นมพาสเจอร์ไรส์เป็นนมสดนมสดที่ผ่านความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารบูดได้
นมยูเอชที คือ นมโคสด 100% ที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อโรคที่อุณหภูมิ 135 150 องศาเซลเซียสในระยะ เวลา 2 - 4 วินาที เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นโทษต่อร่างกาย ก่อนบรรจุลงกล่องด้วยระบบปลอดเชื้อพิเศษ ซึ่งทำให้จุลรินทรีย์ถูกทำลายแต่ไม่ทำให้คุณค่าของสารอาหารและรสชาติเปลี่ยนไป สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 9 เดือน
ส่วนนมสเตอริไรส์ คือนมสดที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงเป็นเวลานาน ซึ่งจากกระบวนการขั้นตอนการผลิตและการบรรจุของนมสเตอริไรส์นี้ จะทำให้วิตามินที่สำคัญบางตัวอย่างเช่น วิตามิน บี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี สูญเสียไปด้วย ดังนั้นนมสเตอริไรส์จึงไม่เหมาะกับเด็ก ๆ ที่กำลังเจริญเติบโต และห้ามใช้เลี้ยงเด็กทารกฮะ เพราะจะทำให้เด็กเป็นโรคขาดอาหารได้
โดยทั่วไปนมชนิดนี้มักบรรจุในกระป๋องโลหะที่ปิดสนิท จึงสามารถเก็บได้นาน 1-2 ปีทีเดียว เวลาซื้อท่านควรสังเกตดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุของนมที่ก้นกระป๋องด้วยนะฮะ และหลังจากที่เปิดใช้แล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อนมจะได้ไม่เสื่อมคุณภาพเร็ว ปัจจุบันนมสเตอริไรส์ที่ขายอยู่ในท้องตลาดจะมีหลายชนิดด้วยกัน
ชนิดที่ 1 ได้แก่นมสดพร้อมดื่ม ซึ่งเป็นนมสด 100 % และที่ข้างกล่องหรือกระป๋องจะเขียนว่า "นมสดสเตอร์ริไรส์" ดื่มได้ทันที
ชนิดที่ 2 คือ นมข้นไม่หวาน (นมข้นจืด) ซึ่งเป็นนมสดที่ระเหยเอาน้ำออกไปบางส่วน จึงทำให้นมข้นขึ้น และไม่ได้เติมน้ำตาลลงไป นมชนิดนี้นิยมใช้สำหรับเติมใส่เครื่องดื่มพวกน้ำชาหรือกาแฟ ซึ่งหากผสมน้ำลงไป 1 เท่าตัวก็จะได้นมสดที่ดื่มได้ทันทีเช่นกัน ในบางยี่ห้อจะมีการเติมน้ำมันปาล์มลงไปเรียกว่า "นมข้นแปลงไขมันชนิดไม่หวาน" ดังนั้นก่อนเลือกซื้อ อย่าลืมดูที่ฉลากข้างกระป๋องด้วยนะฮะ และแนะนำว่าควรซื้อชนิดที่เติมไขมันจะดีกว่า เพราะจะมีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่านมที่ไม่เติมไขมัน
ส่วนชนิดที่ 3 ได้แก่นมข้นหวาน คือนมสดที่มีการระเหยเอาน้ำออกไปบางส่วน จึงทำให้นมมีลักษณะข้นขึ้น แล้วเติมน้ำตาลลงไป หรืออาจจะใช้วิธีละลายนมผงขาดมันเนย ผสมกับไขมันเนยหรือน้ำมันปาล์มเข้าไป แล้วเติมน้ำตาลลงไปประมาณ 45-55 % แล้วแต่ยี่ห้อของนมฮะ ดังนั้นนมข้นหวานจึงเป็นนมที่มีน้ำตาลสูงมากจึงห้ามใช้เลี้ยงทารก หรือใช้เพื่อเสริมคุณค่าทางอาหารแทนนมกับเด็ก ซึ่งปัจจุบันทางคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ได้บังคับให้ผู้ผลิตทุกรายเขียนข้างกระป๋องด้วยอักษรสีแดงว่า "ห้ามใช้เลี้ยงทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี" ขณะเดียวกันก็บังคับให้ผู้ผลิตเติมวิตามินที่สำคัญอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินดี และวิตามินบีหนึ่งลงไปด้วย เพื่อให้นมข้นหวานมีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีพ่อแม่บางคนที่ไม่ทราบ และยังนำเอานมข้นหวานไปใช้เลี้ยงลูก จนทำให้เด็กถึงกับพิการตาบอด เนื่องมาจากขาดวิตามิน A ก็มีแล้ว