Excessive Grazing and Browsing One

Excessive Grazing and Browsing

One of the risks particularly associated with arid and semi-arid grazing systems is land degradation as a result of inappropriate grazing - often referred to as overgrazing. The process also occurs in sub-humid and humid grazing systems as well as in temperate and tropical highland grazing systems. Overgrazing is by no means limited to grazing systems and is also likely to become a problem under mixed farming systems.
nappropriate grazing can be defined as the practice of grazing too many livestock for too long a period on land unable to recover its vegetation, or of grazing ruminants on land not suitable for grazing as a result of certain physical parameters such as its slope. Overgrazing implies that the number of animals exceeds the productive capacity of the grazing land or pasture. However there may be other factors involved or contributing to the degradation of land under grazing, such as climate change. The environmental problems caused may be soil erosion, the destruction of vegetation, deterioration of water quality and other problems related to these processes.
Usually, overgrazing is the initial process leading to land degradation. Grazing lands are often nutritionally marginal, close to or in arid regions. It is important in these regions that vegetation covers the ground to protect soils from exposure. Overgrazing removes this protective vegetation, while livestock hooves trample exposed soils. These soils are then vulnerable to wind and water erosion, which remove nutritionally rich upper layers of the soil. The process of land degradation can be further aggravated and accelerated by drought. Once exposed and impacted, the soils can no longer support vegetation growth, thus they become desert-like or barren.

In humid and sub-humid zones, overgrazing may cause weed invasion and a decrease in forage availability.

A common trend is towards increased settlement by people practicing crop cultivation in former grazing areas. Under mixed farming systems, the processes of crop cultivation and fuelwood collection may become the main factors leading to land degradation, rather than livestock grazing. More commonly, land degradation in mixed farming systems will result from a combination of all these factors. Through a supply of manure, livestock can go some way towards assisting in mitigation of the negative impacts that crop cultivation can have on the environment.

Overgrazing may result in:

Reduced ground cover.
Increased or accelerated erosion: by wind, runoff, and dune mobilisation as a result of reduced ground cover.
Loss of vegetation as a result of selective grazing or browsing. This may result in a loss of palatable forage species and an increase in less palatable and less nutritious forage species.
Increasing species rarity as a result of excessive grazing or browsing.
Bush encroachment
Weed invasion, or an increase in undesirable (including exotic) plant species
A livestock planner may suspect that there is a problem of accelerated erosion resulting from overgrazing. If there is overgrazing he needs to find out why it is happening.
The root cause of overgrazing may be one or more of the following factors:

Stock numbers may be increasing, perhaps as a result of increasing human population.
The composition of livestock herds may be changing. These changes may themselves be driven by a complex set of factors.
There may be a net loss of grazing area to arable farming.
Seasonal mobility may be restricted by political unrest, by fencing or by other causes.
Changes in access to water resources may be restricting movement and denying access to parts of formerly accessible rangelands.
Most indigenous management systems, especially those in arid and semi-arid lands, were developed in environments where the quality of the land was not determined only by human use and management. For example, most pastoralist societies in East Africa have the preservation of good grazing as the main objective of traditional land management. At present, there is a reduction in grazing resources not only because of overgrazing, but also as a result of bush encroachment, which in some instances may be the dominant indicator of land degradation. Bush encroachment results, to a great extent, from the disappearance of large browsers like elephants, rhinos, and giraffes. The control of fire may also lead to an increasing dominance of bush and other woody vegetation at the expense of grassland. As grazing ecosystems become impoverished, land management must cope with new problems, to which traditional approaches may no longer be applicable.
There is also the important related point: what actually is land degradation? There can be no doubt that land is degraded when there are signs like deep gullies with deforestation. Such land, in the eyes of the ecologist, is severely degraded because there are only a few remaining plant species and a productivity breakdown. Meanwhile, controlled deforestation when it leads to a well managed and sustainable pasture might not be considered as a degradation, refering to social, economical as well as ecological criteria.

In relation to sustainable development, the mode of land management and land degradation assessment should be closely linked to the issues of potential use.

