In developed countries, large retai

In developed countries, large retailers have increasingly emphasised management of the inbound supply chain. This is particularly true for the supply of grocery products, which are mainly fast moving consumer goods (FMCG). Inbound logistics, which is a primary component of a firm's value chain and which is a major function in supply chain management, can be a source of competitive advantage. There is little research to confirm whether this is also the case in developing countries. This research focuses on Thai grocery retailers as the subject to determine how management of inbound logistics could generate competitive advantages for retailers. The business environment of the Thai grocery supply chain is uncertain and dynamic, requiring creativity, flexibility, and speedy changes in the supply chain. In Thailand, large retailers have taken the lead in efforts to manage their supply chains effectively while small and medium size retailers typically lag far behind. This work looks at the operation of inbound logistics from a strategy research perspective which can provide a coherent view of competitive advantage in this specific industry. For this study, 564 questionnaires were distributed to Thai retailers in the grocery industry and 147 responses were received. The responses were then classified according to the retailers' business types. Cluster analysis was used to determine strategy patterns. ANCOVA was used to determine relationships between the degree of control of inbound logistics activities and competitive advantage. Two potential moderators (size and strategy of retailers) of the relationships between control of inbound logistics and competitive advantage were also included. Qualitative interviews were conducted to confirm the results. Four findings of this research are: (1) The control of inbound transportation activities had a direct impact on competitive advantage in the form of cost reduction and preferential access to products, but had no significant direct impact on either speed of product delivery or product customization as competitive advantage. Only the large retailers were likely to gain these two advantages. (2) The control of inbound storage and material handling activities had no direct impact on any form of competitive advantage. However, impacts on competitive advantage in the form of cost reduction, preferential access to products, and product customization were indirectly indicated. Compared to large retailers, the small and medium size retailers were more likely to gain these competitive advantages. (3) The control of inbound information and services activities had a direct impact on competitive advantage in the form of preferential access to products, speed of product delivery and product customization. However, an impact on cost reduction competitive advantage was only indirectly indicated. Large retailers were more likely to gain a cost reduction competitive advantage. (4) As noted, the size of Thai grocery retailers had a significant impact on the relationship between control of the inbound logistics and competitive advantage. For this research, the strategy of a retailer did not affect the relationship between the control of inbound logistics activities and each type of competitive advantage.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประเทศพัฒนา ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้มากขึ้น emphasised การจัดการห่วงโซ่อุปทานขาเข้า นี้เป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดหาผลิตภัณฑ์ ร้านขายของชำซึ่งส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็วย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) โลจิสติกส์ขาเข้า ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของห่วงโซ่มูลค่าของบริษัท และซึ่งเป็นฟังก์ชันหลักในการจัดการโซ่อุปทาน สามารถเป็นแหล่งของการได้เปรียบเชิงแข่งขัน มีงานวิจัยน้อยเพื่อยืนยันว่า นี่เป็นกรณีในประเทศกำลังพัฒนา งานวิจัยนี้เน้นในร้านค้าปลีกร้านขายของชำไทยเป็นเรื่องการกำหนดวิธีการจัดการโลจิสติกส์ขาเข้าสามารถสร้างเปรียบในการแข่งขันสำหรับร้านค้าปลีก สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของร้านขายของชำไทยโซ่เป็นแน่ และแบบ ไดนามิก ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในห่วงโซ่อุปทาน ในประเทศไทย ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้นำลูกค้าเป้าหมายในความพยายามในการจัดการห่วงโซ่อุปทานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดกลาง และขนาดโดยทั่วไปจะช้ามาก งานนี้มีลักษณะที่การดำเนินงานของโลจิสติกส์ขาเข้าจากมุมมองงานวิจัยกลยุทธ์ซึ่งสามารถให้มุมมอง coherent ของการได้เปรียบเชิงแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้เฉพาะ การศึกษา ถาม 564 ถูกแจกจ่ายไปยังผู้ค้าปลีกไทยในอุตสาหกรรมร้านขายของชำ และได้รับคำตอบที่ 147 การตอบสนองได้แล้วจำแนกตามประเภทธุรกิจของร้านค้าปลีก การแบ่งกลุ่มถูกใช้เพื่อกำหนดรูปแบบกลยุทธ์ ANCOVA ถูกใช้เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างระดับการควบคุมของโลจิสติกส์ขาเข้าและเปรียบ นอกจากนี้ยังรวมสองเป็นผู้ควบคุม (ขนาดและกลยุทธ์ของร้านค้าปลีก) ของความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกส์ขาเข้าและเปรียบได้ การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพได้ดำเนินการเพื่อยืนยันผล 4 การค้นพบของงานวิจัยนี้คือ: (1) การควบคุมการขนส่งขาเข้ากิจกรรมมีผลโดยตรงในรูปแบบของการลดต้นทุนและต้องการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญในความเร็วทั้งการจัดส่งผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเองเป็นเปรียบ เฉพาะค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์เหล่านี้สอง (2) การควบคุมวัสดุการจัดการกิจกรรมและเก็บขาเข้าไม่ส่งผลกระทบโดยตรงในรูปแบบใดเปรียบได้ อย่างไรก็ตาม ส่งผลกระทบต่อการได้เปรียบเชิงแข่งขันในรูปแบบของการลดต้นทุน ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เองต้องเข้าถูกทางอ้อมแสดง เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก และขนาดกลางมีแนวโน้มที่จะได้เปรียบในการแข่งขันเหล่านี้ (3) การควบคุมขาเข้าข้อมูลและบริการกิจกรรมมีผลโดยตรงในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ต้องถึง ความเร็วในการจัดส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์เอง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบด้านต้นทุนลดเปรียบเท่าอ้อมเปิดเผย ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์แข่งขันลดต้นทุน (4) ตามที่ระบุไว้ ขนาดของร้านค้าปลีกร้านขายของชำไทยมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกส์ขาเข้าและเปรียบ สำหรับงานวิจัยนี้ กลยุทธ์ของผู้ค้าปลีกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกส์ขาเข้ากิจกรรมแต่ละชนิดเปรียบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในประเทศที่พัฒนาร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้เน้นการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานขาเข้ามากขึ้น นี้จะเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ร้านขายของชำซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) โลจิสติกขาเข้าซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ บริษัท และห่วงโซ่คุณค่าซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่สำคัญในการจัดการห่วงโซ่อุปทานสามารถเป็นแหล่งของความได้เปรียบในการแข่งขัน มีงานวิจัยน้อยมากที่จะยืนยันว่านี้เป็นกรณีในประเทศกำลังพัฒนาเป็น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ร้านค้าปลีกร้านขายของชำไทยเป็นเรื่องการกำหนดวิธีการจัดการโลจิสติกขาเข้าสามารถสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับร้านค้าปลีก สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของห่วงโซ่อุปทานที่ร้านขายของชำไทยมีความไม่แน่นอนและแบบไดนามิกที่จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในห่วงโซ่อุปทาน ในประเทศไทยผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ได้มาเป็นผู้นำในความพยายามในการจัดการห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลางมักจะล่าช้าไกลหลัง งานนี้มีลักษณะที่การทำงานของโลจิสติกขาเข้าจากมุมมองของการวิจัยกลยุทธ์ที่สามารถให้มุมมองที่สอดคล้องกันของความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ สำหรับการศึกษานี้ 564 แบบสอบถามถูกแจกจ่ายให้กับร้านค้าปลีกไทยในอุตสาหกรรมขายของชำและ 147 ที่ได้รับการตอบสนอง การตอบสนองที่ถูกจัดแล้วตามร้านค้าปลีก ' ประเภทธุรกิจ การวิเคราะห์กลุ่มถูกใช้ในการกำหนดรูปแบบกลยุทธ์ การวิเคราะห์ถูกใช้ในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการควบคุมของกิจกรรมโลจิสติกขาเข้าและเปรียบในการแข่งขัน สองผู้ดูแลที่มีศักยภาพ (ขนาดและกลยุทธ์ของร้านค้าปลีก) ของความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกขาเข้าและเปรียบในการแข่งขันที่ถูกรวมอยู่ด้วย การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพได้ดำเนินการเพื่อยืนยันผล สี่ผลการวิจัยนี้คือ (1) การควบคุมของกิจกรรมการขนส่งขาเข้ามีผลกระทบโดยตรงต่อความได้เปรียบในการแข่งขันในรูปแบบของการลดค่าใช้จ่ายและการเข้าถึงสิทธิพิเศษให้กับสินค้า แต่ไม่มีผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญกับความเร็วของการส่งมอบสินค้าหรือการปรับแต่งผลิตภัณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง เปรียบในการแข่งขันเป็น เพียง แต่ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับทั้งสองข้อได้เปรียบที่ (2) การควบคุมการจัดเก็บและการจัดการวัสดุกิจกรรมขาเข้าไม่มีผลกระทบโดยตรงในรูปแบบของการแข่งขันใด