Most QTL detection studies have use

Most QTL detection studies have used either maximum likelihood or regression
methods to test for segregating QTL.
Generally, the statistical analysis is computed for each marker on the basis of the null hypothesis that there are no segregating loci, affecting the trait of interest, linked to the genetic marker.
A null hypothesis is rejected when the probability of the test statistic is below a predetermined level, usually 5% or1%. However, if many markers and traits are tested, several null hypotheses will meet these rejection criteria by chance .
Several studies have suggested that only effects that display statistical significance on two independent trials should be considered as confirmed .

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่วนใหญ่ QTL การศึกษาการตรวจสอบมีการใช้ทั้งความเป็นไปได้สูงสุดหรือถดถอย
วิธีการที่จะทดสอบการแบ่ง QTL.
โดยทั่วไปการวิเคราะห์ทางสถิติคือการคำนวณสำหรับแต่ละเครื่องหมายบนพื้นฐานของสมมติฐานที่ว่ามี loci แบ่งไม่มีผลกระทบต่อลักษณะที่น่าสนใจ, การเชื่อมโยงกับ เครื่องหมายทางพันธุกรรม.
สมมติฐานถูกปฏิเสธเมื่อความน่าจะเป็นของการทดสอบทางสถิติต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้มักจะอยู่ที่ 5% OR1% แต่ถ้าเครื่องหมายหลายลักษณะและมีการทดสอบสมมติฐานหลายจะตรงกับเกณฑ์การปฏิเสธเหล่านี้โดยบังเอิญ.
งานวิจัยหลายชิ้นได้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบเท่านั้นที่แสดงนัยสำคัญทางสถิติทั้งสองการทดลองอิสระควรได้รับการพิจารณาได้รับการยืนยัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาการตรวจจับความส่วนใหญ่มีความเป็นไปได้สูงสุด หรือใช้วิธีทดสอบเพื่อแยกความถดถอย
.
โดยทั่วไป การวิเคราะห์ทางสถิติสำหรับแต่ละเครื่องหมายถูกคำนวณบนพื้นฐานของสมมติฐานโมฆะ ไม่มีการแยกทางที่มีผลต่อลักษณะของความสนใจ ที่เชื่อมโยงกับเครื่องหมายพันธุกรรม .
สมมติฐานว่างคือปฏิเสธเมื่อความน่าจะเป็นของการทดสอบทางสถิติคือด้านล่างกำหนดระดับปกติ 5% or1 % อย่างไรก็ตาม ถ้าเครื่องหมายมากมายและคุณลักษณะจะถูกทดสอบหลายในสมมติฐานจะเป็นไปตามเกณฑ์เหล่านี้ โดยการปฏิเสธโอกาส
หลายการศึกษาได้ชี้ให้เห็นว่าเท่านั้นผลที่แสดงสถิติเกี่ยวกับสองการทดลองอิสระควรพิจารณาเป็นยืนยัน