Note: Pasture degradation is a concept different to that of land degradation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Grazing มากเกินไปและการเรียกดู ความเสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับแห้งแล้ง และกึ่งแห้งแล้ง grazing ระบบจะย่อยสลายที่ดินจากสม grazing - มักเรียกว่า overgrazing กระบวนการเกิดขึ้นในย่อยชื้นชื้น grazing ระบบเช่นในไฮแลนด์แจ่ม และร้อน grazing ระบบยัง Overgrazing เป็นระบบ grazing จำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะกลายเป็น ปัญหาภายใต้ระบบการทำฟาร์มแบบผสมnappropriate grazing กำหนดไว้เป็นแบบฝึกหัด ของ grazing ปศุสัตว์มากเกินไปในระยะยาวบนที่ดินที่ไม่สามารถกู้คืนของพืช หรือ grazing ruminants บนบกไม่เหมาะ grazing จากพารามิเตอร์บางอย่างทางกายภาพเช่นเป็นพื้นที่ลาดเอียง Overgrazing หมายถึงว่า จำนวนสัตว์เกินกำลังผลิตของที่ดิน grazing หรือพาสเจอร์ อย่างไรก็ตามอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือเอื้อต่อการสลายตัวของดินใต้ grazing เช่นสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอาจจะพังทลายของดิน การทำลายพืชพรรณ ของคุณภาพน้ำ และปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้โดยปกติ overgrazing ได้นำกระบวนการเริ่มต้นสู่การย่อยสลาย ที่ดิน grazing มักผ่านกำไร ใกล้ หรือ ในภูมิภาคที่แห้งแล้ง มันเป็นสิ่งสำคัญในภูมิภาคเหล่านี้ว่า พืชครอบคลุมพื้นดินเนื้อปูนป้องกันแสง Overgrazing เอาพืชนี้ป้องกัน ในขณะที่ปศุสัตว์ hooves เป๋บาทาสามัคคีสัมผัสดินเนื้อปูน ดินเนื้อปูนเหล่านี้ได้แล้วความเสี่ยงต่อการกัดเซาะของลมและน้ำ ซึ่งเอาดินอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการชั้นบน กระบวนการย่อยสลายที่ดินสามารถเพิ่มเติม aggravated และเร่ง โดยภัยแล้ง เมื่อสัมผัส และคุด ดินเนื้อปูนไม่สามารถสนับสนุนการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้น พวกเขาเป็น เหมือนทะเลทราย หรือเป็นหมันในเขตชื้น และย่อยชื้น overgrazing อาจทำให้เกิดการบุกรุกของวัชพืชและลดลงในอาหารสัตว์มีอยู่แนวโน้มทั่วไปจะไปจ่ายเงินเพิ่มขึ้นโดยผู้ที่ฝึกเพาะปลูกพืชในพื้นที่อดีต grazing ภายใต้ระบบการทำฟาร์มแบบผสม กระบวนการของการตัดและการ fuelwood คอลเลกชันอาจเป็น ปัจจัยหลักที่นำไปย่อยสลายที่ดิน แทนปศุสัตว์ grazing มากกว่าปกติ ดินย่อยสลายในระบบการทำฟาร์มแบบผสมจะเกิดจากการรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ โดยจัดหาของมูล ปศุสัตว์สามารถไปบางวิธีต่อให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาผลกระทบด้านลบที่เพาะปลูกพืชได้ในสภาพแวดล้อมOvergrazing อาจส่งผลให้:ครอบคลุมพื้นดินที่ลดลงเพิ่ม หรือเร่งพังทลาย: โดยลม ไหลบ่า และนเปลี่ยนแปลงจากการครอบคลุมพื้นดินลดลงการสูญเสียพืชผล grazing เลือก หรือเรียกดู นี้อาจทำให้สูญหายของพันธุ์อร่อยอาหารสัตว์และการเพิ่มขึ้นน้อยอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยอาหารสัตว์ชนิดเพิ่มพันธุ์สังข์จาก grazing มากเกินไป หรือเรียกดูEncroachment บุชWeed บุกรุก หรือเพิ่มในผล (รวมทั้งแปลกใหม่) พืชชนิดการวางแผนของปศุสัตว์อาจสงสัยว่า มีปัญหาพังทลายเร็วขึ้นเป็นผลมาจาก overgrazing ถ้ามีเป็น overgrazing ต้องการหาเหตุเกิดขึ้นสาเหตุรากของ overgrazing อาจน้อยหนึ่งต่อไปนี้:เลขหุ้นอาจปรับขึ้น อาจเป็นผลมาจากการเพิ่มประชากรมนุษย์อาจมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของฝูงปศุสัตว์ เปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจตัวเองถูกผลักดัน โดยชุดของปัจจัยที่ซับซ้อนอาจมีขาดทุนสุทธิ grazing พื้นที่ทำการเกษตรเพาะปลูกเคลื่อนไหวตามฤดูกาลอาจถูกจำกัด โดยความไม่สงบทางการเมือง โดยรั้ว หรือ โดยสาเหตุอื่นเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำอาจมีการจำกัดการเคลื่อนไหว และการปฏิเสธการเข้าถึงส่วนของเดิมเข้า rangelandsชนมากที่สุดระบบการจัดการ โดยเฉพาะในดินแดนที่แห้งแล้ง และกึ่งแห้งแล้ง ถูกพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพของแผ่นดินไม่กำหนดเท่านั้น โดยใช้บุคคลและการจัดการ ตัวอย่าง สังคม pastoralist มากที่สุดในแอฟริกาตะวันออกมีการอนุรักษ์ของดี