It islikely that folic acid require

It islikely that folic acid requirements of cows have increased according to the improved lactation performance and that ruminalsynthesis of folic acid may not be sufficient to meet these new needs. Santschi et al. (2005) and Schwab et al. (2006) estimatedapparent ruminal synthesis of folic acid to be between 16.5 and 21.0 mg/day, while the requirement of folic acid estimatedin NRC (2001) for a cow weighing at 650 kg and producing 35 kg of 40 (g/L) fat-corrected milk was 35 mg/day: 33 mg/dayfor tissue utilization and 2 mg/day for milk production. Therefore, ruminal synthesis of folic acid was not sufficient to meetthe requirements of high-producing dairy cows, especially around parturition (Girard and Matte, 1999). Moreover, severalstudies have documented that folic acid supplementation in dairy cow diets has positive effects on milk production, milkprotein concentrations and yields (Girard et al., 1995; Girard and Matte, 1998). Supplementary folic acid at 2.6 g/day to cowsweighing 755 kg increased milk production and milk crude protein yields (Graulet et al., 2007). Preynat et al. (2009) also foundthat milk production was increased by a combined supplement of folic acid and vitamin B12 with or without a supplementof rumen-protected methionine. Juchem et al. (2012) reported a significant improvement in conception rates 42 days afterfirst breeding with a dietary supplement of B vitamins protected from ruminal degradation in dairy cows. These resultssuggested that folic acid requirements increased in highly productive dairy cows, especially in early lactation. However,more than 95% of folic acids supplemented in dairy diet is directly degraded by rumen microflora (Santschi et al., 2005).Thus, research on lactation performance, energy balance, blood parameters and reproductive performance influenced by thesupplements of RPFA is necessary. In addition, one previous research found the first breeding postpartum for multiparouscows occurred 3.8 days earlier in cows given a combined supplement of folic acid and B12 (Duplessis et al., 2014). However,other studies reported no differences in milk production during early lactation in cows administered folic acid by injections(Girard et al., 1995) or dietary supplements (Girard et al., 2005).Considering the inconsistency of results from earlier studies and the limited number of studies on the effects of folic acidon energy balance and reproduction of dairy cows, we hypothesized that a RPFA supplement would improve the lactationperformance, energy balance and reproductive performance of lactating dairy cows. The aim of this study therefore was todetermine the effects of increasing RPFA supplements from 3 weeks prepartum to 15 weeks of lactation on DM intake, milkproduction, energy balance and reproductive performance of cows.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มัน islikely ว่า ต้องการกรดโฟลิของวัวมีเพิ่มขึ้นตามประสิทธิภาพการทำงานในการปรับปรุงด้านการให้นม และที่ ruminalsynthesis งกรดโฟลิคอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการเหล่านี้ใหม่ Santschi et al. (2005) และ Schwab et al. (2006) estimatedapparent ruminal การสังเคราะห์กรดโฟลิคจะระหว่าง 16.5 และ 21.0 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่ความต้องการของ estimatedin กรดโฟลิ NRC (2001) สำหรับชั่งน้ำหนักที่ 650 กก. และผลิต 35 กก. 40 (g/L) แก้ไขไขมันวัว นมถูก 35 มิลลิกรัม / วัน: 33 มิลลิกรัม/dayfor การใช้เนื้อเยื่อและ 2 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับการผลิตน้ำนม ดังนั้น ruminal สังเคราะห์กรดโฟลิคไม่เพียงพอ meetthe ความต้องการของสูงผลิตจากนมวัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบ parturition (Girard และเคลือบ 1999) นอกจากนี้ severalstudies