พอลิเมอไรเซชัน
Polymerization
เมื่อพิจารณากลไกของการเกิดปฏิกิริยาและโครงสร้างเคมีของพอลิเมอร์ แล้วพบว่าสามารถแบ่ง พอลิเมอไรเซชันออกได้เป็น 4 ประเภท ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
พอลิเมอไรเซชันแบบขั้น หรือ ควบแน่น
พอลิเมอไรเซชันแบบลูกโซ่แรดิคัล หรือ เพิ่มเข้า
พอลิเมอไรเซชันแบบไอออนิก
พอลิเมอไรเซชันแบบโคออร์ดิเนชัน
1. พอลิเมอไรเซชันแบบขั้น หรือ ควบแน่น (Step or Condensation Polymerization)
1.1 พอลิเมอไรเซชันแบบขั้นที่เป็นเส้นตรง (Linear Step Polymerization)
ในการเตรียมพอลิเมอร์ประเภทนี้จำนวนของหมู่ฟังก์ชันนัล (functional) มีความสำคัญมาก ตัวอย่างเช่น การเตรียมเอสเทอร์จากปฏิกิริยาระหว่างหมู่คาร์บอกซิลิก และ หมู่ไฮดรอกซิลในโมเลกุลของ กรดอะซิติก และ เอธานอล ซึ่งทั้งสองโมเลกุลมีหมู่ฟังก์ชันนัลเพียงหมู่เดียว (monofunctional compounds) ผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยาที่ได้คือ เอธิลอะซิเตต และ น้ำ ดังสมการ
แต่เนื่องจากสารตั้งต้นทั้ง 2 มีหมู่ฟังก์ชันนัลเพียงหมู่เดียว เอธิลอะซิเตตที่เกิดขึ้นจึงไม่เหลือหมู่ฟังก์ชันนัลที่สามารถเกิดปฏิกิริยาต่อเป็นสายพอลิเมอร์ได้
เมื่อพิจารณาปฏิกิริยาระหว่างกรดเทเรพทาลิค (terephthalic acid) และ เอธิลีนไกลคอล (ethylene glycol) ซึ่งทั้งสองโมเลกุลมีหมู่ฟังก์ชันนัล 2 หมู่ (difunctional compounds) เอสเทอร์ที่เกิดจากปลายด้านหนึ่งของกรดคาร์บอกซิลิคทำปฏิกิริยากับปลายด้านหนึ่งของไฮดรอกซิลเรียกว่า ไดเมอร์ (dimer) ซึ่งไดเมอร์สามารถเกิดปฏิกิริยาต่อเป็นไตรเมอร์ (trimer) หรือเตตระเมอร์ (tetramer) ที่มีหมู่ฟังก์ชันนัล 2 หมู่ (difunctional tetramer) และ เกิดปฏิกิริยาต่อไปเรื่อย ๆ ได้พอลิเมอร์น้ำหนักโมเลกุลสูงที่มีโครงสร้างเป็นเส้นตรง ถ้าใช้มอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันนัลมากกว่า 2 หมู่ จะได้พอลิเมอร์ที่มีกิ่งก้านสาขา เช่น เมื่อใช้กรดเทเรพทาลิคทำปฏิกิริยากับกลีเซอรอล (glycerol : HOCHB2BCH(OH)CHB2BOH) ซึ่งมีหมู่ฟังก์ชันนัล 3 หมู่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะเป็นพอลิเอสเทอร์ที่ไม่เป็นเส้นตรง
1.1.1 พอลิคอนเดนเซชัน (Polycondensation)
ปฏิกิริยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กถูกกำจัดออกระหว่างการเกิดปฏิกิริยา เช่น โมเลกุลของน้ำถูกกำจัดออกในระหว่างการเตรียมพอลิเอสเทอร์แบบเส้นตรง ดังสมการข้างล่าง เมื่อ R1 และ R2 แทนด้วยไฮโดรคาร์บอน
นอกจากนี้พอลิเอสเทอร์ยังสามารถเตรียมจากมอนอเมอร์ชนิดเดียวที่มีฟังก์ชันนัลสองหมู่ เช่น ( - hydroxy carboxylic acids)
พอลิเอไมด์สามารถเตรียมจากปฏิกิริยาควบแน่นระหว่างมอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันนัล 2 หมู่ เช่น เอมีน และ คาร์บอกซิล
1.1.2 พอลิแอดดิชัน (Polyaddition)
เป็นพอลิเมอไรเซชันระหว่างมอนอเมอร์ที่มีหมู่ฟังก์ชันนัล 2 หมู่ แต่ไม่มีการขจัดโมเลกุลขนาดเล็กออกระหว่างการเกิดปฏิกิริยา ตัวอย่างเช่น
พอลิยูรีเทน (polyurethanane) ที่เตรียมจากปฏิกิริยาระหว่างไดไอโซไซยาเนต (diisoscyanate) และ ไดออล (diol)
พอลิยูเรีย (polyurea) เป็นปฏิกิริยาของไดไอโซไซยาเนต (diisocyanates) กับไดเอมีน (diamines)
การนำปฏิกิริยา Diels-Alder มาประยุกต์ใช้เพื่อเตรียมพอลิเมอร์ เช่น พอลิเมอไรเซชันของ ไซโคล- เพนตะไดอีน (cyclopentadiene) ดังสมการ
1.2 พอลิเมอไรเซชันแบบขั้นที่ไม่เป็นเส้นตรง (Non-Linear Step Polymerization)
เป็นปฏิกิริยาระหว่างมอนอเมอร์ซึ่งมีหมู่ฟังก์ชันนัลมากกว่า 2 หมู่ ในขั้นแรกจะได้โครงสร้างของพอลิเมอร์ที่มีกิ่งก้าน และหลังจากนั้นจะมีการเพิ่มขนาดหรือน้ำหนักโมเลกุลอย่างรวดเร็ว และในที่สุดแล้วจะได้พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห ซึ่งมีสมบัติแตกต่างจากพอลิเมอร์แบบเส้นตรง ยกตัวอย่างเช่น ปฏิกิริยาระหว่างไดคาร์บอกซิลิก แอซิค (dicarboxylic acid : R(COOH)2) และ ไตรออล (triol : RP'P(OH)3) ซึ่งมีหมู่ฟังก์ชันนัล 3 หมู่ ได้พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแหดังนี้
พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห (Network Polymers)
พอลิเมอร์ประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde-based resins) เป็นพอลิเมอร์แบบร่างแหชนิดแรกซึ่งเตรียมโดยพอลิเมอไรเซชันแบบขั้นและถูกใช้ทางการค้า เริ่มจากเตรียมพอลิเมอร์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ หลังจากนั้นพอลิเมอร์จะถูกทำให้ไหลภายใต้ความดัน และ ความร้อนในแม่พิมพ์ (mold) เพื่อขึ้นรูปเป็นพอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห และ มีรูปร่างตามแม่พิมพ์ เนื่องจากฟอร์มาลดีไฮด์มีหมู่ฟังก์ชัน 2 หมู่ การจะทำให้เกิดโครงสร้างแบบร่างแหจึงต้องใช้สารตั้งต้นร่วม (coreactants) ที่มีจำนวนหมู่ฟังก์ชันนัล (functionality, f) มากกว่า 2 หมู่ โดยทั่วไปนิยมใช้ฟีนอล (f = 3) ยูเรีย ( f = 4) และเมลามีน (f = 6)
Formaldehyde
Phenol
Urea
Melamine