grazing เป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดการที่ดินแบบดั้งเดิม ในปัจจุบัน มีลด grazing ทรัพยากรไม่เพียงเนื่อง จาก overgrazing แต่ยัง จากบุช encroachment ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นตัวบ่งชี้หลักของแผ่นดินสลายตัว บุช encroachment ผล ในระดับดี จากการสูญหายของเบราว์เซอร์ขนาดใหญ่เช่นช้าง rhinos และยีราฟ นอกจากนี้ยังอาจควบคุมไฟเพื่อครอบงำการเพิ่มขึ้นของบุชและพืชพรรณอื่น ๆ วู้ดดี้ค่าใช้จ่ายของกราสแลนด์ เป็น grazing จนกลายเป็นระบบนิเวศ จัดการที่ดินต้องรับมือกับปัญหา ซึ่งวิธีแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถใช้นอกจากนี้ยังมีจุดสำคัญที่เกี่ยวข้อง: จริงสิ่งย่อยสลายแผ่นดิน อาจมีข้อสงสัยว่า ดินจะเสื่อมโทรมเมื่อมีสัญญาณเช่น gullies ลึกด้วยการทำลายป่า ที่ดิน ในสายตาของ ecologist เป็นรุนแรงเสื่อมโทรมเนื่องจากมีเพียง ไม่กี่ที่เหลือปลูกพันธุ์และแบ่งผลผลิต ในขณะเดียวกัน ควบคุมทำลายป่าเมื่อมันนำไปพาสเจอร์ที่ดี และมีการจัดการอย่างยั่งยืนอาจไม่ถือว่าเป็นการย่อยสลาย อ้างเงื่อนไขทางสังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนระบบนิเวศเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โหมดของที่ดินการจัดการดินย่อยสลายประเมินและควรใกล้ชิดเชื่อมโยงกับปัญหาอาจใช้หมายเหตุ: พาสเจอร์ย่อยสลายเป็นแนวคิดที่ต้องการสร้างแผ่นดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แทะเล็มมากเกินไปและการเรียกดูหนึ่งในความเสี่ยงโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับระบบการเลี้ยงสัตว์แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งเป็นความเสื่อมโทรมของที่ดินเป็นผลมาจากการเลี้ยงสัตว์ที่ไม่เหมาะสม - มักจะเรียกว่ากินหญ้ามากเกินไป กระบวนการยังเกิดขึ้นในที่ชื้นย่อยและระบบการเลี้ยงสัตว์ชื้นเช่นเดียวกับในระบบการเลี้ยงสัตว์ที่สูงพอสมควรและเขตร้อน กินหญ้ามากเกินไปโดยไม่มีหมายถึง จำกัด กับระบบการเลี้ยงสัตว์และยังมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นปัญหาภายใต้ระบบการทำฟาร์มผสม. ทุ่งเลี้ยงสัตว์ nappropriate สามารถกำหนดเป็นแนวปฏิบัติของการเลี้ยงปศุสัตว์มากเกินไปนานเกินไประยะเวลาบนที่ดินที่ไม่สามารถกู้คืนพืชของมันหรือ สัตว์เคี้ยวเอื้องทุ่งเลี้ยงสัตว์บนที่ดินที่ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงสัตว์เป็นผลมาจากพารามิเตอร์ทางกายภาพบางอย่างเช่นความลาดชันของ Overgrazing แสดงให้เห็นว่าจำนวนของสัตว์ที่เกินกำลังการผลิตของทุ่งเลี้ยงสัตว์บกหรือทุ่งหญ้า แต่อาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือที่เอื้อต่อการเสื่อมสภาพของที่ดินตามทุ่งเลี้ยงสัตว์เช่นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดอาจจะพังทลายของดินการทำลายของพืช, การเสื่อมสภาพของคุณภาพน้ำและปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้. มักจะกินหญ้ามากเกินไปเป็นกระบวนการเริ่มต้นที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของที่ดิน ที่ดินทุ่งเลี้ยงสัตว์มักจะร่อแร่มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงหรือในพื้นที่แห้งแล้ง มันเป็นสิ่งสำคัญในภูมิภาคนี้ที่พืชครอบคลุมพื้นดินที่จะปกป้องดินจากการสัมผัส Overgrazing เอาพืชป้องกันนี้ในขณะที่ปศุสัตว์กีบเหยียบย่ำสัมผัสดิน ดินเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะแล้วลมและกัดเซาะของน้ำที่เอาชั้นบนที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการของดิน กระบวนการของการเสื่อมโทรมของที่ดินสามารถกำเริบต่อไปและเร่งจากภัยแล้ง สัมผัสเพียงครั้งเดียวและส่งผลกระทบต่อดินไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของพืชทำให้พวกเขากลายเป็นทะเลทรายเหมือนหรือหมัน. ในเขตร้อนชื้นและย่อยชื้นกินหญ้ามากเกินไปอาจก่อให้เกิดการบุกรุกวัชพืชและลดลงในความพร้อมอาหารสัตว์. มีแนวโน้มที่เหมือนกันคือมีต่อการตั้งถิ่นฐานที่เพิ่มขึ้น โดยคนที่ฝึกเพาะปลูกในพื้นที่ทุ่งเลี้ยงสัตว์อดีต ภายใต้ระบบการทำฟาร์มผสมกระบวนการของการเพาะปลูกพืชและการเก็บไม้ฟืนอาจจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของที่ดินมากกว่าเลี้ยงปศุสัตว์ มากกว่าปกติเสื่อมโทรมของที่ดินในระบบการทำฟาร์มผสมจะเป็นผลมาจากการรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ ผ่านการจัดหาปุ๋ยปศุสัตว์สามารถไปทางใดทางหนึ่งต่อการให้ความช่วยเหลือในการลดผลกระทบเชิงลบที่เพาะปลูกจะมีต่อสิ่งแวดล้อม. Overgrazing อาจส่งผลใน:. คลุมดินที่ลดลงเพิ่มขึ้นหรือเร่งการกัดเซาะโดยลมที่ไหลบ่าและการระดมทราย เป็นผลมาจากพื้นดินที่ลดลงปก. การสูญเสียของพืชเป็นผลมาจากการเลี้ยงสัตว์การคัดเลือกหรือการเรียกดู ซึ่งอาจส่งผลในการสูญเสียของสายพันธุ์หญ้ากินและการเพิ่มขึ้นของอร่อยน้อยลงและมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยสายพันธุ์หญ้าอาหารสัตว์. ที่เพิ่มขึ้นชนิดที่หายากเป็นผลมาจากการเลี้ยงสัตว์มากเกินไปหรือเรียกดู. รุกล้ำบุชบุกวัชพืชหรือการเพิ่มขึ้นของที่ไม่พึงประสงค์ (รวมถึงการที่แปลกใหม่) พันธุ์พืช วางแผนปศุสัตว์อาจสงสัยว่ามีปัญหาการกัดเซาะเร่งที่เกิดจากการกินหญ้ามากเกินไป หากมี overgrazing เขาต้องการที่จะหาเหตุผลที่จะเกิดขึ้น. สาเหตุของกินหญ้ามากเกินไปอาจจะเป็นหนึ่งหรือมากกว่าของปัจจัยต่อไปนี้: ตัวเลขสต็อกอาจจะเพิ่มขึ้นบางทีอาจจะเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรมนุษย์. องค์ประกอบของฝูงปศุสัตว์อาจ จะมีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ตัวเองอาจจะถูกผลักดันจากชุดที่ซับซ้อนของปัจจัย. อาจจะมีผลขาดทุนสุทธิปศุสัตว์พื้นที่เพาะปลูกเกษตรกรรม. การเคลื่อนไหวตามฤดูกาลอาจถูก จำกัด โดยความไม่สงบทางการเมืองโดยรั้วหรือสาเหตุอื่น ๆ . การเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงแหล่งน้ำอาจจะ การ จำกัด การเคลื่อนไหวและการปฏิเสธการเข้าถึงส่วนของ rangelands เข้าถึงได้ก่อน. ส่วนใหญ่ระบบการจัดการของชนพื้นเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในดินแดนที่แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งได้รับการพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพของที่ดินที่ไม่ได้ถูกกำหนดโดยเฉพาะการใช้งานของมนุษย์และการจัดการ ยกตัวอย่างเช่นสังคมคลาดมากที่สุดในแอฟริกาตะวันออกที่มีการเก็บรักษาของทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่ดีเป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดการที่ดินแบบดั้งเดิม ในปัจจุบันมีการลดลงของทรัพยากรทุ่งเลี้ยงสัตว์ไม่เพียงเพราะการกินหญ้ามากเกินไป แต่ยังเป็นผลมาจากการบุกรุกป่าซึ่งในบางกรณีอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ที่โดดเด่นของความเสื่อมโทรมของที่ดิน บุชส่งผลให้เกิดการบุกรุกในระดับที่ดีจากการหายตัวไปของเบราว์เซอร์ที่มีขนาดใหญ่เช่นช้างแรดและยีราฟ การควบคุมไฟนอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่การปกครองที่เพิ่มขึ้นมาจากพุ่มไม้ยืนต้นและพืชผักอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายของทุ่งหญ้า ในฐานะที่เป็นระบบนิเวศทุ่งเลี้ยงสัตว์กลายเป็นยากจนการจัดการที่ดินจะต้องรับมือกับปัญหาใหม่ซึ่งวิธีการแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถใช้งานได้. นอกจากนี้ยังเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้อง: สิ่งที่จริงคือความเสื่อมโทรมของที่ดิน? อาจมีข้อสงสัยว่าที่ดินไม่มีการสลายตัวเมื่อมีอาการเช่นร่องลึกกับตัดไม้ทำลายป่า ที่ดินดังกล่าวในสายตาของนิเวศวิทยาที่เป็นที่เสื่อมโทรมอย่างรุนแรงเพราะมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์พืชที่เหลืออยู่และรายละเอียดการผลิต ในขณะที่การควบคุมการตัดไม้ทำลายป่าเมื่อมันนำไปสู่การจัดการที่ดีและทุ่งหญ้าที่ยั่งยืนไม่อาจถือได้ว่าเป็นความเสื่อมโทรมที่หมายถึงสังคมที่ประหยัดเช่นเดียวกับเกณฑ์ของระบบนิเวศ. ในความสัมพันธ์กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนรูปแบบของการจัดการที่ดินและการประเมินความเสื่อมโทรมของที่ดินที่ควรจะเป็น เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัญหาของการใช้งานที่มีศักยภาพ. หมายเหตุ: การย่อยสลายทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์เป็นแนวคิดที่แตกต่างกันกับที่ของความเสื่อมโทรมของที่ดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การแทะเล็มและการเรียกดู