มีเอกสารที่กรดโฟลิคเสริมในอาหารโคนมวัวมีผลในเชิงบวกในการผลิตน้ำนม milkprotein ความเข้มข้น และอัตราผลตอบแทน (Girard et al. 1995 Girard และเคลือบ 1998) กรดโฟลิคเสริมที่ 2.6 กรัม/วันเพื่อ cowsweighing 755 กิโลกรัมเพิ่มขึ้นการผลิตนม และนมโปรตีนผลผลิต (Graulet et al. 2007) Preynat et al. (2009) ยัง เพิ่มการผลิตน้ำนมวจข้อมูล โดยอาหารเสริมที่รวมกันของกรดโฟลิคและวิตามินบี 12 มี หรือ ไม่มี supplementof ป้องกันรูเมนเมไทโอนีน Juchem et al. (2012) รายงานการปรับปรุงที่สำคัญในการคิดราคา 42 วันผสมพันธุ์ afterfirst กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน B ป้องกันลด ruminal โคนม Resultssuggested เหล่านี้เพิ่มขึ้นความต้องการกรดโฟลิในวัวนมมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงให้นมบุตร อย่างไรก็ตาม กรดโฟลิคเสริมในอาหารโคนมมากกว่า 95% จะตรงสลายตัว โดยจุลินทรีย์ในรูเมน (Santschi et al. 2005) ดังนั้น วิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพการให้นมบุตร สมดุล มิเตอร์เลือด และจำเป็นต้องมีสมรรถภาพการสืบพันธุ์โดย thesupplements ของ RPFA นอกจากนี้ หนึ่งผลงานวิจัยพบการเพาะพันธุ์ครั้งแรกหลังคลอดสำหรับ multiparouscows เกิด 3.8 วันก่อนหน้าในวัวได้รับอาหารเสริมรวมวิตามินบี 12 และกรดโฟลิค (Duplessis et al. 2014) อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่น ๆ รายงานไม่มีความแตกต่างในการผลิตน้ำนมในช่วงให้นมบุตรในวัวยาโฟลิกแอซิด โดยฉีด (Girard et al. 1995) หรืออาหารเสริม (Girard et al. 2005) พิจารณาความไม่สอดคล้องของผลการศึกษาและจำนวนจำกัดของการศึกษาผลกระทบของสมดุลพลังงาน folic acidon และสืบพันธุ์ของวัวนม เราตั้งสมมติฐานว่าอาหารเสริม RPFA จะปรับปรุง lactationperformance สมดุล และสมรรถภาพการสืบพันธุ์ของวัวนมที่ให้นมบุตร จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้จึงเป็นผลของ RPFA เพิ่มขึ้นเสริมจาก prepartum 3 สัปดาห์สัปดาห์ที่ 15 ของ DM บริโภค milkproduction สมดุล และสมรรถภาพการสืบพันธุ์ของวัวนม todetermine

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มัน islikely ที่ต้องการกรดโฟลิคของวัวได้เพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและให้นมบุตร ruminalsynthesis ของกรดโฟลิคที่อาจไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ เหล่านี้ Santschi et al, (2005) และ Schwab et al, (2006) estimatedapparent สังเคราะห์ในกระเพาะรูเมนของกรดโฟลิคจะอยู่ระหว่าง 16.5 และ 21.0 มิลลิกรัม / วันในขณะที่ความต้องการของกรดโฟลิค estimatedin อาร์ซี (2001) สำหรับวัวชั่งน้ำหนักที่ 650 กก. และ 35 กกผลิต 40 (กรัม / ลิตร) ไขมัน นมแก้ไขเป็น 35 มิลลิกรัม / วัน: / การใช้เนื้อเยื่อ 33 มิลลิกรัม dayfor และ 2 มิลลิกรัม / วันสำหรับการผลิตนม ดังนั้นการสังเคราะห์ในกระเพาะรูเมนของกรดโฟลิคไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของโคนมสูงผลิตโดยเฉพาะรอบคลอด (ราร์ดและ Matte, 1999) นอกจากนี้ยังมีเอกสาร severalstudies ว่าการเสริมกรดโฟลิคในอาหารโคนมที่มีผลในเชิงบวกต่อการผลิตน้ำนมเข้มข้น milkprotein และอัตราผลตอบแทน (ราร์ด, et al, 1995;. ราร์ดและ Matte, 1998) กรดโฟลิกเสริมที่ 2.6 กรัม / วันจะ cowsweighing 755 กก. เพิ่มขึ้นอัตราผลตอบแทนการผลิตน้ำนมดิบและนมโปรตีน (Graulet et al., 2007) Preynat et al, (2009) การผลิตนมยัง foundthat เพิ่มขึ้นเป็นอาหารเสริมรวมของกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 มีหรือไม่มี supplementof กระเพาะที่มีการป้องกัน methionine Juchem et al, (2012) รายงานสำคัญในการปรับปรุงอัตราการ 42 วัน afterfirst ผสมพันธุ์กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินบีป้องกันจากการย่อยสลายในกระเพาะรูเมนในโคนม เหล่านี้ resultssuggested ที่ต้องการกรดโฟลิคที่เพิ่มขึ้นในโคนมผลิตสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้นมบุตรในช่วงต้น แต่กว่า 95% ของกรดโฟลิคในอาหารเสริมนมจะสลายโดยตรงจากกระเพาะหมักจุลินทรีย์ (Santschi et al., 2005) .Thus งานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการให้นมบุตร, สมดุลพลังงานและองค์ประกอบของเลือดและประสิทธิภาพการทำงานของระบบสืบพันธุ์ได้รับอิทธิพลจาก thesupplements ของ RPFA เป็นสิ่งที่จำเป็น . นอกจากนี้การวิจัยก่อนหน้านี้หนึ่งพบว่าหลังคลอดครั้งแรกสำหรับการเพาะพันธุ์ multiparouscows เกิดขึ้น 3.8 วันก่อนหน้านี้ในวัวได้รับอาหารเสริมรวมของกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 (ดัลเลส et al., 2014) อย่างไรก็ตามการศึกษาอื่น ๆ รายงานไม่แตกต่างกันในการผลิตนมในช่วงให้นมบุตรในช่วงต้นวัวยากรดโฟลิคโดยการฉีด (ราร์ด et al., 1995) หรืออาหารเสริม (ราร์ด et al., 2005) .Considering ความไม่สอดคล้องกันของผลที่ได้จากการศึกษาก่อนหน้าและ จำนวน จำกัด ของการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการสมดุลพลังงาน acidon โฟลิกและการสืบพันธุ์ของโคนมที่เราตั้งสมมติฐานว่าเป็นอาหารเสริม RPFA จะปรับปรุง lactationperformance สมดุลพลังงานและประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ของโคนมที่ให้นมบุตร จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้จึง todetermine ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก RPFA 3 สัปดาห์ prepartum ถึง 15 สัปดาห์ของการให้นมในปริมาณ DM, น้ำนม, ความสมดุลของพลังงานและการสืบพันธุ์ของวัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มัน islikely ว่ากรดโฟลิกเพิ่มมากขึ้นตามความต้องการของวัว มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้นมและ ruminalsynthesis ของกรดโฟลิก อาจจะไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านี้ใหม่ santschi et al . ( 2005 ) และ ชว้าป et al . ( 2006 ) และ estimatedapparent การสังเคราะห์กรดโฟลิคจะอยู่ระหว่าง 16.5 กับ 21.0 มก. / วัน ขณะที่ความต้องการของกรดโฟลิก estimatedin NRC ( 2001 ) สำหรับวัวเครื่องชั่งที่ 650 กิโลกรัม และผลิต 35 40 ( กรัม / ลิตร ) น้ำนมปรับไขมัน 35 มก. / วัน : 33 มิลลิกรัม / ครั้ง เป็นเวลาและเนื้อเยื่อใช้ 2 มิลลิกรัม / วัน ผลิตนม ดังนั้น ในช่วงของการสังเคราะห์กรดโฟลิค ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ ของสินค้าสูงการผลิต โคนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณคลอด ( ราร์ดและเคลือบ , 1999 ) นอกจากนี้ severalstudies มีเอกสารที่เสริมกรดโฟลิคเสริมในอาหารโคนม ได้ผลในเชิงบวกในการผลิตนม เข้มข้น มิ้ลค์ โปรตีนและผลผลิต ( ราร์ด et al . , 1995 ; ราร์ดและเคลือบ , 1998 ) เสริมกรดโฟลิก 2.6 กรัม / วัน เพื่อ cowsweighing 755 กิโลกรัม เพิ่มผลผลิต ผลผลิตน้ำนมและโปรตีน ( graulet et al . , 2007 ) preynat et al . ( 2009 ) นอกจากนี้ยังพบว่าการผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นโดยรวมของเสริมกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 มีหรือไม่มี supplementof กระบวนการปกป้องเมทไธโอนีน . juchem et al . ( 2012 ) รายงานการปรับปรุงที่สำคัญในอัตรา conception 42 วัน afterfirst ผสมพันธุ์กับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของวิตามิน B และได้รับการปกป้องจากการเสื่อมสภาพในโคนม เหล่านี้ resultssuggested ความต้องการกรดโฟลิกสูงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในโคนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการให้น้ำนม อย่างไรก็ตาม มากกว่า 95% ของกรดโฟลิคเสริมในอาหารโคนมโดยตรงย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ทั้งหมด ( santschi et al . , 2005 ) ดังนั้นการวิจัยในการปฏิบัติการให้สมดุลพลังงานค่าเลือดและสมรรถภาพการสืบพันธุ์ โดยได้รับอิทธิพลจาก thesupplements ของ rpfa ที่จําเป็น นอกจากนี้ ก่อนหน้านั้นพบพันธุ์แรกหลังคลอดสำหรับ multiparouscows ขึ้น 3.8 วันก่อนหน้านี้ในวัวได้รับอาหารเสริมรวมของกรดโฟลิคและ B12 ( ดูพลีซิส et al . , 2010 ) อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่น ๆ รายงานว่าไม่มีความแตกต่างในการผลิตนมในช่วงต้นของการให้นมในโคนมและกรดโฟลิกโดยการฉีด ( ราร์ด et al . , 1995 ) หรืออาหารเสริม ( ราร์ด et al . , 2005 ) . พิจารณาลักษณะของผลลัพธ์จากการศึกษาก่อนหน้านี้และจำนวน จำกัด ของการศึกษาผลของกรดโฟลิก acidon สมดุลพลังงานและการสืบพันธุ์ของโคนม เราตั้งสมมุติฐานว่า rpfa เสริมจะปรับปรุง lactationperformance สมดุลพลังงานและประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ของโคนม . จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้จึงเพื่อศึกษาผลของการเสริม rpfa จาก 3 สัปดาห์ prepartum 15 สัปดาห์ของการให้น้ำนมใน DM ปริมาณ milkproduction สมดุลพลังงานและประสิทธิภาพการสืบพันธุ์ของวัว