The KBR in the EFQM model attempts

The KBR in the EFQM model attempts to measure what the
organisation obtains in relation to its strategic results and planned
yield. More specifically, the strategic key results of the economicefinancial
type (sales volume, share or dividend prices, gross
margins, share profits, profits before interests and taxes or operating
margin), as well as those of a non-economic nature, are
analysed (market share, time of launching new products, success
indices and process performance), which indicate the success of
implementing the strategy. The positive relationship between KM
and financial results has been confirmed in the study by Huang and
Shih, (2009). More specifically, Tarí and García Fernandez (2013)
reach the conclusion that the processes of creation, storage,
transfer and application of knowledge influence economic results
through greater product diversification, greater client loyalty and
increased automatic control over the work.
The key economicefinancial indicators (treasury, depreciation,
maintenance costs and credit qualification) and non-economic indicators
(performance of processes, partners and suppliers,
external resources and alliances, buildings, equipment and materials,
technology, information and knowledge) are used by the
organisation to measure its operational efficiency. Hence, studies
like those of Davenport and Prusak (1998) and Tarí and García
Fernandez (2013) indicate how KM helps improve the operational
results through the development of a global vision of the company,
empowerment, improvement in decision-making, reduction of errors,
teamwork or the training and qualification of the workers.
Therefore, the following hypothesis is proposed:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

KBR ในรุ่น EFQM พยายามวัดสิ่งองค์กรที่ได้รับเกี่ยวกับผลของกลยุทธ์ และแผนผลผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลยุทธ์สำคัญผล economicefinancialชนิด (ปริมาณ หุ้น หรือเงินปันผลราคาขาย รวมขอบ แบ่งปันผลกำไร ผลกำไรก่อนที่จะสนใจ และภาษี หรือการทำงานขอบ), รวมทั้งผู้ที่มีลักษณะที่ไม่ใช่เศรษฐกิจวิเคราะห์ (ส่วนแบ่งตลาด เวลาของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ความสำเร็จดัชนีและประสิทธิภาพของกระบวนการ), ซึ่งบ่งชี้ความสำเร็จของการใช้กลยุทธ์ ความสัมพันธ์ในเชิงบวกระหว่างกม.และผลการได้รับการยืนยันในการศึกษา โดยหวง และสุเกิดวัน, (2009) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tarí และ García เฟอร์นานเดซ (2013)ถึงข้อสรุปที่กระบวนการของการสร้าง เก็บโอนและประยุกต์ใช้ความรู้มีผลต่อผลทางเศรษฐกิจผ่านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้น มากขึ้นลูกค้าสมาชิก และการควบคุมอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการทำงานตัวบ่งชี้สำคัญ economicefinancial (คลัง เสื่อมการบำรุงรักษาต้นทุนและเครดิตคุณสมบัติ) และตัวชี้วัดที่ไม่ใช่เศรษฐกิจ(ประสิทธิภาพของกระบวนการ คู่ค้า และซัพพลาย เออร์ทรัพยากรภายนอก และพันธมิตร อาคาร อุปกรณ์ และ วัสดุใช้เทคโนโลยี ข้อมูล และความรู้) โดยการองค์กรเพื่อวัดประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ด้วยเหตุนี้ ศึกษาเช่นเดียวกับที่ของดาเวนพอร์ท และ Prusak (1998) และ Tarí และ Garcíaเฟอร์นานเดซ (2013) บ่งชี้ว่า KM ช่วยปรับปรุงการทำงานผลลัพธ์ที่ผ่านการพัฒนาวิสัยทัศน์ระดับโลกของบริษัทอำนาจ ตัดสินใจ ลดข้อผิดพลาด การปรับปรุงทำงานเป็นทีม หรือการฝึกอบรม และคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานดังนั้น เสนอสมมติฐานต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