หนึ่งของความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับแห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งระบบแทะคือความเสื่อมโทรมของที่ดินเป็นผลที่แทะ - มักจะเรียกว่า overgrazing . กระบวนการยังเกิดขึ้นในซับชื้นและชื้นบนระบบ ตลอดจนในเมืองหนาวบนที่สูง ระบบร้อนovergrazing เป็นโดยไม่ จำกัด ระบบการแทะเล็มและยังเป็นแนวโน้มที่จะกลายเป็นปัญหาภายใต้ระบบเกษตรแบบผสมผสาน การแทะเล็ม
เหมาะสมสามารถกำหนดเป็นหลักปฏิบัติของ grazing ปศุสัตว์มากเกินไปนานเกินไปช่วงเวลาบนที่ดินที่ไม่สามารถกู้คืนได้มีพืชหรือหญ้าเคี้ยวเอื้อง บนที่ดินไม่เหมาะกับการแทะเล็มผลพารามิเตอร์ ทางกายภาพบางอย่างเช่นของลาดovergrazing แสดงให้เห็นว่าจำนวนของสัตว์ที่เกินความจุของการผลิตปศุสัตว์ ที่ดินหรือทุ่งหญ้า แต่อาจจะมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือเกิดการเสื่อมสภาพของที่ดินในปศุสัตว์ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอาจจะมีการพังทลายของดิน ทำลายพืชเสื่อมคุณภาพน้ำและปัญหาอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้ .
โดยปกติ overgrazing เป็นเริ่มต้นกระบวนการที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของที่ดิน ดินแดนปศุสัตว์มักจะ nutritionally ร่อแร่ใกล้หรือในภูมิภาคแห้งแล้ง มันเป็นสิ่งสำคัญในภูมิภาคเหล่านี้ที่พืชคลุมดินเพื่อป้องกันดินจากการสัมผัส overgrazing ลบนี้พืชที่ป้องกันขณะที่ปศุสัตว์กระทืบกีบสัมผัสดิน เป็นดิน แล้วเสี่ยงกับลมและน้ำกัดเซาะ ซึ่งเอารวย nutritionally บนชั้นของดิน กระบวนการของการย่อยสลายที่ดินสามารถเพิ่มเติม aggravated และเร่งผ่านมา เมื่อได้สัมผัสและได้รับผลกระทบ , ดินไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้น พวกเขากลายเป็นทะเลทรายแห้งแล้งเหมือนหรือ

