The fundamental principle underlyin

The fundamental principle underlying Hinduism is that there is order in the cosmos, known as dharma. There is also a disordering force, adharma. Hindus seek balance and harmony between these two forces, thus freeing themselves from the never-ending cycle of reincarnation, attaining a state called moksa.[3][4]

Balinese Hinduism divides the cosmos into three layers. The highest level is heaven, or suarga, the abode of the gods. Next is the world of man, buwah. Below this is hell or bhur, where the demons live and where people's spirits are punished for misdeeds on earth. This tripartite division is mirrored in the human body (head, body and feet) and the shrines found outside Balinese buildings.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักการพื้นฐานพื้นฐานศาสนาฮินดูคือว่ามีการสั่งซื้อในจักรวาลที่เรียกว่าธรรมะ นอกจากนี้ยังมีผลบังคับใช้ disordering, adharma ชาวฮินดูแสวงหาความสมดุลและความสามัคคีระหว่างกองกำลังทั้งสองจึงพ้นตัวเองจากวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุดของการเกิดใหม่, การบรรลุรัฐที่เรียกว่า moksa. [3] [4] บาหลีฮินดูแบ่งจักรวาลเป็นสามชั้น ระดับสูงสุดเป็นสวรรค์หรือ suarga พำนักของพระเจ้า ถัดไปเป็นโลกของคนที่ buwah ด้านล่างนี้คือนรกหรือ bhur ที่ปีศาจอยู่อาศัยและที่วิญญาณของผู้คนจะต้องถูกลงโทษสำหรับพฤติกรรมที่ผิดบนโลก ส่วนนี้จะสะท้อนไตรภาคีในร่างกายมนุษย์ (หัวร่างกายและเท้า) และศาลเจ้าพบนอกอาคารบาหลี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักการพื้นฐานของศาสนาฮินดู คือมีการสั่งซื้อในจักรวาล รู้จักธรรม ยังมีความวุ่นวายบังคับ adharma . ชาวฮินดูแสวงหาสมดุลและความสามัคคีระหว่างทั้งสองกองทัพจึงพ้นจากวงจรของการเกิดใหม่ตัวเองไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่รัฐเรียกว่าโมกษะ . [ 3 ] [ 4 ]

บาหลีศาสนาฮินดูแบ่งจักรวาลออกเป็น 3 ชั้น ระดับสูงสุดคือสวรรค์หรือ suarga ที่พำนักของพระเจ้า ต่อไปคือโลกของมนุษย์ buwah . ด้านล่างนี้เป็นนรกหรือ bhur ที่ปีศาจอาศัยอยู่ และที่วิญญาณของคนเป็นกรรมบนโลก ฝ่ายไตรภาคีนี้เป็นมิเรอร์ในร่างกายมนุษย์ ( หัว ลำตัวและเท้า ) และศาลเจ้าเจอนอกอาคารบาหลี .