษย์และปัจจัยทางธรรมชาติที่เล่นในการพัฒนาของพวกเขา มันก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าการเพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดในความถี่และความรุนแรงของบุปผาสาหร่ายในส่วนต่างๆของโลกในความเป็นจริงเพิ่มขึ้นจริงหรือเป็นเพราะความพยายามที่เพิ่มขึ้นและการสังเกตความก้าวหน้าในวิธีการระบุสายพันธุ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเกิดกระแสน้ำสีแดงในบางสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติทั้งหมด ( บุปผาสาหร่ายเป็นตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นเป็นผลจากชายฝั่งขึ้นเวลลิ่ง ผลธรรมชาติของการเคลื่อนไหวของกระแสบางอย่าง ) [ 12 ] [ 13 ] ในขณะที่คนอื่น ๆที่พวกเขาดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มสารอาหาร โหลดจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์[ 14 ] การเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนพืชในทะเลทั่วไป จำกัด โดยความพร้อมของไนเตรท และฟอสเฟต ซึ่งสามารถเป็นแหล่งชุกชุมในการเกษตรรวมทั้งชายฝั่งขึ้นเวลลิ่ง โซน ชายฝั่ง มลพิษที่ผลิตโดยมนุษย์ และระบบเพิ่มอุณหภูมิน้ำ ทะเลยังถูกพาดพิงเป็นปัจจัยกระแสน้ำสีแดง [ อ้างอิงที่จำเป็น ]ปัจจัยอื่น ๆเช่นเหล็กที่อุดมไปด้วยฝุ่น ไหลจากพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่เช่นทะเลทรายซาฮารามีความคิดที่จะมีบทบาทในการก่อให้เกิดกระแสน้ำสีแดง [ 15 ] บาง algal บุปผาบนชายฝั่งแปซิฟิกยังได้รับการเชื่อมโยงกับการเกิดขึ้นของการสั่นภูมิอากาศขนาดใหญ่เช่น El Ni á o เหตุการณ์ขณะที่กระแสน้ำสีแดงในอ่าวเม็กซิโกที่ได้รับเกิดขึ้นตั้งแต่เวลาสำรวจก่อน เช่น นอกจากนี้ เดอ วาจา , [ 16 ] มันยังไม่ชัดเจนสิ่งที่เริ่มบานและใหญ่แค่ไหน บทบาท และปัจจัยทางธรรมชาติของมนุษย์เล่นในการพัฒนาของพวกเขายังเป็นที่ถกเถียงว่าชัดเจนเพิ่มขึ้นในความถี่และความรุนแรงของ algal บุปผาในส่วนต่างๆของโลกในความเป็นจริงเพิ่มจริง หรือจากการเพิ่มความพยายามและความก้าวหน้าในการตรวจสอบชนิดของวิธีการ