Developmental enamel defects are di

Developmental enamel defects are disturbances during enamel formation and may be manifested as enamel hypoplasia or opacities. Enamel hypoplasia is a quantitative defect associated with reduced thickness of enamel formed during the secretory stage of amelogenesis [Suckling, 1989; Seow, 1991]. Developmental enamel defects, such as hypoplasia, have been speculated to increase the risk of dental caries in the affected teeth [Pascoe and Seow, 1994; Li et al., 1996; Lai et al., 1997]. Defective enamel sites (hypoplasia or hypocalcification) may provide suitable local environment for adhesion and colonization of cariogenic bacteria, and bacteria may retain at the base of the defect in contact with exposed dentin, thus dental caries on these defective sites may develop more rapidly [Li et al., 1996]. Defective enamel has higher acid solubility than normal enamel and is more susceptible to caries attack [Zheng et al., 1998]. The association between enamel hypoplasia and dental caries has been reported in several cross-sectional studies [Matee et al., 1994; Pascoe and Seow, 1994; Li et al., 1996; Ellwood and O’Mullane, 1996; Kanchanakamol et al., 1996; Milgrom et al., 2000; Montero et al., 2003; Daneshkazemi and Davari, 2005] and two longitudinal studies [Lai et al., 1997; Oliveira et al., 2006]. Enamel defects such as enamel hypoplasia appear to be a significant, reliable risk marker or predictor for dental caries; however, most of these studies were cross-sectional and did not account for other important factors, such as fluoride exposure. The duration of the two longitudinal studies collecting caries data was 36 and 52 months, respectively. Therefore, a well-designed, prospective, longitudinal study, which can take multiple important factors into consideration, is needed.

The Iowa Fluoride Study (IFS) is a longitudinal study of a cohort (from birth) concerning the relationships among fluoride exposures, biological and environmental factors, and oral health. Using data collected in the IFS on dental caries and enamel hypoplasia for primary teeth and information on important covariates, this article reports on associations between enamel hypoplasia and dental caries of primary second molars at approximately 9 years of age.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้อบกพร่องพัฒนาเคลือบจะรบกวนในระหว่างการก่อตัวของเคลือบฟัน และอาจประจักษ์ hypoplasia เคลือบหรือ opacities ข้อบกพร่องเชิงปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการลดความหนาของเคลือบฟันที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะ secretory ของ amelogenesis [หัน 1989 มี hypoplasia เคลือบ Seow, 1991] ข้อบกพร่องพัฒนาเคลือบ เช่น hypoplasia มีการคาดการณ์เพื่อเพิ่มความเสี่ยงของฟันผุในฟันที่ได้รับผลกระทบ [Pascoe และ Seow, 1994 Li et al., 1996 ลาย et al., 1997] อเมริกาเคลือบชำรุด (hypoplasia หรือ hypocalcification) อาจมีสภาพแวดล้อมภายในเหมาะสำหรับยึดเกาะและสนาม cariogenic แบคทีเรีย และเชื้อแบคทีเรียอาจเก็บไว้ที่ฐานของความบกพร่องกับเนื้อสัมผัส ดังนั้น ฟันผุบนไซต์เหล่านี้มีข้อบกพร่องอาจพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว [Li et al., 1996] เคลือบฟันเสียได้ละลายกรดสูงกว่าเคลือบฟันปกติ และจะอ่อนแอมากขึ้นไปโจมตีผุ [เจิ้งและ al., 1998] มีการรายงานความสัมพันธ์ระหว่าง hypoplasia เคลือบฟันและฟันผุในศึกษาเหลวหลาย [Matee et al., 1994 Pascoe และ Seow, 1994 Li et al., 1996 Ellwood และ O'Mullane, 1996 Kanchanakamol et al., 1996 Milgrom และ al., 2000 Montero et