ในโซนย่อยชื้นและชื้นovergrazing อาจก่อให้เกิดการบุกรุก และลดปริมาณวัชพืชอาหารสัตว์

เป็นแนวโน้มทั่วไปคือ ต่อเพิ่มชำระโดยผู้ที่ฝึกการปลูกพืชใน อดีต บนพื้นที่ ภายใต้ระบบการทำไร่นาสวนผสม กระบวนการของการปลูกพืชไม้และคอลเลกชันที่อาจจะกลายเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ความเสื่อมโทรมของที่ดิน มากกว่ากินหญ้าปศุสัตว์ มากกว่าปกติ ,ความเสื่อมโทรมของที่ดินในระบบเกษตรผสมจะเป็นผลมาจากการรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด ผ่านการจัดหาปุ๋ยมูล สัตว์ สามารถไปบางวิธียังช่วยในการลดผลกระทบทางลบที่ปลูกพืชที่สามารถมีได้ในสิ่งแวดล้อม

overgrazing อาจส่งผลใน :


เพิ่มขึ้นหรือลดลงกลบดิน เร่งการไหลโดยลม ,เนินทรายและการเป็นผลจากการลดลงของพืชคลุมดิน .
การสูญเสียเป็นผลจากการแทะหรือเรียกดู นี้อาจส่งผลในการสูญเสียพืชอาหารสัตว์ขึ้นและเพิ่มขึ้นน้อยกว่า และพืชอาหารสัตว์ลดน้อยลง
เพิ่มชนิดหายากเป็นผลจากการแทะเล็มพุ่มไม้มากเกินไปหรือเรียก .

