Each of the preceding modes lets th

Each of the preceding modes lets the system know that your app should be woken up or launched at appropriate times to respond to relevant events. For example, an app that begins playing music and then moves to the background still needs execution time to fill the audio output buffers. Enabling the Audio mode tells the system frameworks that they should continue to make the necessary callbacks to the app at appropriate intervals. If the app does not select this mode, any audio being played or recorded by the app stops when the app moves to the background.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แต่ละโหมดก่อนหน้านี้ช่วยให้ระบบทราบว่า แอพของคุณควรตื่นขึ้น หรือเปิดในเวลาที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น app ที่เริ่มเล่นดนตรี และจากนั้น ย้ายไปพื้นหลัง ยังคงต้องดำเนินการเวลาการเติมบัฟเฟอร์เสียงออก เปิดใช้งานโหมดเสียงบอกกรอบระบบที่พวกเขาควรดำเนินต่อให้เรียกกลับจำแอช่วงเวลาที่เหมาะ ถ้าแอไม่เลือกโหมดนี้ เสียงใด ๆ การเล่น หรือบันทึก โดยแอหยุดเมื่อย้าย app ไปเบื้องหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่ละโหมดก่อนหน้านี้ช่วยให้ระบบทราบว่าแอปของคุณควรจะตื่นขึ้นมาหรือเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่นแอปที่เริ่มต้นการเล่นดนตรีและจากนั้นจะย้ายไปที่พื้นหลังยังคงต้องใช้เวลาในการดำเนินการในการกรอกข้อมูลบัฟเฟอร์เอาต์พุตเสียง การเปิดใช้งานโหมดเสียงบอกระบบกรอบที่พวกเขาควรจะดำเนินการเพื่อให้การเรียกกลับที่จำเป็นไปยังแอปในช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้า app ไม่ได้เลือกโหมดนี้เสียงใด ๆ ที่กำลังเล่นหรือบันทึกโดยแอปหยุดเมื่อย้าย App ไปที่พื้นหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แต่ละโหมดก่อนหน้านี้ช่วยให้ระบบทราบว่า app ของคุณควรจะตื่น หรือเปิดในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น app ที่เริ่มเล่นเพลงแล้วย้ายไปยังพื้นหลังยังคงต้องใช้เวลาดำเนินการกรอกเสียงออกบัฟเฟอร์ เปิดใช้งานโหมดเสียงบอก โครงสร้างระบบที่พวกเขาควรจะยังคงให้คัดตัวเป็น app ที่ช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้า app ไม่ได้เลือกโหมดนี้ เสียงใด ๆ การเล่นหรือบันทึกโดย app app จะหยุดเมื่อย้ายไปที่พื้นหลัง