al., 2003 Daneshkazemi และ Davari, 2005] และศึกษาระยะยาวสอง [ลาย et al., 1997 Oliveira et al., 2006] ข้อบกพร่องเคลือบเช่นเคลือบ hypoplasia ปรากฏเป็นเครื่องหมายของความเสี่ยงที่สำคัญ เชื่อถือได้หรือจำนวนประตูสำหรับฟันผุ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ของการศึกษานี้ไม่เหลว และไม่ได้บัญชีสำหรับปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นฟลูออไรด์สัมผัส ระยะเวลาการศึกษาระยะยาวสองเก็บรวบรวมข้อมูลผุได้ 52 และ 36 เดือน ตามลำดับ ดังนั้น การออกแบบที่ดี อนาคต ระยะยาวศึกษา ซึ่งสามารถพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญหลาย ต้องThe Iowa Fluoride Study (IFS) is a longitudinal study of a cohort (from birth) concerning the relationships among fluoride exposures, biological and environmental factors, and oral health. Using data collected in the IFS on dental caries and enamel hypoplasia for primary teeth and information on important covariates, this article reports on associations between enamel hypoplasia and dental caries of primary second molars at approximately 9 years of age.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้อบกพร่องเคลือบพัฒนาการมีการรบกวนในระหว่างการก่อเคลือบและอาจจะประจักษ์เป็น hypoplasia เคลือบฟันหรือ opacities hypoplasia เคลือบเป็นข้อบกพร่องเชิงปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการลดความหนาของเคลือบฟันที่เกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนของการหลั่ง amelogenesis [รีดนม 1989; Seow, 1991] ข้อบกพร่องเคลือบพัฒนาการเช่น hypoplasia ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นความเสี่ยงของการเกิดโรคฟันผุในฟันที่ได้รับผลกระทบ [ปาสคูและ Seow, 1994; Li et al, 1996. Lai et al., 1997] เว็บไซต์เคลือบที่มีข้อบกพร่อง (hypoplasia หรือ hypocalcification) อาจจัดให้มีสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นที่เหมาะสมสำหรับการยึดเกาะและการล่าอาณานิคมของแบคทีเรีย cariogenic และแบคทีเรียอาจเก็บที่ฐานของข้อบกพร่องในการติดต่อกับเนื้อฟันสัมผัสการเกิดโรคฟันผุจึงในเว็บไซต์ที่มีข้อบกพร่องเหล่านี้อาจมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว [ลี่ et al., 1996] เคลือบที่มีข้อบกพร่องมีการละลายกรดสูงกว่าเคลือบฟันปกติและเป็นที่ประทับใจมากขึ้นในการโจมตีผุ [เจิ้งเหอ et al., 1998] ความสัมพันธ์ระหว่าง hypoplasia เคลือบฟันและฟันผุได้รับการรายงานในการศึกษาหลายตัดขวาง [Matee et al, 1994. ปาสคูและ Seow, 1994; Li et al, 1996. Ellwood และ O'Mullane 1996; Kanchanakamol et al, 1996. มิลกรอม et al, 2000. Montero et al, 2003. Daneshkazemi และ Davari 2005] และการศึกษาทั้งสองยาว [Lai et al, 1997. Oliveira et al., 2006] ข้อบกพร่องเคลือบเช่น hypoplasia เคลือบฟันปรากฏเป็นสำคัญเครื่องหมายความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือทำนายสำหรับโรคฟันผุ; แต่ส่วนใหญ่ของการศึกษาเหล่านี้ถูกตัดและไม่ได้บัญชีสำหรับปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการเปิดรับแสงฟลูออไร ระยะเวลาของการศึกษาทั้งสองยาวการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นโรคฟันผุ 36 และ 52 เดือนตามลำดับ ดังนั้นการออกแบบที่ดีในอนาคตการศึกษาระยะยาวซึ่งสามารถใช้ปัจจัยที่สำคัญหลายพิจารณาเป็นสิ่งจำเป็น. ไอโอวาฟลูออไรการศึกษา (ไอเอฟเอ) คือการศึกษาระยะยาวของการศึกษา (ที่เกิดจาก) ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับฟลูออไรชีวภาพ และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในช่องปาก โดยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ในไอเอฟเอในการเกิดโรคฟันผุและเคลือบฟัน hypoplasia สำหรับฟันน้ำนมและข้อมูลเกี่ยวกับตัวแปรที่สำคัญนี้รายงานบทความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง hypoplasia เคลือบฟันและโรคฟันผุของฟันกรามสองหลักที่ประมาณ 9 ปี