วัชพืชบุกรุกรุกรานหรือมีการเพิ่มที่ไม่พึงประสงค์ ( รวมทั้งแปลกใหม่ ) พืช
สัตว์วางแผนอาจสงสัยว่า มีปัญหาเร่งการกัดกร่อนที่เกิดจาก overgrazing . หากมี overgrazing เขาต้องการที่จะรู้ว่าทำไมมันเกิดขึ้น .
สาเหตุของ overgrazing อาจจะเป็นหนึ่งหรือมากกว่าของปัจจัยต่อไปนี้ : ตัวเลขหุ้น

อาจจะเพิ่มขึ้นอาจเป็นผลของการเพิ่มประชากรมนุษย์ .
องค์ประกอบของฝูงปศุสัตว์ที่อาจจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจตัวเองถูกขับเคลื่อน โดยชุดที่ซับซ้อนของปัจจัย
อาจมีขาดทุนเฉียดพื้นที่เพื่อเพาะปลูก ทำนา
การเคลื่อนไหวตามฤดูกาลอาจถูก จำกัด โดยความไม่สงบทางการเมือง โดยการฟันดาบ หรือด้วยสาเหตุอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำ
อาจจะ จำกัด การเคลื่อนไหว และปฏิเสธการเข้าถึงส่วนของ rangelands เดิมได้ .
ระบบการจัดการแบบดั้งเดิมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในดินแดนที่แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งมีการพัฒนาในสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพของแผ่นดินไม่กำหนดเท่านั้น โดยการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และการจัดการ ตัวอย่างเช่น สังคมคนเลี้ยงปศุสัตว์มากที่สุดในแอฟริกาตะวันออกมีการเก็บรักษาที่ดี กินหญ้าเป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดการที่ดินแบบดั้งเดิม ปัจจุบันมีการลดลงของทรัพยากรบนไม่เพียงเพราะ overgrazing แต่ยังเป็นผลมาจากการบุกรุกป่า ซึ่งในบางกรณีอาจเป็นตัวบ่งชี้ที่เด่นของความเสื่อมโทรมของที่ดิน ผลลัพธ์ของการบุกรุก บุช ในขอบเขตที่ดี จากการหายตัวไปของเบราว์เซอร์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ช้าง แรด และยีราฟการควบคุมไฟอาจนำไปสู่การเพิ่มความเด่นของบุช และพืชอื่น ๆที่ค่าใช้จ่ายของวู้ดดี้ ทุ่งหญ้า เป็นระบบนิเวศทุ้งตกยาก การจัดการที่ดิน ต้องรับมือกับปัญหาใหม่ ซึ่งวิธีการแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถใช้ได้
ยังมีสำคัญที่เกี่ยวข้องจุด : อะไรคือความเสื่อมโทรมของที่ดิน ?สามารถมีไม่สงสัยว่า ที่ดินที่เสื่อมโทรม เมื่อมีสัญญาณ เช่น ตามเส้นทางลึกกับการทำลายป่า ที่ดินนั้น ในสายตาของนิเวศวิทยา , เสื่อมโทรมอย่างรุนแรง เพราะมีเพียงไม่กี่ชนิดของพืชและผลผลิตที่เหลือ แบ่ง ในขณะเดียวกัน , ควบคุมการทำลายป่าเมื่อมันนำไปสู่การจัดการที่ดีและอาหารที่ยั่งยืนอาจไม่ถือเป็นการย่อยสลายหมายถึง สังคม เศรษฐกิจ ตลอดจนหลักเกณฑ์ทางนิเวศวิทยา

เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน , โหมดของการจัดการที่ดินและการประเมินการย่อยสลายควรจะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับปัญหาของการใช้ศักยภาพ หมายเหตุ

: การย่อยสลายทุ่งหญ้าเป็นแนวคิดที่แตกต่างกันของความเสื่อมโทรมของที่ดิน .