KBR ในรูปแบบ EFQM พยายามที่จะวัดว่า
องค์กรที่ได้รับในความสัมพันธ์กับผลการเชิงกลยุทธ์และการวางแผน
อัตราผลตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลที่สำคัญเชิงกลยุทธ์ของ economicefinancial
ประเภท (ปริมาณการขายหุ้นหรือเงินปันผลราคาขั้นต้น
อัตรากำไรกำไรส่วนแบ่งผลกำไรก่อนที่จะสนใจและภาษีหรือการดำเนินงาน
ขอบ) เช่นเดียวกับผู้ที่มีลักษณะที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจมีการ
วิเคราะห์ ( ส่วนแบ่งการตลาดเวลาของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จ
ดัชนีและประสิทธิภาพการทำงานของกระบวนการ) ซึ่งบ่งบอกถึงความสำเร็จของ
การดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่าง KM
และผลประกอบการได้รับการยืนยันในการศึกษาโดย Huang และ
ฉือเจียจวง, (2009) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tari และการ์เซีย (2013)
ถึงข้อสรุปที่ว่ากระบวนการของการสร้างการจัดเก็บข้อมูลที่
ถ่ายโอนและการประยุกต์ใช้ผลทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อความรู้
ผ่านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้นความจงรักภักดีของลูกค้ามากขึ้นและ
เพิ่มขึ้นการควบคุมอัตโนมัติในช่วงการทำงาน.
ตัวชี้วัด economicefinancial (Key ธนารักษ์ค่าเสื่อมราคา
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการรับรองเครดิต) และตัวชี้วัดที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ
(ประสิทธิภาพของกระบวนการคู่ค้าและซัพพลายเออร์
ทรัพยากรภายนอกและพันธมิตรอาคารอุปกรณ์และวัสดุ
เทคโนโลยีข้อมูลและความรู้) จะถูกใช้โดย
องค์กรเพื่อวัดการดำเนินงาน อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการศึกษา
เช่นเดียวกับที่ดาเวนพอร์ตและ Prusak (1998) และ Tari และGarcía
Fernandez (2013) ระบุว่า KM ช่วยปรับปรุงการดำเนินงาน
ผลการผ่านการพัฒนาวิสัยทัศน์ระดับโลกของ บริษัท ที่
เพิ่มขีดความสามารถในการปรับปรุงการตัดสินใจลดข้อผิดพลาด ,
. การทำงานเป็นทีมหรือการฝึกอบรมและการรับรองของแรงงาน
ดังนั้นสมมติฐานดังต่อไปนี้มีการเสนอ:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทาง KBS ในความพยายาม efqm แบบวัดอะไรองค์กรได้รับในความสัมพันธ์กับผลทางยุทธศาสตร์ และวางแผนผลผลิตที่ได้ มากขึ้นโดยเฉพาะคีย์ผลเชิงกลยุทธ์ของ economicefinancialประเภท ( หมวด ขายหุ้น หรือราคารวมเงินปันผลขอบ แบ่งปันผลกำไร กำไรก่อนหักภาษี หรือปฏิบัติการขอบ ) รวมทั้งผู้ที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจของธรรมชาติ คือวิเคราะห์ ( ส่วนแบ่งการตลาด , เวลาของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ , ความสำเร็จดัชนีและการปฏิบัติงานตามกระบวนการ ) ซึ่งระบุว่า ความสำเร็จของการใช้กลยุทธ์ ความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างกม.และผลลัพธ์ทางการเงินได้รับการยืนยันในการศึกษาโดย หวง และShih ( 2009 ) มากขึ้นโดยเฉพาะ , tar และเมืองกาโอ การ์ซีอา เฟอร์นันเดซ ( 2013 )ถึงบทสรุปที่กระบวนการของการสร้าง จัดเก็บการโอนและการประยุกต์ใช้ความรู้จากอิทธิพลทางเศรษฐกิจผ่านการกระจายสินค้ามากขึ้นมากขึ้นและลูกค้าภักดีเพิ่มอัตโนมัติควบคุมการทำงานคีย์ economicefinancial ตัวบ่งชี้ ( คลัง , ค่าเสื่อมราคา ,ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและคุณสมบัติ ) และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจไม่เครดิต( ประสิทธิภาพของกระบวนการ คู่ค้าและซัพพลายเออร์ทรัพยากรภายนอกและพันธมิตร อาคาร อุปกรณ์ และวัสดุเทคโนโลยี สารสนเทศ และความรู้ ) จะถูกใช้โดยองค์กรเพื่อวัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ดังนั้น การศึกษาผู้ที่ชอบหนังสือ prusak ( 1998 ) และ มาร์ติน และน้ำมันดิน และกาโอ การ์ซีอาเฟอร์นันเดส ( 2013 ) บ่งชี้ว่า km ช่วยปรับปรุงการดำเนินงานผลจากการพัฒนาวิสัยทัศน์ระดับโลกของบริษัทการเสริมสร้างพลังอำนาจ ในการปรับปรุงการตัดสินใจ ลดข้อผิดพลาดการทำงานเป็นทีม หรือ การฝึกอบรม และคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานดังนั้น การเสนอสมมติฐานดังต่อไปนี้ :