ๆ แต่ผลกระทบต่อความได้เปรียบในการแข่งขันในรูปแบบของการลดค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงสิทธิพิเศษให้กับสินค้าและการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการชี้ให้เห็นทางอ้อม เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ร้านค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลางมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันเหล่านี้ (3) การควบคุมของข้อมูลและการบริการกิจกรรมขาเข้ามีผลกระทบโดยตรงต่อความได้เปรียบในการแข่งขันในรูปแบบของการเข้าถึงสิทธิพิเศษให้กับสินค้าของความเร็วในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ แต่ส่งผลกระทบต่อการลดลงของค่าใช้จ่ายที่เปรียบในการแข่งขันได้รับการชี้ให้เห็นเพียงทางอ้อม ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับการลดต้นทุนเปรียบในการแข่งขัน (4) ดังที่ระบุไว้ขนาดของร้านค้าปลีกร้านขายของชำไทยมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกขาเข้าและเปรียบในการแข่งขัน สำหรับงานวิจัยนี้กลยุทธ์ของร้านค้าปลีกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของกิจกรรมโลจิสติกขาเข้าและประเภทของการแข่งขันแต่ละ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในประเทศที่พัฒนาร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยเน้นการจัดการห่วงโซ่อุปทานขาเข้า นี้เป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปทานของผลิตภัณฑ์ในร้านขายของชำซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ( FMCG ) โลจิสติกส์ขาเข้า ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทและที่เป็นฟังก์ชันหลักในการจัดการห่วงโซ่อุปทานสามารถเป็นแหล่งของความได้เปรียบในการแข่งขันมีงานวิจัยน้อยยืนยันว่า ยังเป็นกรณีในการพัฒนาประเทศ งานวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ร้านขายของชำร้านค้าปลีกไทย ในฐานะประธานตรวจสอบว่าการจัดการโลจิสติกส์ขาเข้าสามารถสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับร้านค้าปลีก สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของคนไทยซื้อของห่วงโซ่อุปทานมีความไม่แน่นอนและแบบไดนามิกที่ต้องสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่นและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในห่วงโซ่อุปทาน ในไทย , ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีนำในความพยายามที่จะจัดการห่วงโซ่อุปทานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก และขนาดกลางมักจะล่าช้าไกลหลัง งานนี้มีลักษณะการดำเนินงานโลจิสติกส์ขาเข้าจากมุมมองของยุทธศาสตร์การวิจัยที่สามารถให้มุมมองที่สอดคล้องกันของความได้เปรียบเชิงแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ ในการศึกษานี้564 แบบสอบถามไปยังผู้ค้าปลีกไทยในอุตสาหกรรมของชำและ 147 ตอบรับ การตอบสนองที่ถูกแบ่งตามร้านค้าปลีกประเภทธุรกิจ วิเคราะห์กลุ่มศึกษารูปแบบกลยุทธ์ หลังศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับการควบคุมของกิจกรรมโลจิสติกส์ขาเข้าและได้เปรียบในการแข่งขันสองศักยภาพผู้ดูแล ( ขนาดและกลยุทธ์ของธุรกิจค้าปลีก ) ของความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกส์และความได้เปรียบเชิงแข่งขัน ขาเข้า ยังรวม การสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันผล สี่ผลการวิจัยมีดังนี้( 1 ) การควบคุมกิจกรรมการขนส่งขาเข้ามีผลโดยตรงต่อความได้เปรียบเชิงแข่งขันในรูปแบบของการลดต้นทุน และพิเศษสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ แต่ยังไม่พบผลกระทบโดยตรง ทั้งความเร็วในการจัดส่งสินค้า หรือการปรับแต่งผลิตภัณฑ์เป็นประโยชน์จากการแข่งขัน เฉพาะร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับทั้งสองข้อได้เปรียบ( 2 ) การควบคุมกระเป๋าขาเข้าและวัสดุการจัดการกิจกรรมที่ไม่มีผลกระทบโดยตรงในรูปแบบใด ๆของประโยชน์จากการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อความได้เปรียบเชิงแข่งขันในรูปแบบของการลดต้นทุน พิเศษสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และการปรับแต่งสินค้าโดยระบุ เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ขนาด เล็ก กลาง และค้าปลีกมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันเหล่านี้ ( 3 ) การควบคุมของข้อมูลขาเข้าและบริการกิจกรรมมีผลโดยตรงต่อความได้เปรียบเชิงแข่งขันในรูปแบบของสิทธิพิเศษการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ความเร็วในการจัดส่งสินค้า และการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการลดต้นทุนจากการแข่งขันแค่ทางอ้อม ระบุร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขัน การลดต้นทุน . ( 4 ) ตามที่ระบุไว้ ขนาดของร้านค้าปลีกโชห่วยไทยที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของโลจิสติกส์ขาเข้า และได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับงานวิจัยนี้กลยุทธ์ของผู้ค้าปลีกที่ไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมของกิจกรรมโลจิสติกส์ขาเข้า และแต่ละชนิดของความได้เปรียบในการแข่งขัน