There are also philosophers who arg

There are also philosophers who argue that both the corporeal and the incorporeal constitute reality. This latter group of philosophers hold a dualistic view about reality so they are called dualists and their school of thought is known as dualism. There is however a main difference between dualism and duality. According to Microsoft Encarta (2008) “dualism, in philosophy, is the theory that the universe is explicable only as a whole composed of two distinct and mutually irreducible elements”. It also defines duality as “a situation or nature that has two states or parts that are complementary or are in mutual opposition”. Whereas dualism connotes contrast, opposition, polarity, dichotomy and differentiation, duality would connote complementarity, mutuality, symbiosis and coexistence. Whereas dualism allows for the bifurcation of things into compartments, duality on the other hand abhors bifurcation and compartmentalization. Consequently, even when dualism recognizes two distinct existent things, because it always polarizes and dichotomizes things, this duality soon shrinks or reduces to become a monistic dualism. In essence, though dualism offers us the opportunity of a dual world of good and evil, heaven and hell, faith and reason etc, but because of its tendency to polarize, conjunction is soon replaced by disjunction (i.e. the excluded middle) so that at the end we are left to choose either good or bad, heaven or hell, faith or reason. In science this spirit of polarization rears its head up in the form of proving whether a given statement is true of false. This is exactly what we mean by the law of exclusivity or reductionism.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากนี้ยังมีนักปรัชญาที่โต้แย้งว่า การ corporeal และ incorporeal ที่เป็นจริง นักปรัชญากลุ่มนี้หลังค้างดู dualistic เกี่ยวกับความเป็นจริงดังนั้นพวกเขาเรียกว่า dualists และของโรงเรียนคิดว่า dualism ได้อย่างไรตาม หลักความแตกต่างระหว่าง dualism และทวิภาวะ ตาม Microsoft Encarta (2008) "dualism ในปรัชญา ได้ทฤษฎีที่ว่าจักรวาลจะอธิบายทั้งหมดประกอบด้วยองค์ประกอบที่แตกต่างกัน และกันอย่างต่ำสองเท่า" มันยังกำหนดทวิภาวะ "สถานการณ์ หรือธรรมชาติที่มีสองสถานะ หรือชิ้นส่วนที่จะเสริม หรือในการต่อต้านซึ่งกันและกัน" ในขณะที่ dualism connotes ความคมชัด ฝ่ายค้าน ขั้ว dichotomy และสร้างความแตกต่าง ทวิภาวะจะ connote complementarity, mutuality, symbiosis และมีอยู่ร่วมกัน ขณะ dualism ช่วยให้ bifurcation สิ่งเป็นช่อง ทวิภาวะคงเกลียดชัง bifurcation และ compartmentalization ดังนั้น แม้ dualism รู้จักสิ่งแตกต่างกันมีอยู่สอง เนื่องจากมันจะ polarizes และ dichotomizes สิ่ง ทวิภาวะนี้เร็ว ๆ นี้ลดขนาด หรือลดเป็น monistic dualism ในสาระสำคัญ ว่า dualism ให้เราโอกาสของสองโลกสวรรค์ที่ดี และความ ชั่ว นรก ความเชื่อ และเหตุผลอื่น ๆ แต่เนื่อง จากแนวโน้มของการ polarize ร่วมเร็ว ๆ นี้ขึ้นมาแทนที่ โดย disjunction (เช่นแยกกลาง) เพื่อให้จบ เราจะเหลือให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งดี หรือไม่ ดี สวรรค์ หรือนรก ความเชื่อ หรือเหตุผล วิทยาศาสตร์ นี้วิญญาณของโพลาไรซ์ rears หัวของค่าในรูปแบบของการพิสูจน์ว่าคำสั่งที่กำหนดเป็นจริงเท็จ นี่คือสิ่งที่เราหมายถึงตามกฎหมายผูกขาดหรือ reductionism

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากนี้ยังมีนักปรัชญาที่อ้างว่าทั้งตนและตนเป็นความจริง กลุ่มหลังนี้ของนักปรัชญาถือมุมมองเกี่ยวกับความเป็นจริงสติคเพื่อให้พวกเขาจะเรียกว่า dualists และโรงเรียนของพวกเขาของความคิดที่เป็นที่รู้จักกันเป็นคู่ แต่จะมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างคู่และคู่ ตาม Microsoft Encarta (2008) "คู่ในปรัชญาเป็นทฤษฎีที่ว่าจักรวาลเป็นเพียงอธิบายโดยรวมประกอบด้วยสององค์ประกอบที่แตกต่างกันและร่วมกันลดลง" นอกจากนี้ยังกำหนดคู่เป็น "สถานการณ์หรือลักษณะที่มีสองรัฐหรือชิ้นส่วนที่ประกอบหรืออยู่ในความขัดแย้งซึ่งกันและกัน" ในขณะที่คู่ความหมายตรงกันข้ามฝ่ายค้านขั้วขั้วและความแตกต่างเป็นคู่จะแสดงความหมาย complementarity, ร่วมกัน symbiosis และการอยู่ร่วมกัน ในขณะที่คู่ช่วยให้การแยกไปสองสิ่งที่เป็นช่องที่เป็นคู่ในมืออื่น ๆ เกลียดแฉกและ compartmentalization ดังนั้นแม้ในขณะที่คู่ตระหนักถึงสองสิ่งที่แตกต่างกันอยู่เพราะมันมักจะ polarizes และสิ่ง dichotomizes, คู่นี้เร็ว ๆ นี้จะช่วยลดการหดตัวหรือจะกลายเป็นคู่มาตรฐานเดียว ในสาระสำคัญ แต่คู่เรามีโอกาสของโลกที่สองของดีและความชั่วสวรรค์และนรกความเชื่อและเหตุผล ฯลฯ แต่เนื่องจากแนวโน้มที่จะมีลักษณะเป็นแม่เหล็ก, ร่วมจะถูกแทนที่โดยเร็วร้าวฉาน (เช่นยกเว้นตรงกลาง) เพื่อให้ที่ ท้ายที่สุดเราจะเหลือที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งดีหรือไม่ดีสวรรค์หรือนรกศรัทธาหรือเหตุผล ในสาขาวิทยาศาสตร์จิตวิญญาณของโพลาไรซ์นี้ rears หัวของมันขึ้นมาในรูปแบบของการพิสูจน์ว่าคำให้การที่เป็นจริงของปลอม ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราหมายตามกฎหมายของการผูกขาดหรือ reductionism

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีนักปรัชญาที่โต้เถียงว่า ทั้งบริษัทและรวมเข้าด้วยกันเป็น จริง กลุ่มหลังนี้ของนักปรัชญาถือมุมมองสติคเกี่ยวกับความเป็นจริงดังนั้นพวกเขาจะเรียกว่า dualists และโรงเรียนของความคิดของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันเป็นคู่ . แต่มีความแตกต่างหลักระหว่างคู่ และคู่ . ตาม Microsoft Encarta ( 2008 ) " คู่ในปรัชญาเป็นทฤษฎีที่จักรวาล explicable เท่านั้นที่เป็นทั้งประกอบด้วยสององค์ประกอบที่แตกต่างกันและร่วมกันลด " นอกจากนี้ยังกำหนดคู่เป็น " สถานการณ์หรือธรรมชาติที่มีสองรัฐหรือส่วนที่เสริมหรือกำลังในการต่อสู้ร่วมกัน " ส่วนคู่ connotes ความคมชัด , ฝ่ายค้าน , ขั้ว , ขั้ว และการต่อสู้จะใช้ร่วมกันข้อมูล , ,การประสาน และการอยู่ร่วมกัน ส่วนคู่ช่วยให้เป็นสิ่งที่เป็นช่องคู่ในมืออื่น ๆ abhors รามายณะ และ เรื่องการควบคุมอารมณ์ ดังนั้นแม้เมื่อคู่จำสองสิ่งมีอยู่ที่แตกต่างเพราะมันเสมอและ polarizes dichotomizes สิ่งคู่เร็วๆนี้หดตัวหรือลดเป็นคู่เกี่ยวกับการมีมาตรฐานเดียว . ในสาระแม้ว่าคู่ให้เราโอกาสโลก คู่ ดี และ ชั่ว นรกและสวรรค์ ความเชื่อและเหตุผล ฯลฯ แต่เนื่องจากแนวโน้มที่จะแบ่งเป็นฝ่ายถูกแทนที่ทันทีโดยการตัดขาด , สันธาน คือ การยกเว้นกลาง ) ดังนั้นในตอนท้ายเราก็เหลือให้เลือกไม่ว่าจะดีหรือเลว นรกหรือสวรรค์ ความศรัทธา หรือเหตุผลในวิทยาศาสตร์นี้วิญญาณของโพลาไรเซชัน rears หัวของมันขึ้นในรูปแบบของพิสูจน์ว่าได้รับงบเป็นจริงเท็จ นี่คือสิ่งที่เราหมายถึงโดยกฎหมายของการผูกขาด หรือ reductionism .